18 กุมภาพันธ์ 2549 11:22 น.
เพิ่มบุญ
แทนประเทืองประเทศพิเศษพิศาล
ตระหนี่ประจักษ์ตระหนักประจาน........จะโกงกิน
เลี่ยงระเบียบระบอบ ฤ ชอบระบิล
เผชิญประชาประชุมติฉิน.....................ก็แชเชือน
เพทุบายจะกลบกระทบกระเทือน
ประชานิยมระดมเสมือน.....................สิมอมเมา
ทำประหนึ่งนิกรมิขลาดก็เขลา
ตลบตะแลงตะแบงเพราะเอา..............ประโยชน์ตน
สงสารประเทศไทย...........จะประลัยเพราะมือคน
ซ่อนทุจริตกล...................ทุรกรรมกระหน่ำโกง
แยบยลนโยบาย................เพาะขยายอุบาทว์โยง
นอกใส สิในโพรง...............ขยะพอก..มิพอเพียง
8 กุมภาพันธ์ 2549 09:49 น.
เพิ่มบุญ
ม่านฟ้าเติมมิติแห่งการแต่งแต้ม
เมื่อคืนแรมรายดาวจนพราวไสว
ทุกระยิบทอระยับงามจับใจ
ซึ่งเราไม่อาจเห็นหากเพ็ญจันทร์
จึงขอบคุณความมืดช่วยยืดเยื้อ
โอกาสเอื้อจนอิ่มพิมพ์ภาพฝัน
ก่อนลำแสงอุษาจากตาวัน
มาปิดกั้นโชติช่วงของดวงดาว
เป็นยิ่งกว่าตราประทับให้รับรู้
สำหรับผู้เคยคว้างทุกย่างก้าว
พร้อมเผชิญโศกสุขทุกเรื่องราว
ร้อนหรือหนาวแค่ไหนก็ไม่กลัว
เพราะพบแล้วแพรวรุ้งจรุงรื่น
ลบขมขื่นของคนชีพหม่นสลัว
กลับมีหวังมีวันอันตื่นตัว
ไม่มืดมัวหมกไหม้ในคร่ำครวญ
แววตาแต้มแวมดาวจนพราวพร่าง
แม้ท่ามกลางวิถีที่ผันผวน
เปลี่ยนขลาดเขลาขี้แพ้ใจแปรปรวน
เป็นกล้าทวนกล้าท้าชะตาตน
มีดาวฉายใจชื่นทั้งตื่น-หลับ
ฟื้นระยับเฟือนระย่อเติมต่อผล
เพื่อจากนี้แน่วแน่แม้มืดมน
จะอดทนโดยมิท้อการรอคอย
23 มกราคม 2549 17:17 น.
เพิ่มบุญ
(๑)
ลึกลงในแววตาน่าสงสาร
แค่ต้องการปัจจัยสี่ที่เรียบง่าย
แต่เขาคงขาดมันตราบวันตาย
อีกนิยายในฉากความยากจน
อาหารพอประทังจากถังขยะ
ก่อนที่จะซุกร่างตามข้างถนน
ผ้าขี้ริ้วห่อกายกันอายคน
ป่วยก็ทนรอให้ไข้ทุเลา
คนจรจัดซัดเซเที่ยวเร่ร่อน
เล่นละครบทโศกบนโลกเศร้า
มีความทุกข์ลำเค็ญคอยเป็นเงา
ติดตามเขาชิดใกล้ไม่ละเลย
(๒)
โรคซึมเศร้าแทรกซ้อนทอนแรงสู้
ใจห่อเหี่ยวหดหู่อยากอยู่เฉย
เลิกดิ้นรนเลื่อนลอยปล่อยกรรมเกย
ชีพคุ้นเคยรสชาติความขาดแคลน
(๓)
ใครจะช่วยฉุดเขาพ้นเงาเข็ญ
ใครจะเป็นไม้หลักที่ปักแน่น
ใครต่อใครเหลือบแลแค่แกนแกน
ใครก็แค่นเหลียวแลแค่ชั่วคราว
(๔)
คืนนี้เขานอนขดอย่างหมดหวัง
เหมือนทุกครั้งระริกร่างกลางลมหนาว
โอ้หนอคมขมขื่นช่างยืนยาว
และบาดราวคมมีดกรีดแผลลึก
19 มกราคม 2549 07:52 น.
เพิ่มบุญ
คอยเฝ้ามองท้องทะเลฟังเห่คลื่น
ลืมตาตื่นแม้ราตรีที่เหน็บหนาว
ทำหน้าที่ชี้ทางอย่างดวงดาว
ผ่านเรื่องราวอ่อนระโหยโดยลำพัง
ประภาคารคร่ำคร่า..หน้าคร่ำเคร่ง
มีบทเพลงธรรมชาติช่วยวาดหวัง
เพื่ออีกวันพรุ่งนี้ชีวิตยัง
บนชายฝั่งแห่งฝันอันเดียวดาย
คืนแล้ว..คืนเล่า.....เหงาและง่วง
กว่าภาระใหญ่หลวงล่วงจุดหมาย
ฟ้ามืดมิด..ชีพมืดมน จนวันตาย
แค่คลื่นกรายกระทบฝั่งเหมือนดังเดิม
แม้อยากมีวีรกรรมควรรำลึก
ทุกเสี้ยวความรู้สึกยากฮึกเหิม
ตราบความทุกข์ความท้อถูกต่อเติม
คล้ายคล้ายเพิ่มบาดแผลแก่หัวใจ
คืนคลื่นแรงลมกล้ากลางห่าฝน
เคยมีคนคำนึงถึงบ้างไหม
ปล่อยเวลาลบเลือนผู้เตือนภัย
ลืมแสงไฟริบหรี่ช่วยชี้ทาง
บนหอคอยความฝันอันว้าเหว่
ลมทะเลสัมผัสหน้าตอนฟ้าสาง
แม้ว่าเรือชีวิตหวิดอับปาง
เมินทุกอย่างที่ผ่าน....ใจด้านชา