30 สิงหาคม 2549 13:20 น.
เพียงพลิ้ว
น้ากานต์ ดอกสะเลเตออกดอกแล้ว ห๊อมหอม เสียงน้องนอตรายงานผ่านสายโทรศัพท์เมื่อเช้านี้
เหรอ น้องนอต ดีจัง เก็บไปให้ยายหรือยังล่ะ ฉันพลอยตื่นเต้นไปด้วยเมื่อได้ยินเสียงตื่นเต้นของหลานชาย
เก็บให้แล้วเมื่อเช้านี้ ยายเอาเหน็บหูไปวัดแล้วด้วย ยายยิ้มแป้นเลยนะ น้องนอตพูดถึงยายด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขมาก จาฉันรู้สึกได้และพลอยยิ้มไปด้วย
ดีจังเลย คงหอมมากสินะ น้องนอตดมเผื่อน้าด้วยนะ
ครับ งั้นน้องนอตไปโรงเรียนก่อนนะครับ
ครับ ตั้งใจเรียนนะครับ
หลังจากวางหูจากหลานชาย ฉันก็นึกไปถึงบทสนทนาทางโทรศัพท์กับพี่ชายที่อยู่ต่างประเทศไม่ได้
กลับบ้านไหมวันแม่
ยังไม่รู้เลยค่ะพี่ แม่บอกว่าไม่ต้องกลับหยุดแค่สองวันเอง ฉันตอบพี่ชายไปทั้งที่มือยังสาละวนกับการปั่นงาน
กลับบ้านสิ แม่ยิ่งบ่นให้พี่ฟังนะว่าน้องกานต์เที่ยวเก่ง หยุดอาทิตย์ไหน ไม่เคยอยู่บ้านเลย
ว้าย มีฟ้องกันด้วยแฮะ งั้นกลับบ้านดีกว่าค่ะ วันแม่ ไปหาแม่ดีกว่าค่ะ พ่อยิ่งไม่สบายและบอกว่าคิดถึงกานต์อยู่ด้วย
ยังไงนะ น้องคนนี้ เดี๋ยวกลับ เดี๋ยวไม่กลับ กลับก็ดีแล้วจ้า
แล้วเราซื้อของขวัญอะไรให้แม่ดีล่ะ
ซื้ออะไรดีล่ะคะ เอาเงินให้คุณแม่แล้วให้แม่ไปเลือกซื้อเองดีกว่าค่ะ
พี่ว่า เราน่าจะมีอะไรพิเศษมากกว่านั้นนะ เงินก็ให้แล้วมีอะไรพิเศษดีล่ะ
แล้วพี่ว่าอะไรดีคะ ซื้อเสื้อผ้าใหม่ หรือสร้อยทองล่ะคะ
เอางี้ พี่ไปถามเดี่ยวก่อนว่าเราจะซื้ออะไรให้แม่ดี
เราสี่คนพี่น้องก็มีมิติเป็นเอกฉันท์ที่จะซื้อดอกสะเลเต(ดอกมหาหงส์)กอใหญ่ๆไปให้คุณแม่เป็นของขวัญวันเกิดสี่กอ จากลูกๆสี่คน โดยให้ฉันเป็นผู้รับผิดชอบเพราะพี่ชายและน้องชายไม่ได้อยู่เมืองไทยเลย คืนวันที่สิบเอ็ดฉันออกเดินทางกลับสู่มาตุภูมิ แปดชั่วโมงบนรถประจำทางชั้นหนึ่ง อากาศไม่หนาวไม่ร้อน เย็นสบายชวนให้นอน ฉันนั่งคิดอะไรไปเรื่อยๆ และนึกถึงดอกสะเลเตที่สั่งเพื่อนซื้อไว้ให้ที่บ้าน แม่จะรู้สึกยังไงนะ เมื่อเห็นของขวัญจากลูกๆ และนึกไปถึงอดีตเมื่อยี่สิบปีก่อน
แม่คะ ดอกอะไรคะ หอมจัง ฉันถามแม่ตามประสาเด็กช่างสงสัยขณะที่นอนฟังนิทานกับพ่อแม่และน้องชายที่นอกชาย
ดอกสะเลเตจ้า หอมนะ เมื่อตอนเป็นสาว แม่เอาเหน็บหูประจำเลย
ใช่แล้ว พ่อหลงรักแม่ก็ตอนเอาสะเลเตเหน็บหูนี่แหละ อยากฟังเรื่องตอนพ่อเป็นหนุ่มไหม พ่อหันมาถามลูกๆ
อยากฟังค่ะ/ครับ ฉันกับน้องชายตอบพร้อมกันเสียงใสตั้งท่าฟังพ่อเล่าเรื่องอดีตรักให้ฟัง
งั้น แม่ไปนอนก่อนนะ ว่าแล้วแม่ก็เดินเข้านอน โดยไม่ฟังเสียงทักท้วง แม่คงเขินล่ะสิ
พ่อเป็นคนร้อยเอ็ดเดินทางมาเยี่ยมพี่ชายที่แต่งงานและตั้งรกรากที่หมู่บ้านของแม่ในช่วงสงกรานต์ แล้วพ่อก็ได้รู้จักกับน้องชายของแม่และชวนกันไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่วัดที่มีหนุ่มๆสาวๆไปรวมกลุ่มเล่นน้ำกันอย่างหนาตา
พี่ชอบสาวคนไหน บอกผมได้นะ เดี๋ยวผมติดต่อให้ น้าเกษมกระซิบบอกพ่อ
พ่อกวาดสายตาไปรอบๆลานวัด สายตา สายตาก็ไปหยุดที่สาวร่างอวบ ผิวขาวเหน็บดอกสะเลเตที่หู
คนนั้นน่ะ คนที่ใส่เสื้อสีชมพู แหม ฉันรู้แล้วว่าทำไมฉันชอบสีชมพู
คนนั้นเหรอ ที่ผอมๆขาวๆใช่ไหม ชื่อนีนะ น้าเกษมเข้าใจว่าเป็นอีกคนที่ยืนใกล้ๆแม่
ไม่ใช่อีกคนที่อวบๆขาวๆ พ่อรีบปฏิเสธ
อ้อ สวยๆคนนั้นชื่อพิมพ์ เป็นลูกกำนัน
ไม่ใช่คนที่ทัดดอกสะเลเตที่หูน่ะ
ไม่ได้นะ นั่นพี่สาวผม น้าเกษมเริ่มออกอาการหวงพี่สาว
ไหนว่าจะติดต่อให้ไง
ไม่ได้ ว่าแล้วน้าเกษมก็เดินหนีพ่อไป ฉันนึกสงสารพ่อในใจ
แล้วพ่อทำไงครับ น้องชายถามแทรกขึ้นมา
พ่อก็แอบมองแม่เดินไปวัดทุกวัน เห็นแม่ชอบดอกสะเลเตมากทัดหูไปวัดตอนเช้าๆทุกวัน พ่อเลยไปเก็บหาดอกสะเลเตมาให้แม่ปลูกกอหนึ่ง แม่เขาก็เลยชอบพ่อและได้แต่งงานกันในอีกสองปีต่อมา แล้วที่บ้านก็ปลูกดอกสะเลเตเรื่อยมา จนกระทั่งย้ายบ้าน เลยไม่ได้ปลูกอีกเลย
เช้าวันที่สิบสอง ฉันก็ถึงบ้าน แวะบ้านเพื่อนไปรับดอกสะเลเตก่อนจะให้เพื่อนไปส่งที่บ้าน พอไปถึงบ้านลงจากรถสวัสดีพ่อแม่และญาติเรียบร้อยก็ยกของขวัญสี่ชิ้นมาให้คุณแม่ น้ำตาซึมเมื่อเห็นท่าทางชื่นชอบและดีใจของคุณแม่เมื่อเห็นดอกสะเลเต รวมทั้งสีหน้าปลาบปลื้มของคุณพ่อที่ลูกๆยังจำเรื่องราวเล็กๆน้อยๆได้ วันนี้บอกกับพี่ชายและน้องชายว่าดีใจมากที่เลือกให้ดอกสะเลเตให้คุณแม่ และวันนี้ดอกสะเลเตบานแล้ว แม่คงทัดหูทุกเช้า อยากกลับบ้านไปหอมแก้มคุณแม่จัง