17 ธันวาคม 2547 20:38 น.
เพียงพลิ้ว
คุณนายขาอย่าขู่หนูกลัวนะ
ยอมแล้วล่ะเรื่องเขยจะเอ่ยหา
บอกเพื่อนพี่ที่คานทองต้องขอลา
เดี๋ยวแม่ว่าลูกสาวแก่นแสนดื้อซน
ก็ในเมื่อเชื่อแม่มาแต่เกิด
จะลองเปิดใจหารักดูสักหน
หากลูกยาหาจบไม่พบคน
คลุมถุงชนเหมือนแม่ว่าท่าจะดี
สัญญาใจไม่เบี้ยวค่ะจะรีบเร่ง
ตอนนี้เซ็งขอบินเดี่ยวเที่ยวหลบหนี
ขอเวลาตั้งหลักอีกสักปี
วอนแม่นี้เข้าใจไม่เกเร
ถ้าคุณนายหาให้พร้อมยอมทุกอย่าง
หากแม่สร้างชายจริงใจไม่แสร้งเส
ส่งมาเลยถ้าถูกใจไม่ลังเล
ได้ไกวเปลเห่กล่อมหลานที่บ้านเรา
17 ธันวาคม 2547 08:38 น.
เพียงพลิ้ว
ผู้หญิงไร้เงา
หนูไม่รีบไม่ร้อนจึงผ่อนผัน
ด้วยคิดว่าคนสำคัญไม่ห่วงหา
แถมอาจยังไม่เกิดเปิดสายตา
จึงขอบอกแม่ว่าอย่ากังวล
แม้ลูกนี้อยู่เดียวเปล่าเปลียวจิต
แต่ตัวลูกไม่เคยคิดไม่เคยสน
มีแค่เพื่อนพี่น้องคล้องใจตน
ก็หมดแล้วซึ่งทุกข์ทนทุกหนทาง
แถมจองแล้วคานทองครองนิเวศน์
ทั้งขอบเขตสร้างไว้ในสถานฐาน
ึจึงขอบอกกับแม่แต่วันวาน
ลูกจะอยู่บนคานนานเรื่อยไป
แม้จะมีใครขอมารอรัก
ปลูกสมัครสัมพันธ์ไม่หวั่นไหว
ลูกจะไม่คิดสนทุกหนไป
เพราะมั่นแล้วในหทัยในคานทอง
เพียงพลิ้ว
กราบแทบเท้าคุณนายที่เคารพ
ลูกน้อมนบกราบขอโทษอย่าโกรธหนา
ไม่อาจทำคำสั่งนี้ที่มอบมา
เป็นฝั่งฝาขออภัยไม่ทำตาม
เสียงแม่บอกก็อยู่ในหูตน
ลูกมีคนร่วมสุขทุกข์ช่วยหาม
แม่คงหลับสุขใจไปชั่วยาม
จึงทวงถามลูกหาใครไว้ดูแล
ยังไม่รีบแม่จ๋าอย่าเร่งเร้า
ยังไม่เศร้าจนให้ใครแยแส
อย่าห่วงนะว่าจะเหงายามเฒ่าแก่
บ้านบางแคลูกจองเป็นห้องตาย
คนร่วมใจไม่คิดหามาพันผูก
ชีวิตลูกแค่นี้มีความหมาย
ไม่เดือดร้อนอ้อนใครให้วุ่นวาย
คงไม่อายชาวบ้านขึ้นคานทอง
11 ธันวาคม 2547 11:33 น.
เพียงพลิ้ว
ฉันจำได้หลังนี้ที่เคยอยู่
นอนคดคู้ในห้องหับหลับฝันหวาน
พ่อแม่พี่พร้อมหน้าเรียกว่าบ้าน
คือวิมานสวรรค์ฉันเคยมี
ฉันจำได้สนามหญ้ามาวิ่งเล่น
ทุกเช้าเย็นวิ่งไล่ไม่หน่ายหนี
แกว่งชิงช้าวิ่งเปรี้ยวเชี่ยวชาญดี
สนามนี้คือสววรค์ฉันเคยครอง
ฉันจำได้เล่นน้ำใสในบึงบัว
ที่ฟอกตัวติ๊ต่างเราเป็นเจ้าของ
เก็บสายบัวฝักอิ่มมาลิ้มลอง
บึงฉันจองคือสวรรค์ฉันเคยชม
ฉันจำได้สวนดอกไม้ปลูกหน้าบ้าน
กุหลาบบานหอมชื่นลืมขื่นขม
กลิ่นราตรีหอมหวลชวนให้ดอมดม
สวนรื่นรมย์สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ฉันจำได้ทุกข์สุขจำทุกอย่าง
เหมือนยิ่งห่างออกไปคว้าไม่ถึง
ยิ่งเติบโตคิดถึงมากอยากคว้าดึง
อยากได้ซึ่งสวรรค์วันผ่านมา
9 ธันวาคม 2547 08:38 น.
เพียงพลิ้ว
ชมท้องทุ่งทานตะวันสีสันสด
งามหมดจดเป็นทิวแถวแนวภูผา
เหลืองอร่ามยิ่งพิศติดต้องตา
ขอทัศนาดอกไม้ในแปลงเดียว
ทานตะวันดอกนั้นฉันสงสาร
เจ้าเลิกบานแก่ไปคนไม่เหลียว
คอตกห้อยเมินแสงใบแห้งเหี่ยว
นักท่องเที่ยวผ่านไปใครก็เมิน
เจ้าต้นนั้นเกิดข้างทางช่างโชคร้าย
คนผ่านกลายเด็ดมาเวลาเขิน
ต้นยังอยู่คู่ใบใกล้ทางเดิน
ดอกเที่ยวเพลินในมือคนถือครอง
ส่วนดอกนี้สวยมากฉันอยากได้
เมื่อมองใบใจเต้นเห็นเจ้าของ
เจ้าหนอนน้อยดำลายเฝ้าหมายปอง
กำลังลองลิ้มหวานใบทานทน
เกราะป้องกันตามประสาผกางาม
ลำต้นหนามใบนี้มีแต่ขน
แต่ไม่รอดพวกมือบอนหนอนกับคน
ทำลายจนสิ้นบานทานตะวัน
ดอกโน้นสวยดอกนั้นแห้งใบแหว่งเว้า
รวมตัวเข้าสวยงามเหมือนความฝัน
ดอกเล็กใหญ่เหลืองอร่ามงามประชัน
ต่างช่วยกันบานแข่งทั่วแก่งคอย
3 ธันวาคม 2547 13:42 น.
เพียงพลิ้ว
ทำไมไม่ร้องไห้หนอยามท้อใจ
เพื่อนสงสัยเห็นน้ำตาเวลาขำ
น้ำตาเล็ดเพราะเผ็ดมากจากส้มตำ
ยามเจ็บช้ำน้ำตาหาหลั่งริน
ฉันเองไม่ได้แกร่งเข้มแข็งเลย
แค่ทำเฉยสิ่งเสียใจไม่ถวิล
พยายามทำใจให้คุ้นชิน
ทุกรสกลิ่นทุกอย่างโลกสร้างมา
ถ้าหากฉันร้องไห้ใครปลอบฉัน
จำต้องกั้นด้วยฝายสร้างอย่างแน่นหนา
ก่อคอนกรีตเจ็ดชั้นกันน้ำตา
กลัวน้ำป่าพาร่างน้อยล่องลอยไป
ถ้าอยากเห็นฉันร้องไห้จริงจริง
แค่หนึ่งสิ่งจัดหามาได้ไหม
ขออกกว้างไว้พักพิงอิงอุ่นไอ
จะร้องไห้ให้เห็นเป็นขวัญตา