26 มีนาคม 2546 18:00 น.
เพื่อนของพระจันทร์
ผมพิมพ์มาถึงตรงนี้ ก็ต้องกด Delete ลบข้อความนั้นทิ้งเสียหมด
หลังจากที่ผมนั่งจ้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วมั้ง
แต่งานเขียนของผมก็ยังอยู่เหมือนเดิม
ไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่มีอะไรขยับเขยื้อนไปสักอย่าง
ทั้ง ๆ ที่ผมจะต้องส่งต้นฉบับในวันพรุ่งนี้แล้ว
แย่จริง ๆ สมาธิหายไปไหนหมดนะ
บรรยากาศ ภาพความหลังในวัยเด็กหายไปไหนหมดนะ
- - นี่ผมคิดผิดหรือเปล่าหนอ? - -
ที่รับงานเขียนเรื่องสั้นเกี่ยวกับพ่อมา
ก็เพราะคำว่า พ่อ นี่แหละที่ทำให้ผมเขียนไม่ออก
ไม่รู้จะเขียนอะไร เพราะพ่อไม่เคยอยู่ในความทรงจำของผม
หรือเป็นฮีโร่เยี่ยงอย่างพ่อคนอื่น ๆ จนบางครั้งผมมีความรู้สึกราวกับว่า
พ่อกับผมเป็นคนแปลกหน้าที่ต่างวัยและบังเอิญมาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน
พ่อยังเป็นคนทำลายครอบครัว ทำลายความรักที่แม่มีต่อพ่ออย่างหมดสิ้น
จนแม่ทนไม่ไหวต้องหย่าร้างกันไปในที่สุด และพ่อยังจะทำลายความฝันของผมอีก
ผมอยากเรียนหนังสือ ผมชอบงานเขียนหนังสือ
ผมบอกกับพ่อในวันที่พ่อบอกให้ผมเลิกเรียนหนังสือ
และออกมาช่วยกันทำงานที่โรงกลึงของตนเอง..
แกจะเรียนไปทำไมนักหนา กิจการของพ่อก็มี
แล้วไอ้ความฝันบ้า ๆ บอ ๆ ของแกอีก
ผมทิ้งมันไม่ได้ ผมทิ้งความฝันของผมไม่ได้หรอกพ่อ ผมเถียง
แต่แกต้องทิ้งมัน แกต้องมาช่วยฉันทำงาน พ่อขึ้นเสียงตอบกลับมา
พ่อ มันหมดสมัยที่พ่อจะบังคับลูกแล้วนะ
แต่ฉันจะบังคับแก พ่อยืนคำขาด
พรุ่งนี้แกต้องไปลาออก
ผมเกลียดพ่อ ผมเกลียดความคิดโง่ ๆ ของพ่อ
เกลียดการกระทำของพ่อ
ที่วัน ๆ มัวแต่นั่งทำงานงก ๆ พ่อไม่เคยสนใจผม
พ่อไม่เคยถามผมสักคำว่าผมต้องการอะไร เอะอะอะไรพ่อก็บังคับผม
ผมเกลียดพ่อ !!!
23 มีนาคม 2546 03:05 น.
เพื่อนของพระจันทร์
เธอเคยรู้บ้างไหมว่าคนที่เคยเข้มแข็งในสายตาใครๆ(แม้แต่เธอเอง)
วันนี้..ไม่เหลือแม้แต่เรี่ยวแรงจะห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลท่วมท้นหัวใจได้เหมือนเคย
ฉันคนเดิมหายไปไหนนะ...
ก่อนที่เราจะต้องจากกันตลอดไป
ช่วยหันกลับมาบอกกันหน่อยได้ไหม
ว่าคนอ่อนแอที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคนนี้..."ไม่ใช่ฉัน"
22 มีนาคม 2546 22:37 น.
เพื่อนของพระจันทร์
เรารับรู้ได้ว่าเรื่องนี้ทำให้นายรู้สึกวุ่นวายใจในตอนนี้ เพราะการตัดสินใจเป็นสิ่งที่ยากมาก
เรื่องของนายทำให้เราคิดถึงเรื่องของเราเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
และแน่นอน ทุกวินาที ทุกช่วงเวลา
คนเรามักจะมีเรื่องให้คิดให้ตัดสินใจอยู่เสมอ
แปลกนะ เหตุผลสำคัญที่เราใช้ในการตัดสินใจเหมือนกัน
ในฐานะเพื่อนที่เคยผ่านภาวะนี้มาแล้ว
และเคยเสียใจลึกๆกับการตัดสินใจของตัวเองมาแล้ว
อยากจะบอกให้นายรับฟังไว้ซักนิดว่า
" อย่าเอาอนาคตของเราเองไปแขวนไว้บนความคิดของคนอื่นเลย
เพราะคนทุกคนมีศักยภาพมากพอในการเดินตามทางที่ตัวเองเลือกไว้
เป็นเรื่องปกติ..ที่คนเรามักจะต้องสับสนเมื่อเดินมาถึงทางแยกสองทางที่อยู่ตรงหน้า
ประสบการณ์ของคนอื่น คำพูดของคนรอบข้างไม่ว่าจะในแง่สนับสนุนหรือคัดค้าน
เป็นตัวช่วยที่ดีของเรา
แต่ไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้องเลือกตามคำพูดเหล่านั้นเสมอไป
ใจตัวเองต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ
ก่อนตัดสินใจเราควรถามตัวเองก่อนว่า
--ถ้าเราเลือกเดินทางนี้แล้วเรามีความสุขไหม อย่าเลือกทางที่เมื่อเลือกแล้ว
ทำให้เรามีแต่คำว่าเสียดายและเสียใจบอกกับตัวเองอยู่ทุกวัน--
ในเมื่อเราเป็นคนเดิน ทำไมจะต้องใช้ใครต่อใครมาเป็นคนตัดสินใจว่าสมควรจะเดินหรือไม่เดินล่ะ..เพื่อนรัก"
ขอให้เจอทางที่เดินไปแล้วมีความสุขกับชีวิตในเร็ววัน...ห่วงใยเสมอ
..........
22 มีนาคม 2546 01:34 น.
เพื่อนของพระจันทร์
เช้าตรู่ของวันนี้ ฉันลืมตาขึ้นมายิ้มอย่างอารมณ์ดี
ให้กับพระจันทร์เรืองแสงที่ติดไว้บนเพดานห้องเหมือนอย่างเคย
แต่งตัวเสร็จก็ไม่ลืมที่จะหอบเอกสารประกอบการเรียน
ที่วาดสัญลักษณ์พระจันทร์เสี้ยวไว้ที่หัวกระดาษ
เต็มแฟ้มเข้าชั้นเรียนไปด้วย และแทบไม่ต้องเดาเลยว่าข้าวของเครื่องใช้แทบทุกชนิด
จะต้องมีสัญลักษณ์ของอะไรติดให้เห็นเต็มไปหมด
ฉันหลงรักพระจันทร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
หรือตั้งแต่วันที่ฉันตอบคำถามของใครคนนึงที่ว่า"ทำไมนายถึงชอบพระจันทร์?"
"อืม ก็เพราะพ่อบอกว่าชื่อของเราที่พ่อตั้งให้มันหมายถึงพระจันทร์ไง"
"เหรอ อืม เราก็ชอบมองพระจันทร์ มันสวยดี"
พระจันทร์สื่อความหมายถึงหญิงที่เลอค่า สวยสง่า และสูงส่ง
จนเป็นที่มาของสำนวนเปรียบเทียบที่ว่า "กระตายหมายจันทร์"
แต่ฉันอดขำตัวเองไม่ได้ถ้าใครบางคนจะมาเปรียบฉันเป็นพระจันทร์ที่เขาไม่มีวันเอื้อมถึง
เพราะฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าฉันกับพระจันทร์จะใช้คุณค่าในแง่ไหนมาตัดสิน
ฉันอยากจะบอกเขาว่าฉันเองไม่เคยมองคุณค่าของพระจันทร์
เหมือนอย่างที่คนทั่วไปเขาสมมติกันขึ้นมาหรอก
มนุษย์ก็อยู่ส่วนมนุษย์ ดาวเคราะห์ก็อยู่ส่วนดาวเคราะห์......จริงไหม?
หนึ่งปีก่อนหน้านี้ ฉันมีโอกาสได้พบเพื่อนใหม่คนหนึ่ง
ความผูกพันฉันเพื่อนรัก ณ ตรงจุดนี้เป็นไปอย่างแน่นแฟ้น
ในความรู้สึกต่างคนก็คงคิดว่าอย่าให้ถึงวันที่ต้องแยกจากกันเลย
จนเราต้องใช้คำว่า"ตลอดไป" แทนความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน และใช้คำนี้ย้ำเตือนใจตลอดเวลา
แต่ในวันนี้ฉันไม่มั่นใจว่าคำๆนี้จะถูกลบไปจากความทรงจำของใครก่อน
เพราะเราคงเหลือเวลาอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่จะได้พบเจอกัน
"ถ้าเรามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนวันไหนที่เห็นจันทร์สวยสดใส
วันนั้น คุณก็จะไม่เห็นดาวดวงเล็กดวงน้อยส่องแสง
หรือวันใดคุณเห็นดาวเปล่งประกายเต็มฟ้ามืด วันนั้น
คุณก็จะไม่พบดวงจันทร์....เขาและเธอ ไม่อาจพบกันตลอดกาล..... "
หากเขาเป็นตัวแทนของดวงดาว แล้วฉันเป็นตัวแทนของดวงจันทร์
ข้อความนี้บอกอะไรแก่เราหรือ?
คงเป็นเรื่องยากเหลือเกินกับการเดินทางมาพบเจอคนสำคัญของใจในวันหนึ่ง
ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะเพื่อนหรือคนรัก ไม่ว่าความห่างไกลจะทำให้เราไม่อาจพบกันตลอดกาลจริงๆ
ฉันก็ภูมิใจในความโชคดีที่ได้พบเจอคนๆนี้
คนที่เรียกตัวเองว่า ......"เพื่อนของพระจันทร์ ........