31 มกราคม 2548 08:45 น.
เพียงพลิ้ว
เสียงไก่โต้งโก่งคอขันรับวันใหม่
รีบตื่นไวหุงหาเตรียมอาหาร
ก่อไฟนึ่งข้าวเหนียวใหม่ไว้ทำทาน
เช้ามีงานเพิ่มสายรักสามัคคี
ทำอาหารปราณีตเพื่อฮีตสาม
จัดแต่งงามหวานคาวและข้าวจี่
เพื่อนำไปถวายพระตามประเพณี
โดยที่มีวัดศูนย์รวมความร่วมใจ
พอข้าวเหนียวสุกนั้นปั้นเป็นวง
โรยเกลือลงให้มีรสดีไว้
ไม้เสียบวงตรงกลางแล้วย่างไฟ
ทาไข่ไก่แล้วขางย่างอีกที
หากอยากทานหวานนำใส่น้ำอ้อย
หอมอร่อยอาหารนี้มีเดือนสาม
เชื่อโบราณอีสานจัดปฏิบัติตาม
ทุกเขตคามเสริมส่งตรงตามคอง
ภัตตาหารมากมายถวายพระ
ฟังธรรมะล้างใจให้หายหมอง
แกงหน่อไม้ป่นปลาทูคู่ผักดอง
อีกแจ่งบองลาบคั่วย่างวางเคียงกัน
ชาวบ้านมารายล้อมกันพร้อมพรั่ง
หลังจากฟังธรรมะพระเณรฉัน
นำอาหารจัดแจงมาเบ่งปัน
ร่วมวงปั้นข้าวเหนียวคุยเกี่ยวใจ
บุญข้าวจี่ประเพณีที่เก่าแก่
กำเนิดแต่พุทธกาลสมัย
มีเรื่องเก่าเล่ามาว่ากันไว้
นางทาสได้ถวายทานแด่ศาสดา
นางทาสนั้นนามว่าบุณณทาสี
ถวายข้าวจี่ผู้เป็นใหญ่ในศาสนา
คราวเดือนสามฟังธรรมไปใจตรึงตรา
บรรลุโสดาด้วยอานิสงฆ์ทาน
เพ็ญเดือนสามถูกยึดมั่นเป็นวันดี
บุญข้าวจี่จัดไว้ให้สืบสาน
ฮีตที่สามงดงามตามเทศกาล
ให้ชาวบ้านฟังธรรมชี้นำทาง
ครั้งหนึ่งสมัยพุทธกาล นางทาสชื่อบุณณทาสีได้ออกไปตักน้ำที่อยู่ไกลจากบ้านมาก นางจึงเตรียมข้าวจี่เพื่อไปรับประทานระหว่างทาง วันหนึ่งนางได้พบสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นางจึงถวายข้าวจี่แด่พระองค์ และได้ฟังพระธรรมเทศนาจนบรรลุโสดาบัน ชาวบ้านจึงได้ยึดวันนั้นเป็นวันทำบุญข้าวจี่ คือจัดในเดือนสามนั่นเอง
คนอีสานมีอะไรดีๆ ก็อยากนำไปถวายพระ ข้าวจี่ของแต่หมู่บ้านอาจจะไม่เหมือนกัน บางบ้านใส่เฉพาะเกลือ ไม่ใส่ไข่ บางบ้านใส่ทั้งไข่และน้ำอ้อย ข้าวจี่ใส่น้ำอ้อยนั้นว่ากันว่าอร่อยมากจนมีผญากล่าวว่า เดือนสามค้อยเจ้าหัวคอยปั้นข้าวจี่ ข้าวจี่บ่มีน้ำอ้อยจั่วน้อยเซ็ดน้ำตา แปลว่า พอถึงเดือนสามมาพระเณรรอฉันข้าวจี่ ถ้าข้าวจี่ไม่ใส่น้ำอ้อยเณรน้อยก็ร้องไห้
28 มกราคม 2548 12:27 น.
เพียงพลิ้ว
แค่มองหน้า รู้ว่าเธอ เจอปัญหา
โปรดเล่ามา ว่าหนัก สักแค่ไหน
ร่วมทุกข์สุข ทุกเมื่อ จงเชื่อใจ
อยากแก้ไข ร่วมด้วย ช่วยอีกคน
ห่วงเสมอ ยามเธอเศร้า ฉันเหงาตาม
จึงไถ่ถาม ความจริง สิ่งสับสน
เย็นสักนิด คิดก่อน อย่าร้อนรน
จะช่วยจน หมดทาง สางช่วยกัน
จับมือฉัน มั่นไว้ อย่าให้หลุด
จะช่วยฉุด ช่วยดึง ให้ถึงฝัน
อุปสรรค หนัก เพียงไร อย่าไหวหวั่น
ยังมีฉัน คนนี้ ที่ช่วยเธอ
อยากเห็นเธอ ยิ้มได้ เมื่อภัยมี
ขอคนดี ใจสู้ อยู่เสมอ
ขอให้สุข ทุกที ที่ได้เจอ
ห่วงนะเออ อย่าท้อ ขอวิงวอน
13 มกราคม 2548 22:31 น.
เพียงพลิ้ว
แม่สาวน้อย อย่าตำหนิ ติเตียนกัน
เพียงเพราะฉัน แก่ชรา น่าสงสาร
งกงกเงิ่นเงิ่น เดินเชื่องช้า น่ารำคาญ
กินอาหาร เลอะเทอะ เปรอะทั่วไป
คุณพยาบาล คนสวย ช่วยบอกที
ฉันคนนี้ เธอเห็น เป็นแบบไหน
คนหูตา ฝ้าฟาง หรืออย่างไร
เธอถึงได้ ดุด่า ว่าฉันจัง
มานี่สิ มาใกล้ใกล้ ไม่กัดหรอก
ฉันจะบอก เรื่องเก่า เล่าความหลัง
เรื่องมีมาก ฝากไว้ ให้เธอฟัง
เพียงแค่หวัง เธอเห็นฉัน นั้นเป็นคน
ตอนสิบขวบ ฉันคนนี้ ที่เธอเห็น
ได้เที่ยวเล่น แสนสนุก ทุกแห่งหน
สิ่งใดสุข มิทุกข์ใจ หาใส่ตน
ไม่กังวล เพลินใจ ไปวันวัน
จนเวลา ผ่านผัน ฉันเป็นสาว
พบดวงดาว แสนงาม แห่งความฝัน
มีคนรัก สมัครอยู่ ดูแลกัน
จับมือมั่น แต่งงาน สร้างบ้านเรา
รักหวานล้ำ สัมพันธ์ ใจพันผูก
มีลูกลูก กวนใจ ไม่เคยเหงา
ความตายพราก พวกเขาไป ใจฉันเศร้า
เหลือเพียงเงา ให้ฝัน วันผ่านมา
ธรรมชาติ ลงโทษ โกรธพอแล้ว
อย่าเจื้อยแจ้ว ซ้ำเติม เพิ่มเลยหนา
แก่แล้วพลาด ขาดความจำ เป็นธรรมดา
อย่าดุด่า ฉันเลย ขอเอ่ยวอน
8 มกราคม 2548 11:45 น.
เพียงพลิ้ว
มีอะไรให้คิดหนักจิตหรือ
ใยจึงรื้อหายหมดความสดใส
รับรู้ไว้ใจฉันนั้นห่วงใย
เพียงอยากได้ความเป็นคุณที่คุ้นเคย
ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้หายเศร้า
ช่วยเลิกเหงาคุยมาอย่าเมินเฉย
อย่าทนเจ็บเก็บกดกลุ้มอยู่เลย
ขอจงเอ่ยออกมาปัญหาเธอ
ยามคุณขรึมซึมเซาเหงาอ้างว้าง
ฉันเคียงข้างให้คุณสู้อยู่เสมอ
อยากเห็นรอยยิ้มเปื้อนหน้าเวลาเจอ
ยิ้มนะเอออย่าเหนื่อยฉันเมื่อยตาม
ที่บ่นไปให้ฟังมาตั้งนาน
อย่ารำคาญที่มากล้าเอ่ยถาม
เพียงอยากเห็นเธอเป็นสุขทุกชั่วยาม
จึงส่งความห่วงใยไว้ดูแล
8 มกราคม 2548 00:11 น.
เพียงพลิ้ว
ในวันเกิดน้องสาวแปดมกรา
กราบเทวาน้องฟ้าทั้งสวรรค์
อวยพรชัยให้สาวดำเลิกรำพัน
เช้าคืนวันมีสุขไม่ทุกข์ใจ
จักทำการสิ่งใดไร้อุปสรรค
ขอความรักคงมั่นอย่าสั่นไหว
แม้มุ่งมาดปรารถนาหาสิ่งใด
ขอจงได้พบจริงสิ่งต้องการ
สิ่งดีใดในโลกนี้ที่คนหา
จงได้มาดังจิตอธิษฐาน
สนุกสุขสดใสใจเบิกบาน
จงพบพานแต่สิ่งดีที่ใจปอง