6 ตุลาคม 2552 07:53 น.
เพียงพลิ้ว
ใจต้องแสงแห่งเปลวเล่ห์เสน่หา
รักจมฟ้าอัสสุชลหล่นเป็นสาย
ระลอกขื่นรื้นแก้มแซมประกาย
หอมมิหายร้าวร่ำเฝ้าคำนึง
กระแสโศกโบกลามท่ามแสงไต้
ระทมในดวงจิตพิษแผ่ขึง
ไร้คนข้างทางฝันสุดพรั่นพรึง
รักไม่ถึงที่หมายอายฟ้าดิน
ยามอกหมองมองใดไม่พิสุทธิ์
เจ็บก้าวรุดอกแปลบแทบด่าวดิ้น
ปวดในเนื้อเหลือเอ่ยไม่เคยชิน
หากกอบกินน้ำตาว่าจุกจริง
มืดเหมือนแกล้งแสงโสมทั้งโคมหม่น
มองใจคนยากหนักหนากว่าทุกสิ่ง
มองหารักประจักษ์ในไกลเกินอิง
สงบนิ่งมองตนค้นลึกเร้น
มิอาจพบสบใดใจมัวบอด
ไร้แสงทอดถูกบังหยั่งมิเห็น
คิดฝ่าฝันพลันเลือนไร้เดือนเพ็ญ
ครวญลำเค็ญมืดมิดไล่ติดตาม
ตราบชีวิตสนิทนักกับรักหมอง
ขาดครรลองสุกใสนำใจข้าม
หากสงบทบสติคงผลิงาม
ลงสนามแห่งชีวิตมีทิศทาง
อธิษฐานผ่านฟ้าขอลามืด
โศกยาวยืดต่อไปใคร่สว่าง
หมดคำถามกับความหลังทั้งสิ้นวาง
จะเดินทางมุ่งมั่นเมื่อวันเพ็ญ
21 กันยายน 2552 16:54 น.
เพียงพลิ้ว
ถึงปลายฝนต้นหนาวถามข่าวเพื่อน
อีกกี่เดือนกี่วันจะหมั้นหมาย
มีหรือยังความรักมาทักทาย
รอมิวายได้จับรับบัตรเชิญ........เพียงพลิ้ว
ไร้วี่แววอีกปีที่หนาวผ่าน
อยู่บนคานเดียวดายให้ขัดเขิน
ยังไร้คนเคียงข้างร่วมทางเดิน
มีแต่พบแล้วเมินเดินหนีไป....เฌอมาลย์
ฟังคำตอบเนื้อนวลชวนตั้งโจทย์
อยู่เป็นโสดขาดรักอิงจริงไฉน
วาจาคมอารมณ์ดีมีน้ำใจ
วิวาห์ฉ่ำทำไมไร้วี่แวว.........เพียงพลิ้ว
ก็มีบ้างที่เพียรเฝ้าเวียนหา
ผ่านเวลาพาใจไม่แน่แน่ว
บ้างเป็นตุ๊ดเป็นทอมเหมือนย้อมแมว
คงกินแห้วอีกปีที่จาบัลย์........เฌอมาลย์
แล้วถามย้อนคืนเพื่อนเหมือนอยากรู้
ว่าโฉมตรูเมื่อไหร่จะหมายหมั้น
เห็นคบหาดูใจหลายวารวัน
คนสำคัญเมื่อไหร่ได้ข่าวดี..เฌอมาลย์
ว่าแล้วเชียว..เข้าตัวกลัวคำถาม
จะมองข้ามเลยไปก็ใช่ที่
เปิดหัวใจให้รู้กันฉันคนนี้
รอหลายปีวันรักมาทักเยือน..........เพียงพลิ้ว
วาสนามีน้อยรักถอยห่าง
กอดหมอนข้างอยู่บ่อยตามรอยเพื่อน
ต้องทนหนาวร้าวรานคร้านนับเดือน
คนทายทักรักเลือนคงเหมือนกัน......เพียงพลิ้ว
คงเพราะสวยเลือกได้ประมาณนี้
นั่นไม่ดีนี่ไม่ใช่ให้เสกสรรค์
ผลสุดท้ายตายคาคานรานชีวัน
คนสำคัญคนที่ใช่ไม่มีมา...........เฌอมาลย์
คงฝากผีฝากไข้ไว้กับเพื่อน
รอรักเลือนตั้งหลักใหม่ให้ดีกว่า
คอยดูแลกันนะร่วมชะตา
เข้าบ้านพักคนชราดีกว่าเธอ........เพียงพลิ้ว
19 กันยายน 2552 08:21 น.
เพียงพลิ้ว
ฝากหัวใจส่งให้...................บางคน
ฝากห่วงหาจากกมล.............หนึ่งนี้
ฝากไออุ่นหวังยล................รับทราบ
ฝากร่องรอยคำชี้.................หล่อเลี้ยงดวงมาน
รักเคยหวานแต่ต้น.............ยังมี
รักก่อเพียงสิ่งดี....................ทุกก้าว
รักหนุนส่งสุขี.......................ยามสบ รักเอย
รักผ่าวลบรอยร้าว................ห่มเนื้อคลายหมอง
ลอยไมตรีท่องฟ้า.................ถึงเธอ
ลอยร่ายผูกพันเปรอ..........ผ่านถ้อย
ลอยกลอนอักษรเสนอ..........หมายกล่อม
ลอยเยื่อใยพรายพร้อย.........ห่อล้อมเรือนขวัญ
ลมหนาวไหวสะบั้น...............เพียงกาย
ลมรักพรมทักทาย.................อุ่นแล้ว
ลมฝันลู่ความหมาย...............รักอยู่ ใกล้เอย
ลมล่องพารักแพร้ว................ลูบไล้ใจเธอ
10 กันยายน 2552 16:59 น.
เพียงพลิ้ว
ไม่เคยเป็นเช่นนี้ในชีวิต
คล้ายโดนพิษมนต์ร้ายสุดคลายไหว
นี่นะหรือคือเจ็บช่างเหน็บใน
หนึ่งหัวใจจะกระอักสักกี่น้ำ
ประโลมขวัญมั่นผ่านด่านความหมอง
โอบประคองฟันฝ่าตาแดงกล่ำ
รู้ให้หมดรสงามแห่งความช้ำ
จะได้จำลึกซึ้งพึงสังวรณ์
พาดวงจิตพิชิตโศกในโลกวุ่น
บาปหรือบุญหลายจุดอุทาหรณ์
ผ่านคมร้ายทำลายหวังทั้งอาทร
กรรมคราวก่อนคงใกล้ได้ติดตาม
ขอหัวใจอย่าไร้หวังพลังถอย
ขอริ้วรอยเจือจางมีทางข้าม
ขอพิษร้ายสะดุดหยุดลุกลาม
ขอห้ามปรามความเขลาหยุดเข้ามา
รับรู้รสความเจ็บฝืนเก็บต่อ
ดับความท้อต่อไปด้วยใจกล้า
หวังประสบพบแสงแห่งปัญญา
ระงับล้าให้สิ้น.....สุดยินดี