25 เมษายน 2548 15:07 น.
เพียงพลิ้ว
หากความรักมีรากจากสงสาร
แม้นต้องการเพียงใดไม่หาญหัก
ใจชาเหน็บเจ็บแสบแทบสำลัก
เหมือนเข็มปักทิ่มวางตรงกลางอก
ลาจากฉันวันนี้ดีกว่าไหม
อย่าห่วงใยอย่าห่วงกันหวั่นวิตก
อาจร้าวรวดปวดใจไปหลายยก
ดั่งวิหคถูกยิงซมจมกองเลือด
สักวันหนึ่งถึงคราวลืมร้าวไกล
น้ำตาไหลใจถูกตบสลบเหมือด
จะสาปส่งความหลังครั้งโดนเชือด
จะแห้งเหือดเมื่อไรไม่อาจบอก
มิอาจโทษทุกข์ตรมสมน้ำหน้า
น้ำตาจ๋าอยู่ข้างในอย่าไหลออก
ฉันเก่งกาจบังอาจทำใจช้ำชอก
เพราะคนหลอกใจนั้นฉันทั้งหมด
ใจเกเรบังเอิญเพลินเผลอรัก
เลยประจักษ์ความเจ็บล้นทนกำสรด
พอกันที รัก มิหามาแทนทด
ขอสะกดเศร้าไว้ในบึ้งจิต
วาสนากาดำต่ำต้อยศักดิ์
เผยอรักพญาหงส์ผู้ทรงสิทธิ์
เกิดแผลลึกผนึกไว้ในชีวิต
รักเกิดผิดเวลาน้ำตาพราก
ประสบการณ์ครานี้ที่เรียนรู้
ฝืนทนสู้ทำไม่แคร์แม้ลำบาก
ครั้งหนึ่งในชีวิตอย่าคิดมาก
แม้จะยากเพียงไรใจต้องทน
20 เมษายน 2548 20:51 น.
เพียงพลิ้ว
น่ารักจังฟังทีไรใจวาบหวาม
ลืมตีความหลงเชื่อเนื้อคำหวาน
ตัดคำว่า น่า ออกไปใจชื่นบาน
จินตนาการแต่คำ รัก จนหนักใจ
คนน่ารักหูเพี้ยนได้เรียนรู้
เขาเอ็นดูจึงชมฉันจนหวั่นไหว
ไม่ใช่รักสักนิดเผลอคิดไกล
เลยต้องได้น้ำตามาดูแล
ใจรอนรอนนอนร้องไห้เขาไม่รัก
อาการหนักอยากให้ใครแยแส
คอยปกป้องระวังคนรังแก
มิใช่แต่ป้อหว่านหวานวาจา
คนน่ารักขออ้อนวอนไปถึง
มีคำหนึ่งอยากได้ยินอย่างยิ่งหนา
ครั้งต่อไปหากเอ่ยเผยรักมา
เปลี่ยนคำว่า น่า เป็น ที่ ดีไหมเอย
8 เมษายน 2548 08:26 น.
เพียงพลิ้ว
พลัดพรากพี่หนีทุ่งนามาเมืองหลวง
สุดแสนห่วงดวงสมรอาวรณ์หา
ทศมาศนิราศร้างห่างไกลตา
เสมือนว่าสิบปีพี่เฝ้าคอย
กลัวอนงค์หลงหนุ่มกรุงแต่งกายโก้
ขี่เปอโยต์ลืมหลังควายเคยใช้สอย
ทานพิซซ่าก๋วยเตี๋ยวเรือลาบต้มก้อย
ลืมอ่อมหอยเห็ดไคไข่มดแดง
ส่งสาส์นด่วนดวงฤดีสุดที่รัก
ลาหยุดพักสงกรานต์กลับคืนแหล่ง
เถียงนาน้อยคอยคนงามทุกยามแลง
อีสานแล้งแห้งคลายหวานใจคืน
มาสรงน้ำดำหัวตัวเกศเกล้า
อย่าลืมเอาของฝากผ้าแพรผืน
พรคนเฒ่าเป่าศีรษะอายุยืน
ร่วมเริงรื่นรักษาประเพณี
จองตั๋วกลับอุบลหาคนหล่อ
โปรดมารอรับน้องยาอย่าหลบหนี
ไม่พบหน้ามานพเกือบครบปี
ร้อนฤดีอยากกลับมาหาพี่ชาย
จัดของฝากมากชิ้นไว้ใส่กระเป๋า
ฝากผู้เฒ่าตามสั่งไว้ในจดหมาย
คอกระเช้าผ้าขาวม้ามีหลากลาย
ของขวัญอ้ายแพรชมพูหรูบางเบา
อยู่กรุงชายหลายหน้ามาพันพัว
ไม่ลืมตัวเหลียวแลแม้ว่าเหงา
มองภาพถ่ายชายให้ใช้แทนเงา
สมมติเอาว่าใกล้ใจแม้ไกลกัน
อย่าลืมเฮ็ดป่นเห็ดไคไว้คอยน้อง
ปลาแดกบองจำรสได้ไม่แปรผัน
ส้มปลาน้อยหมักรอก็แล้วกัน
ข้าวเหนียวปั้นนึ่งใส่กล่องรอน้องยา
แสนดีใจใกล้สงกรานต์พาลตื่นเต้น
อยากจะเห็นคนคอยละห้อยหา
นัดพบกันบอขอสอรอเวลา
สิบสองเมษาสามโมงเช้าโปรดเฝ้ารอ
ใจจดจ่อรอน้อง ลุกยืน
กำหนดไว้วันคืน สู่เหย้า
มาถึงที่ดึกดื่น ตีสี่
นัดพบสามโมงเช้า ตื่นเต้นด่วนมา
ถึงเวลารถเข้า สถานี
ตาส่องหาคนดี ดั่งกล้อง
สอดส่ายทั่วทุกที่ แทบเหล่
ยังไม่พบนวลน้อง เจื่อนหน้าซีดเซียว
รอหรือยังป่านนี้ ทูนหัว
คนนั่งบนรถทัวร์ ตื่นเต้น
ใจนางวิ่งหนีตัว ถึงถิ่นบัวงาม
ความหวั่นมิอาจเร้น ย่านอ้ายบ่มา
รถจอดเทียบท่าแล้ว รีบถลา
ตรงดิ่งเมียงมองหา พี่แก้ว
เดินทะเล่อทะล่า ชนหนุ่ม เด๋อด๋า
อพิโธ่เจอตัวแล้ว ที่แท้พี่เอง
ฉุกคิดขึ้นในหัว ปุบปับกลัวเหมือนเดิมไหม
เกือบปีที่จากไกล หวั่นมีใครข้างหลังชาย
เมียงมองจนมั่นใจ ผวาไปซบอกอ้าย
แนบสนิทชิดใจกาย สมห่างหายกันแรมชาติ
โอบแขนประคองนาง จูบสองปรางหอมประหลาด
ช่างสวยสะเด็ดยาด ใจแทบขาดผุดผาดตา
ลุ่มหลงจนงงงวย ผิวขาวสวยเฉกนางฟ้า
ผิดกับแต่ก่อนหนา คล้ำกายาทาโคลนตม
กอดเถิดหนุ่มคนรอ หอมจนพอให้สุขสม
แก้มขาวชายดอมดม น้องให้ชมไปชั่วกัลป์
รีบพาน้องกลับบ้าน เล่นสงกรานต์ให้สุขสันต์
ตะลอนเที่ยวทั้งวัน จับมือมั่นสรงหลวงตา
วัดวาอาราม
เคียงคู่คนงาม สรงน้ำบูชา
คุณพระคุ้มครอง ปกป้องรักษา
คำมั่นสัญญา รักมั่นมิคลาย
กลับคืนเคหา
รดสรงท่านย่า ลุงป้าตายาย
พรทุกถ้อยคำ ดื่มด่ำน้ำสาย
สดชื่นสบาย ยิ้มย่องผ่องผุด
เด็ดดอกคูนคูคันนาเหลืองระยับ
น้องประดับประดิษฐ์ทรงเป็นมงกุฎ
พาเที่ยวท่องทางสายน้ำนำนงนุช
ไปไม่หยุดเรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง
มอเตอร์ไซด์เสียหลักโดนสาดน้ำ
ถึงกับทำเอาน้องร้องสุดเสียง
หนุ่มหนุ่มจะประแป้งน้องพี่มองเมียง
แดดร้อนเปรี้ยงใส่หมวกให้กลัวน้องดำ
มีงานวัดนัดน้องมาท่องเที่ยว
กุมมือเกี่ยวเหมือนกลัวใจใครถลำ
หอบหิ้วเสื่อมาปูดูหมอลำ
ก่อนพี่นำพาเพลินเดินทั่วงาน
ซื้อลูกชิ้นป้อนชายให้หายเมื่อย
ไม่รู้เหนื่อยฟังพี่อ้อนวอนเสียงหวาน
รอก่อนนะขวัญใจอีกไม่นาน
ได้ร่วมบ้านเดียวกันพี่สัญญา
ไปส่งนางถึงบ้านตอนงานเลิก
ใจบานเบิกพรุ่งนี้พี่มาหา
ตอนเช้าเช้าเจอกันบอกขวัญตา
พี่จะพาน้องไปแก่งสะพือ
คว้าจักรยานหญิงซ้อนท้ายไปเร็วรี่
ปั่นด่วนจี๋ทันใจสบายบื๋อ
มุ่งเกาะแก่งแหล่งงามนามระบือ
เป็นเจ้ามือเงินขายข้าวเลี้ยงเจ้าเอง
มีคุถังเป็นเส้นสายเรียงรายถนน
ชุ่มกมลคนสาดน้ำนั้นตรงเผง
โดนหน้าน้องหัวเราะลั่นกันครื้นเครง
กระฉับกระเฉงผ้าชมพูถูหน้านวล
ถึงลานกว้างแก่งสะพือเพลิดเพลินเล่น
บอกเนื้อเย็นแข่งกินกุ้งกานต์เสสรวล
หรือกินปลาสิบห้าโลโอ้เขาชวน
หาว่าพี่ยียวนกวนนิ้วเล็บ
น้ำกระเซ็นเห็นเกาะแก่งแหล่งสวรรค์
เกี่ยวมือกันก่อกองทรายถ่ายรูปเก็บ
ฝ่าน้ำแค่ครึ่งเข่าสาวกรุงเทพฯ
สุขร่วมเสพสายน้ำชมสองกลมเกลียว
กองทัพเดินด้วยท้องร้องไก่ย่าง
ซุ้มรายทางสั่งส้มตำเติมข้าวเหนียว
ฉีกไก่ป้อนปากงามหม่ำแซบเชียว
คนผ่านมาสายตาเดียวเหลียวสองเรา
หมดฤดูเล่นน้ำ อีสานเฮา
จะปล่อยนางไปเหงา อยู่บ้อ
เป็นคู่ขวัญเคียงเงา กับพี่ ตลอดไป
อยากอยู่ฮ่วมพบพ้อ ร่วมบ้านเร็ววัน
จะขายงัวที่เลี้ยง เต็มคอก
ไปสู่ขอพ่อบอก แต่งหมั้น
หวังท่านปล่อยน้องออก เฮือนอยู่
เฮ็ดช่อยปลูกแปลงปั้น ก่นพื้นหาสิน
กลอนสุภาพ ๑๙ บท
โคลงสุภาพ ๖ บท
กาพย์ยานีย์ ๖ บท
กาพย์สุรางคนางค์ ๒ บท
รวม ๓๓ บท
5 เมษายน 2548 09:38 น.
เพียงพลิ้ว
เข้ากรุงเทพ อุ้มไก่ เอาไปปล่อย
ไก่นับร้อย ผลบุญ การุณเหลือ
ปล่อยทุกวัน มากคุณ ช่วยจุนเจือ
หวังเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ บุญแก่ตน
ขึ้นรถผิด เส้นสาย ทำให้หลง
แถมงวยงง หลงทิศ คิดฉงน
ลงผิดบ้าน พาลโกรธ โทษฝูงชน
ว่าผู้คน เมืองกรุง ยุ่งวุ่นวาย
เจอแท็กซี่ งี่เง่า ทำเราเอ๋อ
แกล้งทำเซ่อ รถเลี้ยว เสียวไม่หาย
แต่โชคดี มีอาวุธ ประจำกาย
โจรผู้ร้าย ไม่กล้า ถ้าเจอเรา (มีหน้าตาเป็นอาวุธก็ดีอย่างนี้แหละ 555)
ลำสาลี สี่แยก แทรกสาหัส
ให้ข้องขัด รถติด ทำจิตเฉา
ช้าอืดอาด รถมาก ยากบรรเทา
คิดแล้วเศร้า ใครหนา ว่าไทยจน
เป็นบ้านนอก เข้ากรุง แสนยุ่งเหยิง
หัวกระเซิง เวิ้งว้าง ช่างสับสน
หิ้วชะลอม พร้อมไก่ หากได้ยล
นั่นแหละคน เมืองลิงตัว จริงเอย