17 กรกฎาคม 2550 00:04 น.
เพียงแพรว
เสียง วะ เหวย ดำเอ๋ยไก่ลูกพ่อ
จิกเข้าลูก!!อย่าหงอพ่อกลัวพ่าย
เงินประเดิมครั้งนี้มีมากมาย
'เขา' โวยวายตะเบ็งก้องร้องเสียงดัง
เฮ..เอ้า..ฮาไก่ข้าเริ่มเข้าที่
เอาเลยลูกเร่งเข้าตี 'เขา' ร้องสั่ง
จิกมันเข้าให้แรงเต็มกำลัง
เดือยแทงไปอย่ายั้งอย่ารั้งรอ
คู่ต่อสู้อีกฝ่ายฉายแววผ่อน
คนทั้งบ่อนส่วนใหญ่เริ่มใจฝ่อ
เพราะถือหางเจ้าขาวไว้มากพอ
ด้วยเป็นต่อกว่าเจ้าดำระยำมาร
ยกต่อยกผ่านไปไก่ดำล้า
เลือดไหลซิบขอบตาทั้งสองด้าน
แต่ต้องสู้เพราะ 'เขา' เฝ้าเจือจาน
ให้อาหารให้ที่อยู่ 'กูต้องทน'
พร่ำศักดิ์ศรีกูนี้เหนือไก่วัด
ให้กูหัดให้กูตีไม่มีบ่น
อ้อจริงสิ!! ปากกูนี่!! ใช่ปากคน
ถึงกูบ่นคนหรือจะได้ยิน..
เอาอีกหน่อยมันถอยแล้วหล่ะลูก
เอามันเจ็บถึงกระดูกทุกๆชิ้น
ลูกชนะใสใสไร้ราคิน
พ่อได้เงินล้างหนี้สินคุ้มพอกัน
ยกสุดท้ายไก่ดำปล้ำไก่ขาว
อยากรีบเร่งจบเรื่องราวการแข่งขัน
แผลข้างตาแสบสุดอยากหยุดมัน
จึงโรมรันปะทะชนะชัย
'เขา' บรรจงลูบไก่ด้วยใจชื้น
ไก่เอ๋ยไก่สะอื้นอกร่ำไห้
'เขา' ได้เงินแต่กูเจ็บแทบขาดใจ
เพราะต้องแทนคุณยิ่งใหญ่เขาเลี้ยงมา
.............
15 กรกฎาคม 2550 22:08 น.
เพียงแพรว
แว่วแว่วเสียงซาบซ่าน...............ซึ้งใจ
ดาลอกพร่ำพิไร........................ร่ำร้อง
ขวัญมิ่งแห่งดวงฤทัย................จรจาก
ฤๅเสน่ห์ในตัวน้อง....................หมดสิ้น สาบสูญ๚
อัสสุชลท้นเอ่อท่วม...................ธรณี
ถมทับม่านเมฆี.......................ค่อนฟ้า
หวาดหวั่นพรั่นฤดี....................วนโศก
ชีวิตหนึ่งกำพร้า.......................พี่แล้ว หรือไร๚
กำซาบรสโศกเศร้า..................เสมอกาล
ยืนอยู่อย่างทรมาน...................หม่นว้า
เพียงลมลู่โบกลาญ..................ใจแหลก
อกอิ่มความเหนื่อยล้า...............อ่อนไร้เรี่ยวแรง๚
เราเอยไยห่มน้ำ......................ตาหนาว
หนาวยิ่งกว่าเหน็บหนาว............แนบเนื้อ
ครวญคร่ำยามขาดคราว...........เคียงคู่ พี่เอย
ชุ่มช่วงชั้นเชิงเชื้อ...................อดีตร้ายราญรุม๚
ก่อนเคยแนบชิดใกล้...............เคียงกัน
อบอุ่นสายสัมพันธ์...................เพริศพ้อง
หวังรักหวานชื่นหัน..................หวนกลับ ดังก่อน
อย่าให้ใครหนึ่งต้อง ................เหนี่ยวรั้งกำสรวล๚
.......................
14 กรกฎาคม 2550 08:20 น.
เพียงแพรว
มองกิ่งไม้ที่ลู่ไหวด้วยลมลูบ
เอนกายจูบพสุธาดังรักใคร่
เจ้าโอนอ่อนอย่างอ่อนโยนทั้งก้านใบ
โดนลมไหวจึงไหวลงโค้งสู่ดิน
มองขึ้นฟ้าเมฆาเจ้าเคลื่อนคล้อย
ลอยล่องลอยแข่งวิหคที่ผกผิน
ยังเปลี่ยนร่างสร้างภาพให้ยลยิน
ดังภาพศิลป์บนผืนผ้านภาดล
หากมีปีกคงตีปีกร่อนเหนือเมฆ
ไปปั้นเสกรูปเมฆกลางเวหน
ใช้อิสระโบยบินไปดังใจตน
หลบให้พ้นจากทุกข์ทนคนธรรมดา
นั่งรับลมกลางชานบ้านหลังน้อย
ปล่อยความคิดล่องลอยหลุดเวหา
บรรจงสร้างภาพศิลป์จินตนา
มองด้วยตาแต้มให้งามด้วยหัวใจ
สูดกลิ่นหอมมวลไม้ที่ขจร
เอนกายนอนแนบลงตรงแคร่ไผ่
ภาพซ้อนภาพจินตนายังวาดไป
ความงดงามแต่งแต้มใจจนอิ่มเอม
(ภาพซ้อนภาพจินตนายังวาดไป
ลืมทันใดข่าวภาคใต้ ข่าวการเมือง 555)
10 กรกฎาคม 2550 07:36 น.
เพียงแพรว
เขาตีบทได้แตกเกินแยกแยะ
ฉันโดนแทะเล็มเนื้อเหลือเพียงร่าง
กลผู้ดีตีหน้ามาอำพราง
ช่างวาดวางแผนร้ายได้แยบยล
คำพูดหวานกว่าน้ำตาลแต่เสแสร้ง
แต่งบทเพื่อแสดงชวนสับสน
จับผิดยากยิ่งกว่ามายากล
คนหนอคนร้ายนักชักหวั่นใจ
สวมหน้ากากเลิศหรูดูน่าเชื่อ
ไล่ตอนเหยื่อลวงล่อให้หลงใหล
เสกมนต์ดำอำพรางไว้ข้างใน
เหลือเพียงขาวเคลือบไว้ให้ดูดี
จิตใจคนยากนักเกินหยั่งรู้
หวานคำยอยกชูเพียงฉากสี
ความจริงใจหาง่ายนั้นใช่มี
มิตรไมตรีอาบน้ำลาย..ง่ายยิ่งกลืน
จะหาใครคนไหนไม่ตีหน้า
ทิ้งมารยาให้ลับทั้งหลับตื่น
ถอดหน้ากากเฉลยเผยจุดยืน
มิตรที่ยื่นนั้นจากใจ...ใช่เพียงลม
8 กรกฎาคม 2550 21:18 น.
เพียงแพรว
จากผิดแผกแตกแยกในแรกเริ่ม
เปลี่ยนจากเดิมความสัมพันธ์ถึงขั้นนี้
เคยฉายแววเกลียดชังฝังฤดี
กลับกลายมีความห่วงหาเข้ามาแทน
หากว่าเราไม่รู้จักซักกระเบียด
แค่เดินเฉียดเหมือนคนอื่นอีกหมื่นแสน
ไม่คุ้นเคยลึกซึ้งถึงในแกน
หนึ่งอ้อมแขนหนึ่งนั้นฉันคงไกล
กว่าเข้าร่องเข้ารอยก็คอยนาน
ด้วยต่างคนดื้อด้านเกินขานไข
ทั้งก็รักผูกพันกันในใจ
แต่ภายนอกกับภายในไยขัดกัน
ก็คล้ายคล้ายจะรู้อยู่เต็มอก
แต่ต่างปกปิดไว้ไม่ไหวหวั่น
จนวันหนึ่งถึงที่หนทางตัน
เธอกับฉันจึงเฉลยเอ่ยออกมา
หากว่าเราเป็นเพียงเพื่อนร่วมโลก
ไม่มีโชคผูกพันกันเกินกว่า
เพียงผิวเผินแค่เดินเฉียดไปมา
บทจากลาคงไร้ท่าว่าอาวรณ์
ร้าวรู้สึกเมื่อนึกถึงตอนนี้
พอได้ร่วมฤดีเกินถ่ายถอน
ฟ้ากลับพลัดฉุดพรากให้จากจร
ใจสั่นคลอนซับน้ำตา.. ข้างฝาโลง..