มิตรภาพ ตั้งแต่ฉันได้เข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ฉันได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับมิตรภาพมากโดยตลอด เป็นต้นว่า มิตรภาพ อาบน้ำผึ้ง มิตรภาพอาบสุรา มิตรภาพอาบยาพิษ มิตรภาพอาบปลายฟ้า ฯลฯ ความหมายของคำว่ามิตรภาพคงขึ้นอยู่กับประสบการณ์ตรงของแต่ละคนกระมัง โดยประสบการณ์ของฉันเอง ฉันได้รับน้ำใจไมตรีจิตจากเพื่อนๆในบ้านหลังนี้มาตลอด ได้รับความเมตตา ได้พูดคุยกับเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆหมายคน และได้พบหน้ากันบ้างในบางโอกาส และที่ได้พบกันบ่อยๆก็คือเพื่อนร่วมก๊วนห้าเจ้าจอมและพี่ยาแก้ปวดที่มีความรัก ความห่วงใยและปรารถนาดีให้กันเสมอ บางครั้งมานั่งนึกเล่นๆว่าอะไรกันหนอที่ทำให้เราคบกันมาได้นานขนาดนี้ ความเข้าใจหรือเปล่า หรือว่าการให้อภัยกัน แต่พอฉันได้ดูโฆษณาของธนาคารของธนาคารกสิกรไทยแล้ว ฉันก็บอกตัวเองได้ว่า ความจริงใจนั่นไงที่ทำให้มิตรภาพของเรายืนยาวขนาดนี้ พอฉันได้ดูโฆษณานี้ ทำให้ฉันนึกถึงคุณประกาศิตของฉันที่เราได้รู้จักกันมาแปดปี แต่เราไม่เคยได้พบกันเลย แต่เราก็มีโอกาสได้คุยทักทายกันบ่อยๆ ฉันไม่เคยได้เห็นรูปของคุณประกาศิตมาก่อน แต่คุณประกาศิตก็เห็นรูปของฉันบ่อยๆเพราะว่าเวลาไปเที่ยวไหนก็เอามาเขียนเรื่องสั้นอยู่บ่อยๆ บางครั้งฉันก็นึกสงสัยว่าคุณประกาศิตจะหน้าตาเป็นอย่างไรหนอ ไม่ยอมให้สาวิตรีได้เห็นหน้าบ้างเลย จนกระทั่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง สิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คุณประกาศิตบอกว่าจะเอาของมาฝากจากเมืองเหนือ ฉันตื่นเต้นมากที่จะได้พบคุณประกาศิต พอฉันไปถึงที่นัดหมาย ฉันก็มองหา คนไหนหนอคุณประกาศิต แต่คุณประกาศิตก็เป็นคนทักฉันก่อน เขาบอกว่าฉันไม่ต่างจากที่เห็นในรูป ไม่ต่างจากที่เคยคุยกัน เราได้กินข้าวด้วยกัน ได้คุยกัน ตอนกินข้าวกับคุณประกาศิต ฉันไม่ยักจะรู้สึกเขินเลย กินๆไม่รักษาภาพพจน์ คุณประกาศิตก็คุยเก่ง ขี้บ่นเหมือนที่คิดไว้ แต่ก็ดีที่ไม่มีความเงียบเกิดขึ้นในช่วงที่เราได้พบกัน คุณประกาศติบอกว่าฉันกินเก่งและเลือกกิน(เลือกกินแต่ของอ้วนๆ) วันนั้นฉันกินเยอะเลย เป็ดย่าง ข้าวอบ ปอเปี๊ยะ ไข่เจียวหมูสับ ปลากระพงนึ่งมะนาว น้ำพริกไข่ปู และยำวุ้นเส้นทะเล ที่ฉันกินกุ้งกับปลาหมึกแล้วให้คุณประกาศิตกินวุ้นเส้น อิอิ การได้พบกับคุณประกาศิตครั้งแรก ทำให้ฉันนึกถึงวันที่ได้พบเฌอมาลย์ครั้งแรกเมื่อแปดปีก่อน ฉันไม่รู้สึกเขิน เราเข้ากันได้ดี เหมือนรู้จักกันมานาน ฉันคงได้พบกับมิตรภาพที่ยั่งยืนอีกแล้วสินะ ขอบคุณคุณประกาศิตสำหรับของฝาก ถูกใจมากค่ะ ของโปรดที่สุดเลย ขอบคุณนะคะที่พบกัน ถ้าวันนั้นเราไม่ได้ไปพบกัน ฉันจะเสียดายและเสียใจไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว เพราะว่าคุณประกาศิตน่ารัก มีน้ำใจ และที่สำคัญคือความเอื้ออาทรและความจริงใจที่ด้รับมาตลอด และนับจากวันนั้น...จนถึงวันนี้...การพูดคุย การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทำให้เกิดความประทับใจไม่รู้ลืมเลือน และมิตรภาพที่เริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย ทีละนิดนั้น ณ เวลานี้ เป็นมิตรภาพที่น่าจดจำอยู่เสมอ “นี่คงไม่ใช่ความรัก แต่เป็นสิ่งที่มีค่า มันคือมิตรภาพที่ซาบซึ้ง และจะ ซาบ ซึ้ง ตลอด ไป.... “
เสียงนาฬิกาปลุกใครหนอ ปลุกแต่เช้าจัง เพิ่งตีห้าเอง กำลังฝันหวานยู่เลย เพียงพลิ้วคิดในใจ อ้อ ใช่แล้ว เรามีนัดไปเที่ยวอัมพวากับเพื่อนๆบ้านกลอนกัน เราต้องตื่นกันแล้ว เดี๋ยวเพื่อนๆรอนาน พี่กุ้งกับคุณปุ๋ยนัดกันตั้งแต่ตีสี่เราต้องตื่นแล้ว ว่าแล้ว เพียงพลิ้วผู้ซึ่งตื่นทีหลังเพื่อนก็หอบเสื้อผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำก่อนใคร ปล่อยให้พี่ก้าว...ที่กล้าและแมงกุ๊ดจี่ดื่มกาแฟรอ เวลา 06.20 น. เราก็พร้อมออกจากบ้านกัน พี่ก้าว...ที่กล้า โทรหาคุณอัลมิตรา คุณอัลมิตราบอกว่าอีกสิบนาทีรถที่จะไปด้วยจะมาถึง เราก็เลยรีบปั่นจักรยานออกจากบ้านโดยไม่ได้แวะชมป่าแสนสวยริมทางเลย รอรถแท็กซี่ก็ไม่มาสักที โบก 2 คันก็ไม่ยอมจอด ในที่สุดคันที่ 3 ก็ยอมรับเราไปส่งที่ร้านนิวรสทิพย์ พอไปถึงร้านนิวรสทิพย์เราก็เห็นที่ถ่ายรูปได้รูปเดียว ก็กลัวกลุ่มเพื่อนร่วมทางของเราจะรอนาน เลยรีบไปที่จุดนัดหมาย โดยไม่ได้ถามไถ่ว่ารอเรานานไหม พี่แบมแก้วประภัสสร ก็ตรงเข้ามาสวมกอด โดยมีคุณอัลมิตราที่เพียงพลิ้วเคยพบเมื่อ 7 ปีที่แล้วเป็นผู้แนะนำ พี่กุ้งหนามแดง ก็ดูผอมลงจากเคยพบกันที่ระยองในปี 2548 พี่แม่มดใจร้ายก็ดูสวยไม่น่าใจร้าย พี่ปู่กิ่งวันนี้ไม่ใส่เสื้อลายแต่ใส่เสื้อขาวมา เมื่อเราพร้อมหน้าพร้อมตากัน รถตู้หนึ่งคัน รถยนต์หนึ่งคันก็ออกเดินทางทันที คันหนึ่งมี 8 คนอีกคันหนึ่งมี 4 คน แต่เราก็มีวิทยุสื่อสารไว้ติดต่อกันตลอดทาง พอขึ้นรถไป พี่แบมก็มีไข่ต้มมาแจก มีขนมมาให้กินเยอะแยะเลย ก็เลยอุ๊บอิ๊บมาฝากเฌอมาลย์และยาแก้ปวดคนละฟอง ในรถตู้ของเราสนุกสนานมาก เสียงคุยกันตลอด ปกติเพียงพลิ้วขึ้นรถจะหลับแต่คราวนี้ฟังและคุยเพลินเลย เราเปลี่ยนจุดหมายปลายทางเล็กน้อย เราได้เดินทางไปที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวกก่อน วันนี้แดดไม่ร้อน เราไปถึงที่นั่นประมาณ 9.00 น. พอลงรถไปก็เจอคุณยายขายมะพร้าวอยู่ เอ แต่ทำไมคุณยายไม่เขียนว่ามะพร้าว ทำไมเขียนว่ากะทิ ก็เลยคุยกับพี่แม่มดว่า นั่นไม่มะพร้าว นั่นคือกะทิ เพียงพลิ้วเลยว่าสงสัยเป็นมะพร้าวที่เขาเอามาทำกะทิ พี่แม่มดเลยบอกว่าไม่ใช่ นั่นคือมะพร้าวกะทิที่เขาเอาเนื้อมาใส่ทับทิมกรอบ เพียงพลิ้วก็เลยได้ความรู้ใหม่ กินเป็นอย่างเดียวเลยเชียวเรา แล้วพวกเราก็เดินดูสินค้าที่ขายในเรือกัน พี่ก้าวที่...กล้าแวะซื้อกาแฟ เพียงพลิ้วกับแมงกุ๊ดจี่เลยแวะดูงอบที่แม่ค้าขายอยู่ริมน้ำ เพียงพลิ้วไม่มีหมวกก็เลยจะซื้อ ขอลองใบเล็กจากแม่ค้า ลองแล้วไม่มีกระจกเลยให้แมงกุ๊ดจี่ถ่ายรูปให้แล้วดูในกล้อง แต่ดูแล้วงอบกระดกขึ้นจากหัว หัวโตหมวกเล็กก็เลยไม่เอา เสียงแม่ค้าลอยมาว่า จะใส่ถ่ายรูปก็บอกกันดีๆก็ได้ จะลองใบใหม่อีกไหม แต่รอดตัวใบพี่แม่มดใจร้ายคนสวยมาตามเราไปลองเรือพอดี ไม่งั้นไม่รอดแน่เรา แล้วเราก็ลงเรือกัน 2 ลำ เราลงเรือชมตลาดน้ำดำเดินสะดวกที่มีสินค้าสวยๆขายทั้งสองฝั่ง มีทั้งเสื้อผ้าหมวก ผลิตภัณฑ์สวยๆจากกะลา แล้วเราก็กินกินก๋วยเตี๋ยวเรือแสนอร่อยที่คุณยายพายเรือแนะนำ เราได้แวะชมเตาตาลที่ทำน้ำตาลสดกัน คุณอัลมิตราซื้อน้ำตาลสดตั้งสิบกิโลเพื่อไปทำขนม แต่เพียงพลิ้วไม่ซื้อไปเพราะว่าหิ้วไม่ไหว กว่าจะถึงพัทยา ที่นี่สาวๆได้ชนแก้วน้ำตาลสดที่แจกฟรี เราแวะชมสินค้าและเลือกมุมถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน จากนั้นเราก็นั่งเรือกลับมาที่ท่าเรือ พี่แม่มดกลับมาซื้อมะพร้าวกะทิ มะนาวที่นี่ก็น่าซื้อ เดินทางกันเหนื่อยบ้างก็แวะซื้อเครื่องดื่มกันตามอัธยาศัย เพียงพลิ้วอยากกินชามะนาว แต่คุณยายคนขายบอกมีแต่ชาไม่มีมะนาวก็เลยเดินไปขอซื้อมะนาว แต่พี่ชาติบอกซื้อแล้วเอาไปเลย ได้มะนาวมากหนึ่งลูกก็เลยบอกคุณยายว่าเอาชามะนาว แต่ตอนคุณยายเทถุงชาลง ก็สงสัยว่าชาทำไมดำจัง แมงกุ๊ดจี่ก็ถามว่าทำไมชาดำจังเลย เพียงพลิ้วก็เลยว่า ชาดำ แต่คุณยายไม่ได้ว่าอะไร คนชากับมะนาวให้เข้ากันแล้วบอกว่าไม่มีเกลือจะอร่อยเหรอ ผลออกมาคือคุณยายทำโอเลี้ยงมะนาวให้กิน แต่คนกินก็กินหมด อร่อยดี ขมๆเปรี้ยวๆ อิอิ แล้วเราก็เดินทางกันมาที่ตลาดน้ำบางนกแขวก วันนี้คนไม่ค่อยเยอะ ทางเข้าก็ค่อนข้างเล็ก คนไม่เล็กอย่างเพียงพลิ้วต้องตะแครงตัวเดินในบางมุม พอไปถึงเราก็นั่งเรือฟรีไปชมสวนมะม่วงหาว มะนาวโห่ คุณอัลมิตราซื้ออาหารขบเคี้ยวมาถุงใหญ่มากินบนเรือ โอ๊ยไม่ใช่ซื้ออาหารปลาไปเลี้ยงปลาด้วย เราได้นั่งเรือชมหิ่งห้อย(น้อยใจ)ด้วย ที่ท่าเรือขึ้นชมสวนมีเปลใหญ่ น่านอนมากเลยอดไม่ได้ทีจะเข้าไปถ่ายรูปกัน ครั้งแรกที่เจอคุณอัลมิตราก็ได้ถ่ายรูปกันบนเปล มาครั้งนี้ได้ถ่ายรูปบนเปลด้วยกันอีก ดีใจจัง จากนั้นเราก็ไปชิมผลิตภัณฑ์จากมะม่วงหาว มะนาวโห่ ที่พี่กุ้งหนามแดงคิดว่ามีแต่ในวรรณคดีไทย ผลิตภัณฑ์มีหลายอย่างทั้งเป็นน้ำมะม่วงหาว มะนาวโห่ น้ำพริก แยมและไวน์ จากนั้นเราก็เข้าชมสวน แต่เดินไปได้หน่อยก็เจองูเขียว บางคนก็หลบไปทางอื่นเพื่อศึกษาประเภทของมะม่วงหาว มะนาวโห่ แต่บางคนก็วิเคราะห์ประเภทของงูเขียวที่พบ จนทราบว่าเป็นงูเขียวหางไหม้ บ้านสวนแห่งนี้บรรยากาศดีมาก มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปเยอะพอสมควร เรากลับมาถ่ายรูปหมู่กันแล้วแยกย้ายกันไปช็อปปิ้งผลิตภัณฑ์จากบ้านสวนกัน คุณอัลมิตราได้มาเยอะกว่าใคร พี่แบมก็ไม่น้อยหน้า เพียงพลิ้วได้น้ำพริกมาฝากพี่ที่ทำงานสองกระปุก จากนั้นเราก็นั่งเรือกลับมาที่ตลาดเก่าบางนกแขวกมาทานอาหารกลางวันกัน คุณอัลมิตราใจดีเลี้ยงผัดไทยกุ้งแม่น้ำหน้าตาดี รสชาติอร่อย เพียงพลิ้วไม่ชอบกินผัดไทยก็เลยกินข้าวแห้งที่เป็นอาหารพื้นเมืองและก๋วยเตี๋ยวกะลาชามละ 10 บาท แต่ก่อนกิน ได้ทำพิธีกับคุณปุ๋ยเล็กน้อย “อย่าเพิ่งกินๆ ถ่ายรูปก่อน” พอทำพิธีเสร็จก็ลงมือรับประทานกันตามอัธยาศัย เพียงพลิ้วลงมือหม่ำส่วนอีกสองสาวเจ้าจอมได้กินผัดไทยห้อยขากัน กินเสร็จ พวกเราก็เดินซื้อของกันต่อ แมงกุ๊ดจี่ไปลองที่คาดผมดอกไม้อันใหญ่ ว่าจะไม่ซื้อก็กลัวเกิดกรณีเหมือนหมวก ก็เลยได้ซื้อก่อนใส่ถ่ายรูปตามพิธีการ เพียงพลิ้วไม่ค่อยได้ซื้ออะไรแต่ก็กระเป๋าขาดจนได้สิน่า จากนั้นเราเดินทางมาที่ค่ายบางกุ้งกัน ทำบุญ ไหวะพระกันตามอัธยาศัย เพียงพลิ้วได้เสี่ยงเซียมซีได้เบอร์ 8 ทำนายไม่ค่อยดีนักเลยฝากหลวงพ่อนิลมณีไว้ก่อน เพร้อมกับไปทำบุญสร้างห้องน้ำวัด ถ่ายรูปกับนักมวยสักหน่อย แอ็คชั่น จากนั้นเราก็ไปเต่าหกขาและเลี้ยงสัตว์ในวัดบางกุ้งกัน แล้วเราก็เข้าเมืองสมุทรสงครามมาที่วัดเพชรสมุทรวรวิหาร (หลวงพ่อบ้านแหลม) เราไหว้พระกันก่อนไปซื้อของที่ตลาดหุบร่ม พี่ปู่กิ่งใจดีได้เลี้ยงไอศกรีมกะทิแสนอร่อยด้วย ขอบคุณมากค่ะ ที่นี่เพียงพลิ้วได้ของฝากมากมายเลย ปลาทู 5 เข่ง ปลาทูหอมอีกหนึ่งกิโล แล้วขนมอีกหลายชนิด ได้ยินแว่วๆว่าคุณอัลมิตราซื้อปลาทู 17 เข่ง 34 ตัวมาด้วย จากนั้นเราก็ได้เดินทางมาที่ตลาดน้ำอัมพวา เราได้เดินกันเป็นกลุ่ม แล้วค่อยนัดพบกันเวลา 17. 30 น. เราสามสาวเจ้าจอมและพี่กุ้งหนามแดงที่น่ารักได้ไปด้วยกัน ส่วนพี่แบมก็มีตากล้องประจำตัวไปด้วย น่าอิจฉาเป็นที่หนึ่ง อิอิ เราเดินกันจนได้เวลาก็เลยรีบมารอเพื่อนๆก่อน หลังจากที่ให้เพื่อนรอเราทุกที่ อิอิ พี่กุ้งเลยแซวว่า “พึ่งจะสำนึกกัน” อิอิ แต่กระนั้นก็ยังมีคนไปถึงก่อนเราอีก แต่ไชโย เราไม่ใช่คนสุดท้าย เราถึงกรุงเทพประมาณทุ่มครึ่ง เพียงพลิ้วกลับถึงพัทยาตอนสี่ทุ่มครึ่ง หลับไปด้วยความสุข ตื่นมายังจำบรรยากาศเมื่อวานได้อยู่เลย ขอขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางที่น่ารักทุกคนนะคะ โดยเฉพาะคุณอัลมิตราที่อยากเที่ยวเลยทำให้เราได้มีโอกาสไปเที่ยวด้วยกัน พวกเราสนุกมากที่ได้เที่ยวได้กินอาหารอร่อยๆ ขอให้คุณอัลมิตราหายเหนื่อยไวๆนะคะจะได้ไปเที่ยวกันอีก พี่กุ้งหนามแดง พี่แบม พี่ปู่กิ่ง คุณปุ๋ยและพี่ชาติ พวกเราดีใจที่ได้พบกัน ได้คุยกันและได้เดินทางร่วมกันนะคะ พี่แม่มดใจร้ายที่ใจดี ขอบคุณนะคะที่ช่วยตามน้องก่อนที่จะถูกแม่ค้าด่า อิอิ พี่แม่มดสวยที่สุดเลยค่ะ คุณหิ่งห้อยน้อยใจที่สดใส ดีใจที่ได้พบกันค่ะ พี่ก้าวที่..กล้า+แมงกุ๊ดจี่ ไว้เจอกันใหม่จ้า คิดถึงทุกคนเลยค่ะ มิตรภาพที่บ้านกลอนอบอุ่นเสมอค่ะ
กลับลำปางมา ถ้ามีเวลาแวะมาเอาน้ำพริกลาบหน่อยนะ เสียงคุณลุง....มิ่งมิตรแห่งบ้านกลอนไทยของเพียงพลิ้ว ที่รู้จักกันมามากกว่าเจ็ดปี ถึงเราจะไม่เคยพบกันเลย แต่ก็สนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี พรุ่งนี้ น้องกานต์จะไปเลือกตั้งล่วงหน้าค่ะ ส่งพัสดุมาได้ไหมคะ ลึกๆก็รู้สึกเสียดายมากที่เสียโอกาสในการพบคุณลุงไป เป็นครั้งแรกที่คุณลุงอนุญาตให้ไปพบได้ แต่เพียงพลิ้วก็เสียโอกาสนี้ไปด้วยเหตุผลมากมาย ไว้โอกาสคงจะมีโอกาสได้พบกันแน่ใช่ไหมคะคุณลุง งั้นเอาที่อยู่มา จะส่ง ems ไปให้ กลัวมันเสียก่อน ว่าแล้วเพียงพลิ้วก็เขียนที่อยู่ให้คุณลุงไป ด้วยความงกจัด เพียงพลิ้วชอบกินอาหารเหนือมาก แต่ทำไม่ค่อยเป็น อยากกินน้ำพริกอ่อง ลาบเหนือ ขนมจีนน้ำเงี้ยว แต่ก็ทำไม่เป็น ได้แต่หาสูตรในอินเตอร์เนตไว้ แต่ไม่มีเครื่องครบสักที วันนี้ได้ลาภจะได้กินลาบแล้ว เพียงพลิ้วได้แต่เฝ้ารอพัสดุด้วยใจจดใจจ่อ และแล้วพัสดุก็มาถึงเมื่อวานนี้ เพียงพลิ้วรีบแกะกล่องและตรวจสอบสภาพของสินค้า โอ๊ย ของฝากทันที นี่ไง น้ำพริกลาบลุสานที่คุณลุงบอกว่าเผ็ดแสนเผ็ด น้ำพริกถุงใหญ่อยู่ในสภาพดีทั้งสองถุงเลย ถุงใหญ่มาก สงสัยจะได้กินตลอดชีวิต คุณลุงบรรยายสูตรลาบเหนือของคุณแม่ให้ฟังอย่างละเอียดถี่ยิบ เพียงพลิ้วก็ตั้งใจฟัง ซักอย่างละเอียด แล้วตอนเย็นเลิกงานก็รีบไปตลาดจัดหาเนื้อหมูตับและผักต่างๆมาทำลาบทันที ก็อยากกินนี่นา น้ำลายไหล ว่าแล้วก็ชวนเพื่อนคนเหนือไปช่วยดูหน่อยว่าซื้อผักถูกไหม และแล้วก็ได้มาครบครัน กลับมาถึงห้องเพียงพลิ้วก็ตะลุยทำลาบเลย ส่วนประกอบที่ได้มาจากตลาดก็มี 1. เนื้อหมูสันในครึ่งกิโลกรัม 2. ตับหมู 3 ขีด (คุณลุงบอกให้ใส่ใส้อ่อนด้วย แต่เพียงพลิ้วไม่ชอบ) 3. หอมแดง 4. กระเทียม 5. ต้นหอม 6. ผักชี 7. ผักแพรว (ผักไผ่) 8. สะระแหน่ (หอมด่วน) ได้เครื่องมาครบก็ลงมือทำได้เลย เพียงพลิ้วสับหมูแล้วคลุกให้เข้ากันกัลน้ำพริกสี่ช้อน คุณลุงบอกว่าเผ็ดมาก พริกดอย เลยไม่กล้าใส่เยอะ กลัวเผ็ดเกินไป แล้ว เจียวกระเทียม เจียวหอม ลวกตับ หั่นผักทั้งสี่ชนิดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วผัดหมูที่คลุกน้ำพริกไว้ให้แห้ง หอมน่ากินเลย พอหมูสุก ก็เอาตับเอากระเทียมเจียว หอมเจียว มาคนให้เข้ากันกับหมูแล้วใส่ผักที่หั่นแล้วลงไป หอมน่ากินเลย แล้วเติมน้ำปลาลงไป ถามคุณลุงว่าใส่มะนาวด้วยไหม คุณลุงว่าไม่ต้องใส่ ไม่ใช่ลาบอีสาน ก็เลยทำตามสูตรของคุณลุงเลย หลังจากนั้นก็ชิมรส อร่อยมาก ฝีมือเพียงพลิ้ว หอมมาก กินข้าวจนลืมไปเลยว่าจะลดความอ้วน ขอขอบคุณ คุณลุง....ผู้ใจดีสำหรับน้องกานต์เสมอ ขอบคุณที่นำลาบมาให้น้องกานต์ น้องกานต์ขอให้คุณลุงได้ลาภนะคะ ขอให้สมปรารถนาทุกประการ มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะคะ
จะไปเที่ยวหัวหิน ไปถ่ายรูปที่เพลินวาน ฉันคุยอวดกับเพื่อนๆตลอดสองเดือนที่ผ่านมาด้วยความตื่นเต้น และแล้ววันนั้นก็มาถึง ฉันจะได้ไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อนๆห้าเจ้าจอมแล้ว ฉันจัดกระเป๋าล่วงหน้าเป็นสัปดาห์เลย เดือนมีนาคมฉันไปช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าชุดกระโปรงลายดอกห้าชุดเพื่อให้เราได้ใส่ไปเที่ยวและถ่ายรูปด้วยกัน ฉันเตรียมกล้องไปสองตัวเพื่อจะให้สาวๆได้ถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่ แต่ดว้ยความตื่นเต้นจัด ฉันจึงได้กล้องตัวเล็กไป ทิ้งตัวใหญ่ไว้ที่ทำงาน น่าเสียดายจริงๆ นางแบบของเราอุตส่าห์เตรียมตัวกันมาเป็นอย่างดี เลิกงานเย็นวันที่หก ฉันเดินทางเข้ากรุงเทพ ตามนัดหมาย เราห้าสาว เพียงพลิ้ว เฌอมาลย์ แมงกุ๊ดจี่และ ก้าวที่...กล้า นัดเจอกันที่อนุสาวรีย์ก่อนเดินทางไปค้างคืนที่ห้องคุณไวท์ลิลลี่ก่อนหนึ่งคืน เย็นวันศุกร์รถติดมาก ฉันมาถึงช้ากว่าใครเลย เรานั่งรถแท็กซี่ไปยังห้องจอมวางแผนกัน ตลอดทางมีเสียงคุยกันตลอดทาง วีรกรรมการเดินทางของแต่ละคนไม่ธรรมดากันเลยทีเดียว โดยเฉพาะแมงกุ๊ดจี่ที่กล้าทะเลาะกับคนขับแท็กซี่ ได้ข่าวว่าจอมวางแผนทำกับข้าวไว้รอ เราจึงไม่ได้ซื้ออะไรเข้าไปเลย เตรียมท้องไปกินอย่างเดียวเลย ไปถึงห้องจอมวางแผน เราทั้งหลายไม่สนใจอะไรทั้งนั้นตรงไปสำรวจของกิน จัดโต๊ะอาหารก่อนอย่างอื่น กุนเชียงไร้มันจากสกลหน้าาตาหน้ากิน ปลาสลิดทอดจากอ่างทองน่าอร่อย เต้าหู้น้ำแดงสีสันน่าหม่ำ น้ำพริกกะปิและดอกแคชุบแป้งทอด (เพิ่งเคยกิน) ทุกอย่างรสชาติดีมาก เราต่างก็แซวคุณรีว่าสงสัยจะเตรียมตัวออกเรือน เพราะว่าทำอาหารได้เก่งมาก จัดห้องก็สะอาดน่าอยู่ ต่างจากห้องฉันมากเลยทีเดียว อาหารคาว อาหารหวานถูกเราจัดการแทบไม่เหลือเลย ก่อนจะทานข้าวก็เกือบเกิดวีรกรรมกล่องข้าวน้อยฆ่าแม่เสียแล้ว เพราะว่าหม้อหุงข้าวของคุณรีเล็กมาก พวกเรากลัวไม่อิ่มกัน คนตั้งห้าคนหม้อข้าวเล็กแค่นี้ ที่ไหนได้ข้าวยังเหลือถึงตอนเช้าอีก เหอๆ หลังจากกินข้าว อาบน้ำแล้วก็ถึงเวลาของงานอดิเรกของเรา ซ้อมกินอาหารทะเลก่อนเดินทางสักชั่วโมง ฉันหมดเหรียญก่อนใครเลยคืนนั้น เพราะว่าเราต่างก็เหนื่อยจากการเดินทางกัน กุ้งไก่เสือเลยต้องได้พักผ่อนกันหมด อากาศร้อนมาก หกคนพัดลมสองตัว เพราะว่าแอร์เสีย เฌอมาลย์แทบอยากเข้าไปนอนในตู้เย็น โชคดีที่ฝนตกทำให้ไม่ร้อนมากนัก สามคนนอนบนเตียง สามคนนอนข้างล่าง เฌอมาลย์นอนข้างล่างมองลอดเตียงไปเจอไวท์ลิลลี่ จ๊าก ศพใต้เตียง เล่นเอานอนไม่หลับทั้งคืน ส่วนฉันหลับสบาย ตื่นมาตีสามลงจากเตียงมาแย่งหมอนเฌอมาลย์ข้างล่างหลับต่อถึงเช้าเลย กองทัพลาวอพยพ เช้าวันที่ 7 เราตื่นกันแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว หาอาหารเช้าทาน จอมวางแผนผัดข้าวผัดไก่หน้าตาเหมือนข้าวผัดปูให้ทาน รสชาติดี และต้มมาม่ารสแซบ หมดเกลี้ยงเลย เราเปลี่ยนแผนจากเดินทางโดยรถไฟไปเป็นรถยนต์เพื่อความสะดวกในการเดินทาง เย้ แล้วเจอกันหัวหิน ไปขึ้นรถตู้กัน แมงกุ๊ดจี่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมหมวกปีกกล้างที่เธออุตส่าห์ซื้อมาฝากคนละใบ และเข้ากับชุดกระโปรงลายดอกของเราแต่งละคน อดใส่หมวกสวยถ่ายรูปเลย เราไปถึงบ้านไออุ่น ซอยหัวหิน 32 กันตอนเที่ยงครึ่ง แต่ห้องพักให้เช็คอินได้ตอนบ่ายสอง เราจึงไปหาอาหารกลางวันกันทานก่อน โชคดีเราไปเจอร้านร่มไม้ชายคาของคุณลุงใจดี บรรยากาศร้านน่านั่ง ลมเย็นสบาย ไปถึงเราก็จัดการสั่งอาหารกันทันที ฉันไม่ได้สั่งกับเพื่อนเลย มัวแต่เดินถ่ายรูปเล่นในร้าน เจอชมพูมะเหมี่ยวสีแดงสด ก็เก็บมากิน อร่อยดี กลับมาของกินเต็มโต๊ะลงมือโซ้ยได้ทันที อิอิ ชิมก่อนใคร ปลาหมึกผัดไข่เค็ม จานเดียวไม่พอ ขอสอง ไก่อบเกลือ จานนี้ก็อร่อย ไก่นุ่มดีหอม จนตอนเช้าต้องสั่งมาอีกรอบ ผัดฉ่ากุ้ง เผ็ดพริกขี้หนูสวน แต่อร่อยมาก ต้มยำทะเลน้ำใส ยำรวมมิตร ทุกอย่างรสจัด จนต้องสั่งไข่เจียวมาแก้เผ็ด ร้านนี้อร่อยทุกอย่างแม้แต่น้ำปลาพริก เราฝากท้องที่ร้านนี้กันสองมื้อเลย บ่ายสองเราก็เข้าห้องพักได้ เราไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดสวยไปเดินเพลินวานกัน โชคดีเหลือเกินที่แดดไม่ร้อน เราจึงเดินไปได้สบายๆ อากาศที่เพลินวานก็ดี คนเยอะ เราได้ถ่ายรูปเป็นนางแบบสมใจ แม้มีกล้องตัวเดียว แต่เราก็เก็บบรรยากาศได้เยอะพอสมควร ฉันได้เสื้อหัวหินมาตัวหนึ่ง หลังจากนั้นเราก็นั่งรถสองแถวชมเมืองเข้าไปเดินเที่ยวตลาดโต้รุ่งกัน ตอนเราไปของยังไม่มีขายมากนัก เราจึงไปเดินเล่นที่ทะเลหัวหินกัน แต่ว่าเราคงเดินไปไม่ถูกที่นัก จึงเจอแต่ร้านอาหารทะเล ในที่สุดเราก็ได้เห็นทะเลหัวหิน มีเรือประมงเยอะพอสมควรในบริเวณนั้น เราไม่ได้เล่นน้ำกันแต่ก็สนุกสนานในการถ่ายรูปกัน ทั้งกระโดดกันทั้งถ่ายรูปหมู่ จากนั้น เราก็กลับมาที่ตลาดโต้รุ่ง ขาไปกับขากลับต่างกันลิบลับเลย ร้านค้าเริ่มเยอะ ผู้คนก็เยอะมาก ของฝากในตลาดราคาค่อนข้างแพงเลยทีเดียว เราก็เลยได้แต่กินผัดไทยหอยทอดและน้ำปั่นกัน กว่าจะได้กินก็รอคิวนานเลย จากนั้นเราก็สำรวจตลาดเล็กน้อยก่อนจบลงที่เซเว่นอีเลฟเว่น ได้ขนมออกมามากมายก่อนนั่งรถตุ๊กตุ๊กกลับห้องพักในราคา 150 บาท ซึ่งถือว่าแพงพอสมควร แต่ไม่เป็นไร เราเป็นนักท่องเที่ยว 555 เรากลับมาห้อง วิญญาณนางแบบยังไม่ออกจากร่าง สาวๆยังคงสนุกสนานกับการใส่ชุดลายดอกไม้ถ่ายรูปกัน โพสท่าเป็นนางงามกันใหญ่ คืนนั้นเราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันโดยการถ่ายรูป ดูรูปที่ถ่ายมา กินขนม และเครื่องดื่มเล็กน้อยก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อน คืนนี้งดอาหารทะเล เช้ามา ช่วงนี้ฉันติดนอนตื่นเช้าทั้งๆที่ว่าจะตื่นสายๆ แต่ก็อดไม่ได้ ตื่นมากวนเพื่อนๆ ทำให้คนอื่นๆพลอยตื่นไปด้วย ตื่นมาก็เริ่มด้วยการหาของกินกันตามระเบียบ กาแฟ น้ำ นม ส่วนฉันออกไปหาส้มตำและข้าวกล่องมาให้เพื่อนๆ ได้เดินเล่นเช้าๆก็อากาศดีเหมือนกัน หลังจากนั่นเราก็แต่งตัว ออกมาถ่ายรูป(อีกแล้ว)ที่ด้านล่างของบ้านพักที่จัดมุมไว้ให้ถ่ายรูปอย่างเก๋ไก๋ เราใช้เวลาที่นั่นพักใหญ่ก่อนออกเดินทางไปเพลินวานกันอีกรอบ ไปคราวนี้ฉันได้ของฝากเยอะเลย ได้ขนมปังไส้สับปะรดนุ่มๆกลับไปฝากเพื่อนๆเยอะเลย ส่วนเฌอมาลย์ก็ได้เสื้อไปหลายตัวรวมทั้งพวงกุญแจน่ารักๆ จากนั้นก็ได้เวลากลับบ้านแล้ว เราก็นั่งรถตู้กลับกรุงเทพกันตอนเที่ยง ฝนตกเกือบตลอดทางเลย เรามาถึงกรุงเทพตอนบ่ายสาม เฌอมาลย์ใจดีเลี้ยงสุกี้เอ็มเค ขอบคุณมากค่ะ หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันไป ฉันกับเฌอมาลย์ไปช้อปปิ้งกันต่อ ฉันได้รองเท้าสองคู่ เข็มขัดสามเส้น อยากช็อปต่อ แต่ก็เหนื่อยและร้อน จึงต้องเดินทางกลับพัทยาตอนห้าโมงเย็น กลับถึงห้องตอนหนึ่งทุ่ม นั่งดูรูปของพวกเรา ดูแล้วมีความสุขจัง คิดถึงจังเฌอมาลย์ ขอบคุณมากค่ะสำหรับชุดสวยที่มอบให้และสุกี้อร่อยๆ สาวๆห้าเจ้าจอมนี่สายแข็งจริงๆเลยนะ ทีมงาน ส.(สวย) กินเกลี้ยง คิดถึงจังเลยก้าวที่...กล้า ใครว่าเราเข้ากันไม่ได้นะ เราไปกันได้ดีต่างหากค่ะ ไว้คราวหน้าไปเหนือหรือไปใต้ดีคะ คิดถึงจังเลยไวท์ลิลลี่ อยากทำอาหารเก่งๆเหมือนคุณรีจังเลย วันหลังเข้าไปหาใหม่น้า คิดถึงจังเลยแมงกุ๊ดจี่ คราวหน้าอย่าลืมหมวกน้า พี่อยากใส่หมวกสวยจะแย่อยู่แล้ว ไว้ปีหน้าเราจะเจอกันบ่อยขึ้นใช่ไหมเอ่ย ขอบคุณมิตรภาพดีๆในบ้านกลอนค่ะ
นานมากแล้วที่ฉันได้รู้จักผู้หญิงคนหนึ่งจากบ้านกลอนไทย เธอผู้นี้เป็นสาวเมืองลิงผู้น่ารักสดใส มีชีวิตชีวา จำได้ว่ามากกว่าหกปีแล้วที่เราสนิทสนมกัน สาวเมืองลิงคนนี้น่ารักจนฉันชอบในเสน่ห์ของเธอ แรกๆเราคุยกันผ่านความคิดเห็นในบ้านหลังนี้ ต่อมาส่งข้อความ จนถึงคุยโทรศัพท์ และคุยเอ็มเอสเอ็นในที่สุด เคยมีพี่ในบ้านกลอนคิดว่าเราอยู่บ้านเดียวกัน เป็นคนเดียวก็มี เพราะนิสัยคล้ายๆกัน ตอบกลอนแทนกันบ่อยๆ ที่ไหนได้ ตอนนั้นเรายังไม่เคยได้เจอกันเลย นับตั้งแต่วันที่ได้รู้จักคนเมืองลิงคนนี้ชีวิตมีสีสันขึ้นมากเลย เวลาเศร้าเราก็เศร้าด้วยกัน เวลาสุขเราก็สุขด้วยกัน แต่เวลาเราหัวเราะด้วยกัน คนอื่นจะรำคาญมากเพราะว่าเสียงดังเหลือเกิน ครั้งแรกที่เราไปเที่ยวกัน สาวเจ้าไปพบเรื่องขำในรีสอร์ทหรูรีบกลับมาเล่าให้ฟัง แล้วเราสองคนก็หัวเราะลั่นบ้าน จนคนอื่นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น วันนั้นหัวเราะจนท้องขดท้องแข็งไปหมดเลยเชียว วันนี้ก็ถึงฤกษ์งามยามดีที่ฉันจะมาเล่าเรื่องของเธอคนนี้ให้ฟัง เรียกว่าเผาเพื่อนหรือสาวไส้ให้กากินดี ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ภายใต้บุคลิกสดใสตลกๆของเธอใครจะรู้ว่าสาวคนนี้มีความอ่อนไหว อ่อนโยน อ่อนหวานมากเลยทีเดียว เธอคนนี้ทำงานฝีมือได้อย่างละเอียดงดงามมากทีเดียว งานถัก งานปัก เธอทำได้อย่างดีเลยเชียว วันเกิดของเธอปีนี้ เธอขอผ้าพันคอจากฉัน ฉันเองก็ไม่ค่อยเก่งเรื่องนี้อยู่แล้ว ผืนนี้เพิ่งทำเป็นผืนที่สองเอง พอเธอเห็นผ้าพันคอเท่านั้นแหละ เธอก็โวยวายตามฉายาจอมโวยวายของแก๊งค์ห้าเจ้าจอมเลย ของฉันทำไมไม่สวยเหมือนของหยี ทำไมของฉันซ่อนด้ายไม่ดีเลย ต่ออย่างไรนี่ ทำไมถึงตาห่าง ดูบางกว่าของหยี ใส่เป็นชุดใหญ่เลยทีเดียว ฉันหาเหตุผลเท่าไรมาอธิบายก็ดูฟังไม่ค่อยขึ้นเลย เพราะว่านี่คือเจ้าแม่งานฝีมือมาเอง แต่อย่างไรก็ตามฉันรู้ว่าเธอชอบผ้าพันคอของฉันนะคะ เธอต้องใช้พันคอตอนนอนแน่ๆเลย แล้วเธอก็มีข้ออธิบายให้ฉันเองว่าที่ผ้าเป็นอย่างนี้เพราะว่าฉันใช้ด้ายจีนแดงนั่นเอง ขอบคุณสำหรับกล่องสีทิชชู่เจ้าหญิงสีชมพูที่ให้เป็นของขวัญวันเกิด ฉันรู้ว่าเธอตั้งใจทำให้ฉัน หลายครั้งที่ฉันได้งานฝีมือสวยๆจากเธอ ฉันก็ละอายใจจังที่ฉันทำไม่เป็นเหมือนเธอ ใครจะเชื่อว่าเจ้าแม่งานฝีมือคนนี้เธอจะเป็นคนเดียวกับสาวขี้เมาเจ้าของบรั่นดีรีเจนซี เครื่องดื่มประจำตัวของเธอ นานมาแล้วที่ระยองตอนที่มีงานสังสรรค์กับเพื่อนบ้านกลอน จำได้ว่าเธอเมามาก และฉันยังไม่เคยดื่มตอนนั้น ต้องคอยตามเก็บเธอทั้งคืน กลัวเธอวิ่งลงทะเลไป แล้วก็จะไปโวยวายกับคนอื่นด้วย แต่ยิ่งเมา เธอยิ่งน่ารัก ถ้าน้ำแข็งหรือเหล้าไม่หมดก่อน ไม่เช่นนั้นเธอจะโวยวายให้ดู จะหาว่าไม่เตือน เธอคนนี้มีอารมณ์ขันมากทีเดียว มีเรื่องตลกเล่าให้หัวเราะได้ตลอดเวลา เรื่องธรรมดาๆแต่เธอก็เล่าให้มีสีสันเล่าให้ได้ขำกันได้ นับว่าเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งของเธอเลยทีเดียว นอกจากสาวคนนี้เธอจะละเอียดอ่อนขี้เมาแล้ว เธอยังเป็นสาวที่ขี้กลัว ขี้ตกใจด้วย จำได้ว่า เหตุเกิดที่ระนอง ตอนนั้นมีอะไรมาเกาะที่ขาของเธอสักอย่าง พี่หยีร้องทักว่ามีอะไรเกาะขา เท่านั้นแหละเธอก็ร้องห่มร้องไห้ ขวัญเสีย ฟูมฟายยกใหญ่ กระโดดยกแข้งยกขาน่าสงสารทีเดียว ทีแรกฉันก็ตกใจ แต่พอไม่เห็นมีอะไรก็นึกขำ พี่คนหนึ่งเห็นภาพนี้แล้วบอกให้ฉันถ่ายรูปไว้ พอฉันถ่ายรูปเธอ เธอก็หันมาโวยวายฉันว่า ไม่รักเธอเลย ถ่ายรูปเธอทำไม กว่าฉันจะปลอบเธอให้สงบได้ก็นานเหมือนกัน นี่แหละคือที่มาของฉายาจอมโวยวายของเธอ ไม่มีอะไหรอก ขอให้โวยก่อนได้เปรียบ เรื่องเราที่ฉันประทับใจอีกอย่างระหว่างฉันกับเธอก็เกิดที่ระนองเหมือนกัน เรานอนในเต๊นท์เดียวกัน อากาศร้อน เรานอนไม่หลับกัน คุยกันไปจนถึงตีสี่ เธอร้อน ฉันก็ร้อน ฉันเห็นเธอร้อน ฉันก็จะทาแป้งเย็นที่หน้าของเธอ ที่ไหนได้ เล็งเป้าพลาด เอาแป้งไปโปะที่แว่นตาของเธอแทน นานเหมือนกันว่าที่เธอจะโวยวายว่าเอาแป้งมาทาตาฉันทำ เรียกได้ว่าฮากันใหญ่หลังจากนั้น เรียกว่าหวังดีประสงค์ร้ายประมาณนั้น เมื่อสี่ปีก่อน เราได้รู้จักกับเพื่อนๆใหม่อีกหลายคน จนได้รวมกลุ่มกันเป็นห้าเจ้าจอม เธอกับฉันต่างก็เป็นเพื่อนที่ร่วมหัวจมท้ายเข้าแก๊งค์ไหนหัวหน้าตายหมดกันมาตลอด ในกลุ่มห้าเจ้าจอมของเราจึงไม่มีหัวหน้าเพราะว่ากลัวตายหมด เธอเป็นสมาชิกที่น่ารักของกลุ่ม คอยสร้างเสียงหัวเราะ คอยโวยวายให้เกิดความตื่นตัว ไม่เหงากัน เรื่องที่เรากังวลเป็นห่วงกันมากคือเรื่องที่พักเวลาเราไปเที่ยวกัน สาวคนนี้เธอไม่ชอบความร้อนเป็นอย่างมาก ร้อนเป็นโวยเลยทีเดียว นอกจากนี้เธอยังเป็นสาวขี้เมื่อยอีกด้วย ชอบนวดแผนไทยมาก จำได้ว่าเธอพาเราไปนวดกันที่วัด เธอคนเดียวนวดหนึ่งชั่วโมง ส่วนเราสามคนรวมกันหนึ่งชั่วโมง โอย เจ็บๆๆๆ หกปีที่ผ่านมา ฉันได้ไปลพบุรีบ่อยเหมือนกลับบ้านตัวเองเลยทีเดียว เพื่อนที่ทำงานชอบล้อว่าบ้านหลังที่สองของฉันคือเมืองลิง ความน่ารักของสาวเมืองลิงคนนี้มีมากมาย จะบรรยายวันเดียวคงไม่หมดแน่ๆ แบบว่าวีรกรรมเยอะ ความเป็นเธอน่ารักประทับใจฉันเสมอ เวลาฉันร้องไห้ เธอก็คอยปลอบ คอยสอน เวลาฉันดื้อมากเธอก็ดุ ดุไม่ฟังเธอก็ปล่อยให้สงบเอง เวลาเธอเหงาเธอก็โทรมาเล่า เวลาเธอเศร้าก็ระบายให้หาย ระหว่างเราเป็นเหมือนพี่น้องกันจริงๆ วันนี้ในวันพิเศษของเธอ ฉันแค่อยากจะบอกเธอว่า ฉันรักเธอนะเฌอมาลย์ สุขสันต์วันเกิดค่ะ