19 ธันวาคม 2550 21:12 น.
เพียงแพรว
....มองเจ้าเข็มนาฬิกา..
ที่เคลื่อนตัวช้า-ช้า..อย่างสงสัย..
..ทำไมนะ..เวลาผ่านมาแล้วผ่านไป
ไม่เคยหยุดรอใคร..หรืออะไร..เลยซักที
...มันคงคล้ายกับความรักของเธอ..
ที่เคลื่อนตัวอยู่เสมอ..ไม่เคยหยุดอยู่กับที่
ในขณะที่ฉันวางหัวใจเอาไว้..ที่เธอคนดี..
..แต่ใจเธอกับพยายามหนี..ตลอดเวลา
..ในนิยายความรักของเธอกับฉัน..
ความหมายคงแตกต่างกันนักหนา..
สำหรับเธอ..ความรักคงเป็นแค่ลม..ที่พัดพา
....ที่ผ่านมา..ไม่นาน..ก็ผ่านไป...
...ฉันเองคงไม่โกรธเธอหรอก..ที่รัก
เพราะนิยายของฉันยิ่งใหญ่นัก..ที่ให้ไว้...
...รัก..สำหรับฉันคือ...ภักดี..และ..จริงใจ
มันคงยากเกินไป..ที่เธอจะทำได้..
..หรือแม้แต่จะเข้าใจ...แล้วยอมรับมัน..
...
5 ธันวาคม 2550 13:16 น.
เพียงแพรว
มิใช่ฝันหรืออื่นใดในตอนนี้
กับอารมณ์ที่ล้นปรี่ด้วยสุขสม
วูบวาบแสงสดใสในอารมณ์
มาพร่างพรมเกินระงับดับไม่ทัน
กี่สิบหมื่นค่ำคืนทุกตื่นหลับ
ความงดงามแทรกประดับกับภาพฝัน
แสงอ่อนนวลชวนเคลิ้มจากพระจันทร์
กระทบใจชวนไหวหวั่นอกสั่นคลอน
เปิดใจรับกับความหวานผ่านมาแทรก
รู้สึกแปลกในใจไม่เหมือนก่อน
บทพูดซึ้งประหนึ่งบทละคร
ใจเข้มแข็งเริ่มอ่อนในทันใด
ตาเธอคมข่มฉันจนหวั่นแล้ว
เสียงเบาแผ่วแต่พลังช่างยิ่งใหญ่
ศิโรราบตราบแนบแทบดวงใจ
ความอ่อนไหวก่อกวนชวนลังเล
งามเหลือเกินโลกนี้ที่ฉันเห็น
ลิ่วลมเย็นพัดพามากล่อมเห่
ใจเข้มแข็งแกร่งกล้ามาซวนเซ
เพียงพัดเพลมปากหวาน..เธอหว่านโปรย
...........
3 ธันวาคม 2550 20:42 น.
เพียงแพรว
๏ วสันตดิลกฉันท์ . . .
แสงทอดประเทืองบุรพทิศ....กลพิศพิมานบน
แจ่มแจ้งกระจ่างสุวสกล........ตะละหนก็พ้นหมอง
แสงสางสว่างรุจประทีป.........ดลชีพะเรืองรอง
บุปผาประดาสิจะผยอง..........อุระร่ายระเริงรำ
ไพรพฤกษ์ผลิตขจิตผล.........ชะกมลประจักษ์จำ
ริ้วลมประโลมติณระบำ..........รติชื่นระรื่นรมย์
..............................ห้วงคำนึง
๏ โคลง . . .
.แสงส่องกระทบน้ำ............วารี
.เงาทอดผ่านพิถี.................ทั่วถ้วน
.หากแต่ช่วงรังสี..................ฤๅชุ่ม เลยนา
.ปอนเปียกชลฉ่ำล้วน..........โอบไล้สายแสง
.นทียังสัมผัสใกล้...............เนื้อใน
.หากแต่มิว่าใจ...................หนึ่งแท้
.แสงที่ส่องแรงใส..............สวยเด่น
.ประดุจกับว่าแม้.................ญาติเกล้า เครือเดียว
.........................อัสสุ
๏ กลอน . . .
...แสงดาวพราวพร่างกลางเวหา
...ดวงจันทรานวลผ่องส่องไสว
...หรีดหริ่งเรื่องร่ำร้องทำนองไพร
...ขับเสียงใสชวนชื่นรื่นอารมณ์
...หากดึกดื่นคืนค่ำได้ร่ำบท
...แต่งเติมพจน์ภาษาน่าสุขสม
...ฟังบทกลอนช่วยระงับดับระทม
...เพื่อความสุขเข้าพร่างพรมให้สมจินต์
...................เพียงแพรว
ปล. ซึ่งผลงานนี้ได้รวมตัวกันระหว่าง ห้วงคำนึง อัสสุ เพียงแพรว
โดยร้อยกรองจะบอกลักษณะตัวตนของแต่ละคน
ซึ่งได้เปรียบเป็นดอกไม้ แต่ละชนิดดังนี้
ห้วงคำนึง...กล้วยไม้
เขาเป็นคนที่งามแบบน่าศึกษา และถ้อยคำสำนวน
ไพเราะอันทรงคุณค่า จึงดูเหมือนกล้วยไม้
อัสสุ...บัว
เขาเหมือนความงามที่เบาๆ อะไรที่อ่อนๆ ไม่แรงร้าย
พร้อมที่จะเบ่งบานในความคิดเสมอ จึงเปรียบเหมือน ดอกบัว
เพียงแพรว กุหลาบ
เธอคือความงามที่เปิดเผย บุคลิกที่ร่าเริงแจ่มใส
ดูน่าสนใจตลอดเวลา และภาษา เนื้อหาร้อยกรองที่ได้แสดงออก
บ่งบอกลักษณะเธอคือ กุหลาบ
..
2 ธันวาคม 2550 00:02 น.
เพียงแพรว
ิ
ฝากกระซิบขอบคุณไออุ่นรัก
ฝากไปทักอีกคนไกลด้วยใจหมาย
แม้ตอนนี้ระยะทางห่างมากมาย
ยังเชื่อมสายโยงรักทักถึงกัน
จงบอกใจเอาไว้ให้ห่วงหา
เตือนใจว่าอย่ารวนเรอย่าเหหัน
บันทึกไว้ถ้อยคำเคยพูดกัน
ผูกและพันด้วยด้ายใจให้แนบแน่น
ยืนและยันคืนวันจะผันผ่าน
เนิ่นและนานหรือห่างกันไปไกลแสน
อย่าได้มีใครอื่นมายืนแทน
เพราะฉันหวงอ้อมแขนนั้นของคุณ
หลากถ้อยคำย้ำกล่าวเรื่องราวหวาน
ที่ถักทอประสานอย่างอบอุ่น
แววตาซึ้งอ่อนใสละไมละมุน
อย่าเจือจุนทอดเผื่อเหลือให้ใคร
มอบให้ฉันคนเดียวนะ โปรดสัญญา
ขอสายตาอย่ามองหาใครคนใหม่
ขอร้องนะ จากนี้อย่ามีใคร
เพราะฉันกลัว พลาดคุณไป จะขึ้นคาน ..
กิ้วๆ
28 พฤศจิกายน 2550 09:58 น.
เพียงแพรว
รับคำสั่งจากใจให้ห่วงหา
ปรารถนาความอาทรก่อนหลับใหล
มาเห่กล่อมบทเพลงของดวงใจ
กระซิบเสียงอย่างห่วงใยให้ฝันดี
ตราบจนสิ้นดาราจันทราทิพย์
แสงระยิบจากดวงเนตรวิเศษสี
ฉายชัดมาแรงกล้ากว่ารวี
เข้ามาสู่ดวงเนตรนี้ยามตื่นนอน
เพียงหนึ่งคำย้ำกล่าวคราวร้อนรุ่ม
มือเกาะกุมบีบกระชับกับเนื้ออ่อน
มือต่อมือสื่อใจให้อาทร
สายตาเราเว้าวอนยากถอนไกล
หนาวอากาศแสนหนาวคราวฤดู
ลมพัดลู่ชวนสั่นอกหวั่นไหว
เฝ้าห่วงหาอ้อมแขนนั้นให้อุ่นไอ
ฉายแสงจ้าจากเนตรนัยน์ให้หนาวคลาย
รื่นอารมณ์สุขสมพรมเข้าหา
ภาวนาให้รักนี้อย่าหนีหาย
ลุ่มหลงรักสมัครพร้อมน้อมใจกาย
มาหมั่นหมายความรักปลูก ผูกข้อมือ.....
..