17 พฤศจิกายน 2550 10:41 น.
เพียงแพรว
ไกลแสนไกล..ท่องได้แค่คำนี้
ห่างเหลือเกินรักที่มีที่ไขว่หา
เพียงแอบมองห่างๆไม่วางตา
เธอเหลียวมาต้องแสร้งแกล้งมองไกล
รักก็รักมากมายใช่ไม่รัก
แต่เขตแดนมันสูงนักข้ามไม่ไหว
ฉันกับเธอ เราห่างกันเกินไป
รักเท่าไรก็คงไร้ซึ่งหนทาง
มองเธอยิ้มแก้มปริ่มฉันอิ่มสุข
ยามเธอทุกข์อยากแค่เพียงได้เคียงข้าง
อยากใช้มือเช็ดน้ำตาทั้งสองปราง
ทุกก้าวย่างไม่อยากห่างซักนาที
มือทั้งสองของฉันอุ่นไม่พอ
จึงไม่ขออะไรไปกว่ากว่านี้
อยู่ไกลห่างข้างหลังก็ยังดี
สิทธิ์ที่มีแค่แอบมองจ้องไกลๆ
เจ็บทุกทางทุกๆอย่างทั้งความคิด
ความสนิทคบแค่เพื่อนเตือนตัวไว้
หากจะเศร้าจะเหงาในหัวใจ
จะร้องไห้..กลับมาร้อง..ในห้องนอน
ขอเก็บไว้ความในใจไม่เปิดปาก
แม้จะเจ็บมากๆยากถ่ายถอน
เรื่องความรักมีบทเศร้าเหงาทุกตอน
ใจเอยอ่อนนั่งเขียนกลอนทั้งน้ำตา
การห้ามใจทำไมมันยากเย็น
ห้ามในสิ่งกำลังเป็นเช่นดังว่า
ทั้งที่ใกล้ได้พบเจอทุกเวลา
ต้องบังคับเสียงพูดจาห้ามสั่นเครือ
บทสุดท้ายการร้องไห้คือที่สุด
ไม่อาจหยุดการไหลพรากเพราะยากเหลือ
เจ็บดวงใจยิ่งกว่าใครเฉือนจิ้มเกลือ
ตกเป็นเหยื่ออารมณ์..ต้องข่มใจ
....
16 พฤศจิกายน 2550 11:12 น.
เพียงแพรว
ดอกฝัน..ตระกานบานเบ่งแล้ว
งามยิ่งกว่าดอกแก้วที่กลางสวน
กลิ่นนั้นตลบช่างอบอวล
หอมหวนว่ากลิ่นใดในโลกา
จุดแรกแปลกไหมที่ใคร่รู้
เพียงภาพที่พิศดูยังฝันหา
ใครวาดแต่งต่อลวงล่อตา
ถามถึงคุณค่าหามีไม่
เพิ่มสันปันแต่งแข่งใครอื่น
หยิบยื่นเพียงภาพว่าสดใส
ข้านี้มีดีเกินกว่าใคร
อย่าสนใจ..ภายในใช่สำคัญ
เหยียบย่ำนำไปในทางเด่น
แสงสีส่องเน้นว่าเป็นฉัน
หมดจดงดงามล้ำพร่ำรำพัน
ใครหนอ ใครกันเทียบชั้นเรา
ดอกฝัน..ดอกนั้นยังบานอยู่
กลิ่นหอมที่รับรู้ยังเหมือนเก่า
เรื่องสังขารยังไม่เห็นยังเร้นเงา
ใยว่าฉันงี่เง่าเล่า..สัจธรรม
วัยยังอ่อนไม่รีบร้อนเข้าหาศีล
เรื่องวัดวาที่ได้ยินเพียงขำๆ
เร่งไปไยกลัวทำไมเล่าบาปกรรม
รอแก่ก่อน..ค่อยเชื่อคำ..พุทธองค์
ดอกความฝัน..บ่งบานจนยานย้อย
นั่งตาลอยคิดถึงร่างเพรียวระหง
หมู่เพื่อนพ้องมากมายตายจากลง
สิ่งยังคง..คืออะไร..?..ไม่มีเลย..
..
15 พฤศจิกายน 2550 15:06 น.
เพียงแพรว
โอ้แรงลมผ่านฟ้า................ .....วายุ
โถมคลื่นเข้าปะทุ......................ฝั่งด้าว
สาดซัดอย่างดาลดุ.....................จ้องจะ ทำลาย
เปรียบคลื่นอารมณ์ร้าว.............หลั่งน้ำตานอง
เพลิงอารมณ์เร่งร้อน..................แรงไฟ
แรงดั่งจะเผาไหม้......................ทั่วหล้า
น้ำตาหยดหลั่งไหล.....................จึงดับ
ทุกข์จักกี่ครั้งหนอข้า..................กว่าพ้น บ่วงกรรม
อกเอ๋ยดังห่อด้วย.......................ความกลัว
ทั้งฝั่งใจมิดมัว............................ขุ่นข้น
หมอกดำซ่านสลัว.......................เริ่มคลี่ ปกคลุม
รอหลั่งน้ำตาล้น..........................หม่นนั้นคงคลาย
ชะตาขีดคาดไว้...........................ตามกรรม
ฤาพระพรหมแกล้งเหยียบย่ำ......ตัวข้า
ชีพหนอช่างชอกช้ำ.....................จิตหม่น
ก้าวย่างอย่างอ่อนล้า....................เจ็บร้าว ชาชิน
..
13 พฤศจิกายน 2550 12:54 น.
เพียงแพรว
ลมหนาวพัดสายหมอกจัดโลกเงียบเหงา
ตะวันฉายไม้ทอดเงาเรานั่งหมอง
อารมณ์เศร้าอารมณ์ร้ายกรายมาครอง
ทั้งสี่ห้องหัวใจร้องทำนองครวญ
ฤดูหนาวเด่นเดือนดาวพราวพริบไหว
เสียงจิ้งหรีดเรไรไยโหยหวน
พาคนเศร้าให้เงียบเหงาร้าวรัญจวน
ชวนนะชวนให้ใจแตกให้แหลกราน
เจ็บนะเจ็บเพราะอะไรใครช่วยบอก
ช้ำเอยตอกดั่งเหล็กยอกทะลุผ่าน
ผ่านทุกส่วนเส้นเลือดใจก็ไม่ปาน
ทรมานเกินกว่าทานทุกวิธี
ฟ้าหนอฟ้าใยพาความโหดร้าย
เข้าแทรกแซงย่ำกรายฉันเช่นนี้
น้ำตานองไหลหลั่งดั่งนที
เกินหลีกลี้หนีห่างย่างออกไกล
หากข้างฉันวันนี้มีเธออยู่
บอกให้สู้ให้ฉันรู้ไม่หวั่นไหว
แม้อ่อนแอแม้อ่อนล้าพาก้าวไป
จูงแขนฉันประคองใจในทุกทาง
ฝันแค่ฝันเท่านั้นหนอก้แค่ฝัน
ฉันอ่อนแอฉันไหวหวั่นฉันอ้างว้าง
ทำได้เพียงพึ่งพาสายลมบาง
แสงแดดจางเด่นดาวพร่างเคียงข้างกัน
ไม่มีเธอฉันจึงเพ้อจึงอ่อนล้า
ทุกปัญหาเข้ามาทำร้ายฉัน
แก้ไม่ได้จึงร้องไห้เพราะทางตัน
มือไม้สั่นเพราะว่าฉันมันอ่อนแอ
...
5 พฤศจิกายน 2550 17:08 น.
เพียงแพรว
ด้วยมนตราติดตรึงซึ้งในจิต
รักสถิตแทบใจจนไหวหวาม
แม้นกายไกลแต่ใจต้องติดตาม
เฝ้าทวงถามความคิดถึงหนึ่งใจนั้น
อวลอารมณ์รักพรมเข้าในอก
ความอาทรเธอป้องปกหัวใจฉัน
ดั่งสายรุ้งที่โอบรัดผูกพัน
หนึ่งใจนั้นกับใจนี้มิลี้ไกล
หากดวงเนตรฉายคมจนข่มเดือน
คงสะเทือนดวงจิตผิดไฉน
หนึ่งอกนี้ที่ร้อนรุ้มดั่งสุมไฟ
ก็ด้วยไกลจากเนตรนั้นมาเนิ่นนาน