28 กันยายน 2547 19:22 น.
เพลงกลางป่า
หากลองเอาใจของเรา บินไปบนท้องฟ้า แล้วดิ่งลงมาในใจกลางกรุงเทพมหานคร เราจะเห็นภาพมากมายในสภาพที่ดีและไม่ดี ปะปนกันไปมากมาย กลางวัน
เราก็จะเห็นคนพลุกพล่านกันไปมา ไม่ค่อยเหลียวหลังหรือมองด้านข้างให้กับใครนัก กาลเวลาเปลี่ยนไปทุกวัน เมืองนครก็เปลี่ยนผันกันไปตามเวลา หากลองมองตามห้างสรรพสินค้าทุกเย็น จะเห็นวัยรุ่น นักศึกษาเป็นคู่คู่หรือเป็นกลุ่ม มีโทรศัพท์มือถือทุกเครื่อง เดินจีบกันอย่างหน้าตายิ้มแย้มปริเปี่ยมไปด้วยความสุข บางคนก็ชอปปิ้งกับแฟน บางคนก็ออกเดตกับแฟนบ้าง
แต่หากเราลองเอาใจของเรา บินไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง แล้วดิ่งลงมาในจุดที่ไม่ค่อยมีใครมองนัก อาจจะมองได้ว่า กรุงเทพมหานครเป็นได้ทั้งสวรรค์และนรกบนดิน มุมที่ไม่ค่อยมีใครมอง สุนัขจรจัดในมุมซอกที่ไม่ค่อยมีใครเห็นนัก ต้องดิ้นรนไปวันวัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกมันจะหมดกรรม ขอทานบางคนไร้หนทางชีวิตอย่างแท้จริง ตาบอด แขนขาด ที่ไม่ใช่ขอทานที่มือเท้าครบ แต่หากเป็นขอทานที่ไร้ญาติ ขาดมิตร นอนข้างถนน คนรวยจึงเปรียบดั่งเทวดา คนขอทานจึงต้องอยู่อย่าง สุนัข
แสงที่เคยสาดส่องมาลงบนพื้นดินของกรุงเทพมหานคร บางคนอบอุ่นในความสุข แต่มีคู่รักบางคู่รอคอยความหวังบนเส้นทางอันแสนยาวไกล ที่แม้จะไปไม่ถึง ก็ยังรอ คู่รักหลายๆคู่เอามาเปรียบรวมๆเป็นถังขยะ กับ ไม้กวาด นั่นก็คือ พ่อกับแม่ที่รอคอยลูก ความหวังในหัวใจของพ่อและแม่ มีลูกเท่านั้นที่เป็นแก้วตาดวงใจและความหวังของพ่อและแม่
หากเปรียบแม่เป็นดั่งถังขยะ เปรียบพ่อเป็นดั่งไม้กวาด เปรียบลูกเป็นคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้ว ดูเป็นเรื่องเศร้าเลยทีเดียว หากเปรียบขยะ เป็นอุปสรรคของลูกที่จะต้องเจอจะต้องฟันฝ่า พ่อยอมเก็บกวาดขยะในใจลูก มาใส่ในถังของแม่ได้อยู่เสมอ ยามลูกโตแล้ว พ่อแม่ก็หวังว่า ลูกจะมีเส้นทางเดินที่สดสวยงดงาม แต่มีอีกมุมมองหนึ่ง ที่ความฝันไม่เป็นอย่างนั้น ลูกที่ติดยาเสพย์ติด ไม่ไปโรงเรียน ก็คงหาขยะมาให้พ่อและแม่อย่างมาก ไม่หนำซ้ำ ยังไม่เคยสนใจเหลียวแลเลยสักเล็กน้อย
จะมีสักที่คน ที่คิดจะล้างถังขยะ ก็เพราะถังขยะกับไม้กวาดเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสิ่งสกปรก แต่หารู้ไหมว่า ถังขยะ กับไม้กวาดนั้น ทำให้บ้านเมืองของเราน่าอยู่ นั่นก็คือเบื้องหลังของความงดงามที่แท้จริง แต่ขยะก็เปรียบเหมือนสิ่งที่สวยงาม นั่นก็คืออบายมุขต่างๆนานาบนผืนแผ่นดินนี้ คงมีน้อยคนที่จะใส่ใจพ่อแม่ยามท่านแก่ชรา ก็เปรียบเหมือนหลายๆคนไม่คิดจะล้างถังขยะ ยังไม่พอ ยังช่วยสร้างขยะให้กับบ้านเมืองอีกต่างหาก
ถึงจะอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าถังขยะกับไม้กวาด สองสิ่งนี้จะถูกทอดทิ้งในสายตาแสนไกลแค่ไหนก็ตาม สองสิ่งนี้ก็มักจะตั้งวางไว้มุมที่ไม่ค่อยมีใครมอง มุมที่ไม่สวยงาม หลังห้องบ้าง ตามข้างทางบ้าง แต่ถังขยะกับไม้กวาดจะอยู่คู่ชีวิตตลอดไป
และรอคอยวันงดงาม ไม่ต้องการให้ใครมาล้างถังขยะ แต่ขอแค่ให้ขยะในใจลูก หมดไป "ก็เท่านั้น"
27 กันยายน 2547 23:27 น.
เพลงกลางป่า
เจ็ดปีมาแล้ว จากเด็กน้อยที่โตวันโตคืน กิตติ เอมะโยธิน ( ไม้ ) หนุ่มวัย 17 ที่กาลเวลาผ่านไปเร็วมาก ดูเหมือนว่า แค่ลมผ่านไปวูบเดียวเท่านั้น ก็เติบโตมาขนาดนี้แล้ว ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียว จึงมักถูกพ่อแม่ตามใจบ่อยๆ ไม้ จึงเป็นคนที่เอาแก่ใจตัวเองพอสมควร แต่ยังดีที่เป็นเด็กเรียนดี
พ่อกับแม่ของไม้มักจะทะเลาะกันเสมอ ด้วยความที่ไม่เคยตกต่ำมาเท่านี้มาก่อน แต่ถึงแม้จะทะเลาะกันบ่อย พ่อกับแม่ของไม้ไม่เคยรักไม้น้อยลงเลยสักนิด บ้านที่ผุผุก็ยังคอยมีเพื่อนบ้านมาช่วยซ่อม มีเพื่อนข้างบ้านที่แสนดี ทำกับข้าวมาเผื่ออยู่เสมอ ตามวิถีชีวิตคนบ้านนอก ที่ย้ายจากคนเมืองมาอยู่ตามที่ที่เขาไม่เอา แต่ก็ยังดีกว่าเมื่อก่อน ที่ต้องอาศัยตามวัด ยังดีที่มีบ้านอยู่
วันนี้วันเสาร์ ไม้ไม่ไปโรงเรียนที่อยู่ห่างจากบ้านไปแค่กิโลเมตรกว่าๆแค่นั้นเอง พ่อตื่นแต่เช้า ออกไปแบกกระสอบผลไม้ในเมืองที่อยู่ห่างบ้านไป 10
กิโลเมตร นานๆที ไม้จะตามพ่อไปสักครั้ง แต่วันนี้ไม้ต้องอยู่บ้านดูแลแม่ที่เจ็บป่วย ที่โดนพ่อทุบตีเมื่อวานนี้เอง พ่อของไม้มักจะดื่มเหล้าอยู่บ่อยๆ และมักจะทะเลาะกับแม่อยู่บ่อยๆ จึงทำให้ไม้เป็นเด็กที่มีปัญหามาโดยตลอด ไม้อาสาออกไปซื้อยาที่ร้านตาแป๊ะขายยาใกล้ๆบ้าน
"ลื้อจาเอาอาราย" เสียงตาแป๊ะตัวเตี้ยๆ พูดอย่างดังมาทางหลังร้าน เพราะแกหูไม่ค่อยดี
"ขอยาพาราสักกระปุกนึงครับ แม่ผมไม่สบาย" ไม้ก็ตอบไปทั้งๆที่ตาแป๊ะขายยายังอยู่หลังร้าน
"อาหมวย ลื้อไปดูหน้าร้างหน่อยเร็ว มีลูกค้ามา อั๊วไม่ว่าง" ตาแป๊ะกำลังทำงานอยู่หลังร้าน บอกให้ลูกสาวมาดู
ไม้พรางคิดในใจ คงเป็นคนนี้ล่ะมั๊งที่ลูกสาวตาแป๊ะขายยา ที่เล่าอวดอยู่บ่อยๆว่า ลูกเรียนติดคณะเภสัชกร มหาวิทยาลัย
"เอาอะไรคะ" เสียงลูกสาวที่หน้าตาต่างจากตาแป๊ะผู้เป็นพ่ออย่างมาก ตาที่เรียวคม ผมยาวสลวยไว้ถึงบ่า เดินออกมาถามไม้
ไม้มองตาหญิงสาวสักครู่ก็ตะลึง ความรักของไม้ได้เกินขึ้น ณ บัดนั้น
"ขอยาพารากระปุกนึงครับ"
"ค่ะ รอสักครู่นะคะ"
แล้วอาหมวยก็หยิบกระปุกยา แล้วไม้ก็ส่งเงินให้ พร้อมกับหลุดปากไปอย่างไม่ตั้งใจ
"ขอโทษนะครับ ชื่ออะไรเหรอครับ"
"เอ่อ ..!"
"ผมแค่อยากรู้จักไว้เฉยๆครับ เป็นเพื่อนกันเผื่อมีอะไรจะได้ไว้ช่วยเหลือกันน่ะครับ แม่ผมไม่สบายบ่อยๆ คงต้องมาร้านยาบ่อยๆครับ"
ไม้พูดแก้ตัว พรางเขินอายจนบอกไม่ถูก
"ชื่อพลอยค่ะ"อาหมวย หน้าสวยตาคม ตอบไม้
"ครับ ผมชื่อไม้นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"
"เช่นกันค่ะ"
แล้วไม้ก็เดินออกจากร้านด้วยความเขินอาย ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อไม้กลับมาถึงบ้าน พ่อก็กลับมาบ้านพอดี แต่แปลกที่วันนี้พ่อไม่ดื่มเหล้า ไม้รู้สึกดีใจอยู่ในใจ ที่ไม่ต้องเห็นพ่อทำร้ายแม่อีก ไม้เห็นแม่นอนซมอยู่ จึงไม่ช้าที่จะรีบหยิบน้ำ ยาให้แม่ทาน และให้แม่เข้านอนก่อนใคร
เมื่อแม่หลับแล้ว พ่อของไม้เดินมาคุยกับไม้ว่า
"ไม้เอ๊ย พรุ่งนี้พ่อจะไปกรุงเทพนะลูก พ่อจะเอาเงินไม่กี่หมื่น ไปลงทุนเปิดอู่ร้านยางร่วมหุ้นกับนักธุรกิจคนหนึ่งน่ะลูก ฝากดูแลแม่ด้วยนะ" พ่อบอกพร้อมสีหน้า
"ครับ พ่อ" ไม้รับปาก แล้วก็เดินไปเข้านอน
เช้าวันอาทิตย์แล้ว พ่อตื่นเช้ามาคุยกับแม่ก่อนที่ไม้จะตื่นเสียอีก เมื่อไม้ตื่นมาล้างหน้าแต่งตัว ก็ได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้าน ที่นานๆที ถนนลูกลังหน้าบ้านของไม้ จะมีรถยนต์มาสักคน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ หรือไม่ก็รถไถที่ชาวนากลับจากบ้าน
"พ่อไปแล้วนะลูก วันพรุ่งนี้พ่อจะกลับมา"
"ครับ พ่อ "
แล้วพ่อก็เดินไปขึ้นรถ
แม่ของไม้ที่ยังป่วยอยู่ ลูกที่ต้องโตขึ้นทุกวัน จะเป็นกรรมกรแบกหามอย่างนี้ต่อไปคงไม่พอกินพอใช้แน่ แม่ที่ป่วยลงทุกวันก็ไม่รู้ว่า จะจากไม้ไปวันไหน วันนี้แม่ไอออกมาเป็นเลือด ไม้จึงพาแม่ไปสถานีอนามัย ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่นัก พอไม้พาแม่เข้าไปในสถานีอนามัยหมอก็เอาเตียงมาให้แม่ของไม้นอน แล้วก็พาเข้าไปในห้อง ดูเหมือนว่าวันนี้แม่ของไม้จะป่วยหนักกว่าปรกติ ไม้ก็ได้แต่รอแม่อยู่นอกห้อง หัวใจของไม้อยากจะเข้าไปในห้องใจจะขาด ไม้รอสักชั่วโมง หมอก็เดินออกมาบอกว่า
"แม่ของคุณเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายแล้วนะครับ"
ในสถานีอนามัยวันอาทิตย์ที่ไม่มาใครมาเลย เงียบสงัด พอไม้ได้ยินคำนี้ หัวใจแทบสลาย น้ำตาไหลซึมออกมาจากดวงตาของไม้ ไม้ต้องรีบเช็ดน้ำตา แล้วพาแม่กลับบ้านไปนอนรักษาตัว แล้วรอวันวันนั้น วันที่ไม้ไม่อยากจะเจอ ไม้ดูแลปรนนิบัติแม่เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเรื่องข้าวปลาอาหาร ดูแลแม่อย่างดีแล้วไม้ก็หลับในท่าที่กอดแม่อยู่
เช้าวันจันทร์ ฝนตกซาซา มีไปรษณีย์มาส่งจดหมายหน้าบ้าน ไม้ก็รีบไปรับจดหมายมาอย่างเร็ว ในจดหมายเขียนไว้ว่า
"ถึงไม้ลูกรักและน้อยที่รัก
พ่อคงต้องค้างคืนต่ออีกสักคืนหนึ่ง ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อ พ่อได้ทำงานอยู่ที่ร้านยาง พ่อพักอยู่ที่นี่เลย พ่อกะว่าจะเย็นวันอังคารพ่อถึงจะกลับ พ่อถึงที่นี่ก็ดึกมากแล้ว แล้วพ่อก็รอปรึกษากับเจ้าของอู่ร้านยางด้วยว่าจะเอาอย่างไรกันดี พ่อจึงต้องรอถึงพรุ่งนี้เช้าถึงจะกลับ จดหมายที่พ่อส่งมาก็เพียงจะบอกลูกเพียงแค่นี้ แล้วพ่อจะกลับไปกินข้าวมื้อเย็นกับลูกและแม่นะ
อีกไม่นานจะกลับ
พ่อ"
ไม้ได้อ่านจดหมายสั้นๆ ก็เข้าใจว่าพ่อคงมีธุระจริงๆ จึงไม่ได้แจ้งให้พ่อทราบเรื่องที่แม่ป่วยหนัก เพราะอีกไม่นานพ่อจะกลับมา มื้อเช้านี้ ไม้ทำข้าวต้มให้แม่ทาน มือที่หยาบกร้านของไม้ หยิบถ่านมาสักห้าหกก้อน ใส่ลงไปในเตาแล้วจุดไฟ ตั้งน้ำ แล้วก็ทำข้าวต้มมาให้แม่ทาน พอข้าวต้มสุกจนได้ที่ไม้ก็ยกเตามาเทข้าวต้มใส่จาน ยกมาให้ที่เตียงของแม่ ไม้ก็ป้อนข้าวต้มแม่ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ในใจของไม้แล้ว ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา
หลายวันมาแล้วที่ไม้ต้องดูแลแม่อย่างนี้ ไม้ต้องหยุดเรียน แต่กลับไม่มีข่าวตอบกลับมาจากพ่อสักนิดเลย พ่อไม่กลับมาทานข้าวมื้อเย็นกับแม่และไม้
อย่างที่พ่อเคยได้เขียนไว้ในจดหมายแล้ว ไม้ส่งจดหมายติดต่อพ่อให้กลับบ้านด่วน แม่ไม่สบาย ก็ไม่มีวี่แววเลยสักนิด ไม้ตัดใจได้แล้วว่า พ่อคงไม่กลับมา
อีกแล้ว พ่ออาจจะมีแม่คนใหม่แล้วก็ได้ ไม้ได้แต่คิดไปเรื่อย ในจิตใจที่หว้าเหว่ของเด็กวัยรุ่นอย่างไม้คนนึง
เช้าวันหนึ่ง วันนี้ที่แปลกว่าวันอื่น รู้สึกดูเงียบเหงา เพื่อนบ้านหรือยายแช่มไม่อยู่บ้าน แม่ไม่สบายหลายวันเลยไม่ได้ไปหายายแช่มคนข้างบ้านหลายวัน
แต่วันนี้ยายแช่มไม่อยู่บ้าน ไม้ลุกมาหุงข้าวให้แม่ วันนี้ไม้ทำข้าวต้มให้แม่อีก
"แม่ครับ ข้าวต้มนะ ไม้ทำเองนะแม่"
"....."
"แม่ครับ ทานข้าวต้มหน่อยนะ"
แต่แล้วก็ไม่มีเสียงตอบจากแม่ หรือว่าแม่ไม่อยากพูดนะ หรือว่าเคืองที่พ่อกลับช้า
"แม่ครับ ทานข้าวต้มก่อนเหอะ เดี๋ยวจะเย็นแล้วไม่อร่อย"
"......"
ยังคงเงียบเหมือนเดิม ไม่มีเสียงตอบจากแม่
ไม้ก้มลงฟังเสียงหัวใจแม่ พยายามพูดคุยกับแม่ แต่แม่ต้องจากลาลับไม้ไปก่อนแล้ว น้ำตาไม่อาจกลั้นอยู่ได้ ไม้ร้องไห้ออกมาในใจคิดถึงพ่อว่า ทำไมพ่อไม่กลับมาดูแลแม่บ้าง แม่จะตาย พ่อไม่ส่งข่าวคราวมาเลย บ่อยนักที่พ่อมักจะเมาเหล้าแล้วอาละวาดใส่แม่
เย็นวันนั้นที่วัดในหมู่บ้าน คนไปร่วมพิธีงานศพแม่ของไม้ ในหมู่บ้านมีคนไม่มากนัก ราวๆ30กว่าคน ไปช่วยไม้จัดงานศพ เพราะไม้ตอนนี้เหลือตัวลำพัง
คนเดียวแล้ว
เมื่อพิธีงานศพจบลงสามวันสองคืน ไม้ก็เผาศพของแม่ โดยไม้บวชเป็นเณรให้แม่ที่ลาลับจากไม้ไปสวรรค์ก่อนไม้ เมื่อไม้ได้กลับมาถึงบ้าน ยายแช่มก็บอกให้ไม้มาอยู่บ้านยายแช่ม ซึ่งยายแช่มเป็นคนใจดี และอาสาว่าจะเลี้ยงไม้ให้จบ เพราะยายแช่มไม่มีลูก ไม่มีสามี ไม่มีหลานเลย จึงเป็นคนที่ค่อนข้างมีฐานะในหมู่บ้านคนหนึ่ง ยายแช่มมีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวหน้าร้าน ชาวนาที่ทำนาตอนพักเที่ยง ที่ไม่ได้ทำกับข้าวไปทานตอนกลางวัน ก็มาแวะร้านยายแช่มอยู่บ่อยๆ
"ขนของมาให้หมดนะลูก มาอยู่กับยายก็ได้ พ่อเอ็งคงไม่กลับมาแล้วล่ะ" ยายแช่มบอกให้ไม้ขนของมาไว้บ้าน
" ครับ ยาย"แล้วไม้ก็ขนของมาจนหมด
ไม้วางของลงจนหมดแล้ว ตู้ โต๊ะ เตียง จนได้เจอกับกล่องลังเก่าๆกล่องหนึ่ง มีรูปอัลบั้มของพ่อกับแม่ ไม้เก็บแต่รูปแม่ไว้เท่านั้น รูปพ่อ ไม้ฉีกทิ้งแล้วเผาไฟ
ไม่ได้บอกให้ใครรู้ หลายคนก็มักจะถามไม้เสมอว่า พ่อไปไหนไม่กลับมา ไม้ก็มักจะตอบว่า พ่อไปทำงานต่างประเทศ ต้องยอมจำใจโกหก เพื่อลบความจริง
เย็นวันนี้ไม้ได้มีโอกาสผ่านร้านยาตาแป๊ะขายยา จึงแวะไปทักพลอยลูกเจ้าของร้านขายยา
"ถ้าไม่รังเกียจไปตกปลากับผมที่ริมสระได้หรือเปล่าครับ พลอย" ไม้เชิญชวนพลอยออกไปตกปลา
"ได้สิคะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ" พลอยตอบพร้อมกับดีใจ
ไม้กับพลอยก็สนิทสนมกันมากขึ้น พลอยเป็นคนที่ฐานะค่อนข้างรวย ถึงอายุจะมากกว่าไม้สัก 2-3ปี แต่ไม้ไม่ได้คิดว่าเป็นพี่สาวเลย ไม้คิดว่า หากรักใคร
ชอบใครสักคน อยู่ด้วยกันได้ คงไม่มีอะไรมาเป็นปัญหาได้
ทุกวันหลังจากที่ไม้กลับจากโรงเรียนแล้ว ก็จะออกไปรับจ้างถางหญ้าจนห้าโมงเย็น กลับมาตกปลากับพลอย แล้วก็กลับมาบ้าน ทุกวันอย่างนี้เป็นประจำ
ไม้ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย เพียงแต่เหงาบ้าง คิดถึงแม่ที่จากไปบ้าง แต่ไม้ก็ไม่เคยท้อชีวิต ไม้เปลี่ยนนิสัยจากเด็กขี้งองแงง ตามใจ ตั้งแต่สมัยพ่อกับแม่อยู่
กรุงเทพ เป็นนักธุรกิจ จนตอนนี้ไม้ย้ายบ้านมาอยู่ชนบท ไม้ทำตัวได้เป็นคนดีในหมู่บ้านคนหนึ่ง จนวันหนึ่งไม้ได้รับทุนการศึกษาไปเรียนต่อที่กรุงเทพ
แต่ไม้ไม่อยากไป ไม้ยังคิดถึงบ้านเก่า ไม้คิดถึงยายแช่ม คิดถึงพลอย หลายคนจึงว่าไม้ทำไมตัดโอกาสตัวเองโง่ๆอย่างนี้
จนเช้าวันนึง พลอยมาเรียกหน้าบ้านไม้ ไม้จึงออกมาดู
"ไม้ ไม้ อยู่หรือเปล่าจ๊ะ"พลอยเรียกไม้
"ครับ ครับ จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ"ไม้เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ รีบเช็ดตัว คว้าเสื้อออกมาหาพลอย
"มีอะไรหรือ พลอยเองเหรอ" ไม้ถาม
"คือว่า พรุ่งนี้เราจะต้องไปล่ะนะ" พลอยพูด พร้อมกับก้มหน้าเล็กน้อย
"อ้าว ไปไหนล่ะครับ" ไม้ถามอย่างสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
"ก็ต้องไปเรียนต่อที่อังกฤษน่ะ ป๊าเราจะส่งไปเรียน ป๊าบอกว่า เรียนอยู่เมืองไทยได้แค่เมืองไทย ไปเมืองนอกจะได้อะไรมากกว่านี้"
"จะไปจริงเหรอ ไปพรุ่งนี้เลยเหรอครับ" ไม้ถาม ในใจอยากจะบอกพลอยว่า อย่าไปเลย
"อืม ก็ใช่น่ะสิ เราไม่อยากไปเลย"พลอยก็พูดนัยตาซึมๆนิดๆ
"งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ไม้กลับจากโรงเรียน จะพาพลอยไปตกปลานะครับ ตกปลาอำลาพลอยไง"แล้วไม้ก็แต่งตัวไปโรงเรียน
พลอยเดินไปส่งไม้ที่โรงเรียนมัธยมทุกวัน พลอยกับไม้ ไม้กับพลอย ไม่ได้คิดเป็นพี่น้องกันเลย แต่คิดมากกว่านั้น สองคนก็รักกันเสมอมา แต่ต้องมีโชคชะตา
บางสิ่งบางอย่างมาขวางกั้น
พอตกเย็น ไม้ก็มาชวนพลอยไปตกปลา
ช่วงนี้เป็นฤดูฝน น้ำไหลเชี่ยว ปลาแหวกว่ายไปมามากมายสวยงาม ถ้ามองสุดขอบฟ้า จะเห็นสายรุ้ง ที่ฝนเพิ่งตกเมื่อสี่โมงเย็นนี้เอง
"วันนี้แล้วสินะ ที่เราจะตกปลาด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย"ไม้พูด
"อืม น่าเศร้านะ ไม่อยากไปเลยอ่ะ"พลอยพูดอย่างเศร้าๆ
"ได้แล้ว ได้ปลาแล้ว" ไม้ดีใจ พร้อมชี้ให้พลอยดู
"โห ปลาช่อนตัวใหญ่มากเลย นานๆทีจะได้สักครั้งนะเนี่ย"ไม้พูดดีใจ
"..."พลอยไม่พูดอะไร เพียงแต่นึกเศร้าใจที่จะต้องจากไม้ไปเรียนที่เมืองนอก
"แล้วจะกลับเมื่อไหร่เหรอ"ไม้พูดทำลายบรรยากาศความเงียบสงัด
"ก็ไปปีเดียวน่ะ ไม้จะรอเราได้มั๊ย"พลอยถาม
แล้วไม้ก็หยิบไม้อันหนึ่ง เขียนลงที่พิ้นว่า
"ดวงตะวันบอกลาลับขอบฟ้า ผืนทุ่งหญ้าหลับใหลในคืนนี้
ถึงเหน็บหนาวก็จะรอแต่คนดี ค่ำคืนนี้ฝากรักไว้กับเธอ
ผ่านคืนนี้ยังมีวันใหม่ใหม่ ใจของฉันสุขสันต์อยู่เสมอ
ก็ทุกวันยังรอเพียงแต่เธอ ดูพร่ำเพ้อเพราะรักมักงมงาย
รักแท้แท้มีแต่แม่เท่านั้น แต่ตัวฉันรักเธอไม่ห่างหาย
ถึงชีวาของฉันจะวอดวาย ขอเพียงเธอเห็นใจไม่ทิ้งกัน
รักบรรดาลโลกสวยด้วยสองมือ ให้ยึดถือรักแท้ทุกสิ่งสรรค์
รักใครแล้วเดินทางไกลไปด้วยกัน เธอและฉันไม่มีวันทิ้งกันเอย.. "
พลอยได้อ่านกลอนก็ร้องไห้ที่จะต้องจากไม้ไป ไม้ก็น้ำตาซึมเช่นกัน
"เย็นแล้ว เรากลับบ้านก่อนนะ เดี๋ยวป๊าเป็นห่วงเรา"พลอยพูดบอกลาไม้
"อืม โชคดีนะ พรุ่งนี้เช้าเราจะไปส่งเธอ
คืนนั้นไม้นอนแทบไม่หลับเลย พลอยเองก็เหมือนกันที่นอนไม่หลับ ในใจของทั้งสองยังคงคิดถึงกันเสมอ แม้ว่าตัวจะห่างไกลกันอีกซีกโลกไม้ดูที่นาฬิกา ก็ห้าทุ่มแล้ว จึงปิดไฟนอน กะว่าพรุ่งนี้เช้าจะไปส่งพลอย
เช้าแล้ว เสียงไก่ขันปลุกไม้แต่เช้า เวลา5.00น.ไม้รีบแต่งตัวแล้ววิ่งไปบ้านตาแป๊ะขายยาร้านเดิม แล้วตะโกนในร้านว่า
"พลอย พลอย อยู่ป่าว"
"อารายของลื้อว๊าเนี่ย ตาโกงอยู่ล่าย"ตาแป๊ะพูดออกมา
"พลอยอยู่หรือเปล่าครับ"ไม้ถาม
"อาหมวยอีไปตั้งแต่ตี4เลี๊ยว อีฝากอั๊วบอกลื้อว่า ลาก่องอ่ะ นี่นะอีฝากจกหมายมาให้ลื้อเนี่ย อั๊วยังไม่ล่ายอ่านเลย"
"ครับ ขอบคุณครับ"ไม้พูด แล้วเดินไปหยิบจดหมายจากมืออาแป๊ะ ออกมาอ่าน
ในซองจดหมายไม่ได้มีอะไรมาก เป็นซองสีชมพูธรรมดา ข้างในมีกลิ่นน้ำหอมกลิ่นกุหลาบ ไม้ไม่รอช้าที่จะเปิดอ่าน
"ไม้ เราต้องขอโทษนะที่เราไม่ได้บอกลาเธอก่อน แต่เราต้องรีบไปจริงๆ เพราะเครื่องบินจะออกตอนตีห้าพอดี เราต้องขอโทษด้วยนะ ไม่นานหรอก พลอยจะกลับมาหาไม้นะ ไม้รอพลอยนะ ยังจำได้ไหมที่เคยเขียนกลอนไว้ให้พลอยตอนที่ตกปลา พลอยจะไม่ลืมนะ พลอยจะกลับมาหาไม้นะ"
ไม้หยิบจดหมายแล้วบอกลาตาแป๊ะ แล้วเดินกลับบ้านอย่างเศร้าใจ วันนี้ไม้อยู่ในห้องคนเดียว ไม่ไปโรงเรียน อาจจะเป็นความไร้สาระของใครหลายๆคน
ที่บอกว่าแค่เรื่องแค่นี้หยุดเรียนทำไม แต่ไม้ทำใจยากที่จะลืม เพราะต่อไปนี้ คงไม่มีใครคอยจัดยาให้ไม้ คงไม่มีใครมาคอยเรียกไม้ตอนเช้าๆ คงไม่มีใครมาเป็นเพื่อนไม้ตกปลาทุกเย็น
เช้าวันรุ่งขึ้น ยายแช่มปลุกไม้แต่เช้าแล้วบอกว่า
"ไม้เอ๊ย พรุ่งนี้ยายจะย้ายบ้านนะลูก ยายจะย้ายไปอยู่ขอนแก่นน่ะ ลูกยายเขาจะเอายายไปเลี้ยงด้วย ยายจะเอาไม้ไปเลี้ยงด้วยนะ" ยายแช่มบอกไม้
"ครับ ยาย " ไม้ตอบตกลง
วันพรุ่งนี้ได้มาถึงแล้ว วันนี้เองที่ไม้ต้องย้ายบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเก็บเป็นวันทรงจำของไม้ วันที่ไม้ได้อยู่กับพ่อกับแม่ ไม้ได้มาสร้างตัวหนีกรุงเทพมา
ที่นี่ ไม้ได้เติบโตที่นี่ คงต้องเก็บใส่กล่องไว้อย่างดี ไว้ในใจไม้ ก่อนรถลูกยายแช่มจะมารับ ของที่ขนเสร็จไว้แล้ววางไว้หน้าบ้าน ยายแช่มนั่งลงรอลูกที่ชานหน้าบ้าน ไม้เดินไปที่ร้านตาแป๊ะขายยาแล้วบอกว่า
"ลุงครับ ผมต้องย้ายบ้านนะครับ ถ้าหมวยกลับมา ฝากบอกด้วยนะครับ ว่าผมย้ายบ้านไปอยู่ขอนแก่น ผมอาจจะกลับมาเยี่ยมที่นี่ครับ"
ตาแป๊ะรับปากไม้ไว้
เมื่อไม้ย้ายมาอยู่ที่ขอนแก่น สภาพเปลี่ยนไปจากเดิม จากที่มีนาตาข้างทางสองทาง มีตะวันที่สวยงามสาดแสงส่องมาทุกเช้า มีนกคอยร้องจิ๊บจิ๊บออกหากินอยู่ทุกเช้า มีแม่น้ำไหลเชี่ยวให้ไม้ได้ตกปลา บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว ไม้เปลี่ยนสภาพชีวิตมาเป็นคนเมือง จังหวัดขอนแก่น จังหวัดใหญ่แห่งภาคอีสาน
ผ่านมา6ปีแล้วไม้ได้เล่าเรียนจนจบปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ได้สมใจหมาย ยายแช่มก็ได้ลาลับจากไม้ไปอย่างไม่มีวันกลับ มีผู้คนผ่านมามากมายในชีวิตไม้ ไม้กะว่า สักวันหนึ่งจะกลับไปหาพลอย และกลับไปตามพ่อที่กรุงเทพ เมื่อมีโอกาสดังนั้นแล้ว ไม้จึงขับรถส่วนตัวที่ไม้เก็บเงินซื้อเองไปที่บ้านเก่าของไม้ หกปีแล้ว สภาพเปลี่ยนไปมาก บ้านของไม้กลายเป็นร้านขายโทรศัพท์มือถือไปซะแล้ว แม่น้ำที่ไม้เคยตกปลาเปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
ไปซะแล้ว เคยเป็นที่สงบ กลับมีผู้คนพลุกพล่าน ไม่มีเด็กวิ่งว่าวหน้าหนาวเหมือนตอนเด็กๆที่ไม้เคยวิ่งเล่นกับเพื่อนในหมู่บ้าน ไม้ไม่รอช้าที่จะเดินไปร้าน
ตาแป๊ะ ไม้จำทางไม่ได้ ด้วยสภาพที่บ้านเมืองเปลี่ยนไปมาก แล้วไม้ก็ได้หยุดถามคนแถวนั้น
"ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าร้านตาแป๊ะขายยาไปทางไหนครับ"ไม้ถามเจ้าของร้านขายรถที่ไม้เดาว่า ร้านตาแป๊ะน่าจะอยู่แถวๆนี้
"อ๋อ ร้านตาแป๊ะขายยาน่ะเหรอ เขาถูกไฟคอกตายกับลูกสาวไปตั้งแต่สามปีที่แล้วโน่น ผมมาซื้อที่ที่นี่ แล้วก็สร้างที่นี่แล้ว จนผมจะลืมซะแล้วเนี่ย"
ไม้ได้ยินเช่นนั้น ก็ใจหายอยู่เหมือนกัน หัวใจแทบจะหยุดเต้น ไม้เดินตามทางกลับมาที่รถ ในตาไม้ซึมเล็กน้อย ที่กลับมาไม่ทันการรอคอยของพลอย ไม้ร้องไห้โฮออกมาอยู่สักพักหนึ่ง ก็หยุดร้องไห้ แล้วไม้ก็มองไปรอบๆสภาพบ้านเมือง ด้วยสภาพบ้านเมืองที่เปลี่ยนไปมาก จากนั้นไม้ได้คิดขึ้นว่า ยังมีอีกคนที่มีพระคุณ คือ พ่อ ไม้ได้เก็บจดหมายที่พ่อส่งมาเป็นครั้งสุดท้ายในกระเป๋าเงินของไม้มาโดยตลอด ไม้ก็ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพ แล้วตามหาพ่อตามที่อยู่ที่พ่อเขียนไว้ในจดหมาย ไม้จำหน้าพ่อไม่ได้แล้ว หกปีมาแล้วไม้ไม่เคยได้เห็นหน้าพ่อเลย รูปก็ไม่เคยเก็บไว้ ไม้ก็เดินทางมาจนมาหยุดอยู่ที่ร้านยางร้านหนึ่ง ไม้เห็นคลับคล้ายคลับคลาว่าหน้าคล้ายกับพ่อตน จึงเดินไปถามว่า
"คุณคือพ่อผมใช่มั๊ยครับ"ไม้ถาม สักครู่ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มลูกเดินมาดูไม้คุยกับเจ้าของร้าน
"ตอนที่แม่ป่วย ทำไมพ่อไม่ไปดูแลแม่ ทำไมพ่อทำอย่างนี้" ไม้ถาม แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เดินมาตบหน้าเจ้าของร้าน
"คือ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ"เจ้าของร้านยางแก้ตัว
"ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใครล่ะ ร้านยางถนนโบ๊เบ๊เนี่ย มีสักกี่ร้าน"ไม้ถาม
"สามร้าน" ไม้ฟังแล้วสะดุ้ง รู้ว่าทักคนผิดแน่ๆ
"ยางนี้ลายสวยดีนะครับ"ไม้พูดพรางบ่ายเบี่ยง แต่ในใจไม้โศกเศร้ามาก
"ร้านที่อยู่ถัดสะพานไปหน่อยนึง นั่นแหละร้านพ่อมึง"เจ้าของร้านพูดพร้อมกับโมโห
แล้วไม้ก็ได้เดินตามทางไปถึงร้านยาง ไม้จึงเดินเข้าไปถามอย่างไม่แน่ใจ และกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย
"ขอโทษครับ ผมมาตามหาคนที่ชื่อ ชาญ เอมะโยธินครับ" ไม้ถามอย่างสุภาพ
"อ๋อ ไม่มีหรอก คนชื่อชาญน่ะ"เจ้าของร้านตอบ
"เอ๊ะเดี๋ยวนะ นายชาญเหรอ อ๋อ นายชาญเคยมาทำงานที่นี่นะ แต่แล้วเขาก็หายไปนาน ไม่กลับมาเลย"เจ้าของร้านยางตอบ
"แล้วเขาพักอยู่ที่ไหนเหรอครับ"ไม้ถาม
"อ๋อ เขาอยู่หมู่บ้านสุขสรรค์น่ะ เขาซื้อบ้านไว้หลังนึง อยู่สุดริมถนนนี้พอดีนะ ลองไปหาดู" เจ้าของร้านยางตอบด้วยเสียงนิ่มๆ
ไม้คิดในใจ พ่อเก็บเงินซื้อบ้านมาด้วยหรือ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย แล้วไม้ก็เดินทางมาถึงบ้านหลังหนึ่ง ที่ปากซอยเขียนไว้ว่าหมู่บ้านสุขสวรรค์ บ้านหลังนี้เขียนไว้ว่า บ้านเอมะโยธิน ไม้จึงถืออภิสิทธิ์ ปีนบ้านหลังนี้เข้าไป ไม้คิดว่าคงเป็นบ้านที่พ่อซื้อไว้ ไม่ได้บอกไม้ไว้แน่ๆ พอไม้เข้าไปดูในบ้าน รกมาก มีแต่หยากไย่ ใยแมงมุมเต็มไปหมด แถมมีเศษใบไม้เต็มบ้าน ไม้เปิดหน้าต่างในบ้านทุกบาน แล้วก็มีกระเป๋าเงินวางไว้บนหัวเตียง ไม้เดินเข้าไปหยิบแล้วเดินออกมาจากบ้าน ไม้ถามคนแถวนั้นว่า พ่อของตนหายไปไหน ก็ไม่มีใครตอบได้เลย จนมีคนเก็บขยะคนหนึ่ง ไม้เดินไปถาม
"ขอโทษครับ ไม่ทราบว่า รู้จักเจ้าของบ้านหลังนี้หรือเปล่าครับ"ไม้ถาม
"อ๋อ เจ้าของบ้านหลังนี้น่ะหรือหนู เขาถูกรถชนตายหน้าปากซอยนี่เองแหละ ตายไปตั้งแต่หกปีที่แล้วแล้วหนู บ้านนี้ถูกปิดมาตลอด"คนกวาดขยะตอบ
"ตอนเช้าวันนั้นเอง เห็นเขารีบร้อนโบกแท็กซี่จะไปไหนก็ไม่รู้ แล้วเห็นว่าอยู่ๆก็รีบวิ่ง เหมือนจะลืมอะไรน่ะไม่ได้ดูรถ ก็ถูกรถสิบล้อชนตายน่ะ
ตำรวจเอาศพไปโรงพยาบาล ให้ญาติมารับ ก็ไม่มีใครไปรับเลยหนู ป้ารู้แค่นี้แหละจ่ะ"คนกวาดขยะตอบ
ไม้ได้ยินเช่นนั้น ก็คิดว่าพ่อคงจะกลับไปหาลูกกับแม่ที่บ้าน แต่มาถูกอุบัติเหตุเสียก่อน ไม้ได้เปิดกระเป๋าของพ่อดู ในกระเป๋าพ่อมีเงินอยู่500บาท มีสมุด
บันทึก ไม้หยิบออกมาอ่าน ปรากฎว่าเป็นไดอารี่โครงการเล็กๆของพ่อ ไม้จึงอ่าน
วันที่4มิถุนายน - ถูกโรตาลี่
วันที่5มิถุนายน - มาหาทำงานที่กรุงเทพ
วันที่6มิถุนายน - ซื้อบ้าน
วันที่7มิถุนายน - กลับบ้าน รับลูกกับน้อยมาเซอร์ไพรซ์บ้านหลังใหม่
ไม้ได้อ่านดังนั้น น้ำตาไหลออกมามากกว่าที่เคยสูญเสียใครทั้งสิ้น พ่อทำเพื่อไม้ทุกสิ่งทุกอย่าง พ่อจากไปโดยไม่ได้ร่ำลาไม้ จากหกปีที่แล้ว จนถึงวินาที
ที่ผ่านมา ไม้เกลียดพ่อตลอด แต่วินาทีถัดไปนี้ ไม้พูดกับตัวเองในใจว่า
"พ่อครับ พ่อกับแม่อยู่ในดวงใจผมเสมอมา พ่อทำเพื่อผมเสมอมา แม่คอยให้กำลังใจผมเสมอมา แม่ครับผมรักแม่"
" พ่อครับ "ผมรักพ่อ.."
23 กันยายน 2547 03:03 น.
เพลงกลางป่า
วันสอบวันสุดท้าย ฝนตกที่ตกลงมาตั้งแต่สี่โมงเย็นเริ่มซาลง จนตอนนี้ห้าโมงครึ่งแล้ว ฟ้าเริ่มมืดครึ้มลงทุกที แม่ค้าที่ขายของหน้าโรงเรียนก็เก็บของกลับบ้านหมดไปแล้ว ผมนั่งรอเพื่อนที่ผิดนัดที่จะมารับผมไปกินข้าวตั้งแต่ห้าโมงเย็น
"อ้าว ต้อง ทำไมยังไม่กลับบ้านล่ะ" เสียงเพื่อนเรียกมาแต่ไกล ผมจึงหันหลังไปมองตามเสียงที่เรียก
"อ๋อ ก็รอเพื่อนน่ะ ตอนนี้ยังไม่มาเลย แล้วนายล่ะ ยังไม่กลับเหรอ เป้"ผมทักทายเพื่อนชื่อเป้ ที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยอนุบาลหนึ่งจนถึงตอนนี้
"พอดีอาจารย์เขาขนของอยู่น่ะ ให้มาหาคนที่รอรถหน้าโรงเรียน ให้ไปช่วยอาจารย์หน่อยน่ะ ของมันเยอะจริงๆขนไม่หมด ว่าแต่ จะไปไหมล่ะ" เป้ถามผมแกมบังคับ
"ไปสิ ก็นายมาตามถึงนี่แล้ว กานต์คงไม่มารับเราแล้วล่ะมั๊ง"ผมบอกเป้พร้อมกับนึกว่า กานต์เพื่อนผมคงไม่มารับผมแล้ว
แล้วผมก็เดินไปหลังโรงเรียนพร้อมกับเป้ เดินผ่านสวนดอกไม้ก็ยังผลิบานเหมือนเดิม มันคือต้นที่ผมปลูกไว้ตั้งแต่ต้นเทอม ดอกบานไม่รู้โรยสีม่วงๆ ที่เป็นความทรงจำในอดีตของผม ที่เคยช่วยกันปลูกกับแม่ กับยายที่บ้านหลังเก่าผม แต่ตอนนี้ยายจากไปหลายปีแล้ว เหลือเพียงภาพทรงจำเก่าๆ
"ต้อง"
"ต้อง!"
"ต้องงงงงงงงงงงง"
ผมตกใจเสียงเพื่อนเรียกผมขณะที่ผมนึกอะไรเพลินๆอยู่
"ครับ ครับ ครับ"
"มัวทำอะไรอยู่ มาช่วยขนของเร็ว"อาจารย์จุฑามาศที่แสนโหด ที่หน้าตาของอาจารย์ไม่บอกก็รู้ว่าอาจารย์เป็นคนเข้มงวด รอยหยักบนใบหน้าของอาจารย์แสดงให้เห็นว่าอาจารย์โกรธบ่อย แต่วันนี้อาจารย์ใจดีกับผมเป็นพิเศษ เพราะผมมาช่วยอาจารย์
ของที่ขนนั้นไม่ใช่อะไรเลย คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ๆ 3 เครื่อง พร้อมโต๊ะ ผมขนเสร็จแล้วก็ออกมารอที่หน้าตึกคอมพิวเตอร์ เพราะอาจารย์อาสาพาไปส่งที่บ้าน พออาจารย์ล็อกประตูเสร็จก็เดินมาไขล็อกประตูรถเก๋งคันใหม่ของอาจารย์
ผมก็ต้องตะลึง.... เด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับผม แต่ผมไม่รู้จัก เพราะเรียนคนละโรงเรียนกับผม
"พลอยนี่ต้องนะ รู้จักกันซะสิ"อาจารย์จุฑามาศแนะนำผมให้รู้จักกับหลานสาวอาจารย์
ผมตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อาจารย์ออกจะโหด มีหลานสาวสวยขนาดนี้เชียวหรือ
"ดีนะ พลอย" ผมทักอย่างสุภาพปนเขินนิดๆ
แล้วก็ไม่รอช้า ผมขึ้นรถ
"พอดีครูจะส่งพลอยไปประกวดวันวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ แต่ว่าแม่นัดผ่าตัดก่อนน่ะ คงไปไม่ได้ จะให้พลอยติวต้องให้ไปแทนได้ไหมล่ะ"อาจารย์พูดขึ้นมาขณะรถติดไฟแดงอยู่
"ผะ ผะ ผมเหรอครับประกวด" ผมดูถูกตัวเอง
"เธอจะต้องมาติวกับพลอยทุกวัน อยู่บ้านไปวันวันอยู่ไปทำไม"อาจารย์ยังคงดุ สไตล์อาจารย์เหมือนเดิม พร้อมกับดุผม
"แล้วคนอื่นไม่มีแล้วเหรอครับ ผมหมายถึงคนที่เก่งกว่าผมน่ะครับ"ผมพูดพร้อมเสนอความเห็น
"แล้วเธอจะไปหาใครล่ะ ก็ไม่เห็นมีใครมาสมัคร วันวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ก็จะมาถึงอยู่แล้ว"อาจารย์พูดแบบว่า ไม่ปล่อยผมแน่
จากนั้นทุกเย็นผมก็มาติวกับพลอยทุกเย็น เพราะอาจารย์ไม่ว่างมาสอนผมโดยตรง ติดธุระต่างจังหวัดเป็นประจำ จนผมได้สนิทกับพลอยมากขึ้น ไม่รู้เป็นบุญอะไรของผมหรือเปล่า เพราะปรกติผมจะไม่ค่อยคุยกับเพื่อนต่างเพศเท่าไหร่นัก พลอยจะเป็นเด็กขี้เล่น และมักชอบกวนผมเสมอๆ เอารองเท้าไปซ่อนบ้าง มาปลุกผมทุกเช้าที่บ้าน เพราะผมอยู่บ้านคนเดียว แล้วก็ไปกินข้าวเย็นกันทุกเย็น เหมือนกับแฟนกัน แต่ไม่ใช่ เป็นแค่เพื่อนสนิทกันเท่านั้น
และแล้วก็มาถึงวันประกวดผู้ที่เก่งคอมพิวเตอร์ที่สุด พลอยไม่ได้มากับผมด้วย เพราะอยู่เฝ้าแม่ผ่าตัดที่ร.พ. แต่ผมก็อยู่แข่งขันจนจบ ผมไม่ได้รางวัลอะไรเลย เพราะผมได้ที่หก พลาดไปแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง
เวลาปิดเทอมเล็กก็หมดลงแล้ว ผมมาโรงเรียนเทอมใหม่ตามปรกติ แต่อาจารย์จุฑามาศวันนี้ไม่มา ผมได้เพื่อน(สนิท)ใหม่มาอีกหนึ่งคน ผมก็รู้สึกเงียบเหงาเหมือนกัน ที่พลอยหายไปนานเหลือเกิน แล้วเย็นนี้ผมก็กลับบ้าน มีจดหมายเล็กๆวางไว้หน้าบ้านผม
เป็นบัตรเชิญไปงานศพของพลอยกับแม่
ผมตกใจสุดขีด รีบคว้ามอเตอร์ไซค์ไปบ้านอาจารย์จุฑามาศ ไม่เจออาจารย์ ผมจึงไปที่วัดก็ได้เจอกับอาจารย์ ผมถามว่า เกินอะไรขึ้นเหรอครับ
อาจารย์ก็ตอบว่า พลอยกับแม่น่ะ เป็นโรคเอดส์มานานแล้ว ผมก็นึกเสียใจมากจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ผมไม่เคยเสียเพื่อนสนิทไปเลย ผมเสียใจมากๆที่จะไม่มีใครมาเป็นกำลังใจให้ผมไปประกวด ไม่มีใครเอารองเท้าผมไปซ่อน ไม่มีใครมาดังเอะอะหน้าบ้านผมทุกเช้าเหมือนวันก่อนๆ
แล้วเย็นอีกวันที่ผมมารอเพื่อนที่จะนัดไปทำรายงาน เพือ่นก็ไม่มารับผม ผมก็ตกรถอีกเช่นเดิม สักพักก็มีเสียงจากข้างหลัง
"อ้าว ต้อง มารอใครล่ะ ทำไมไม่กลับบ้าน" เป้เพื่อนผมถาม
"อ๋อ ก็เดี๋ยวจะกลับแล้วล่ะนะ"ผมตอบ
"พอดีอาจารย์กมลเขาขนกองหนังสือไปไว้ห้องสมุดน่ะ ให้มาตามหาคนที่จะช่วย นายว่างไหมล่ะ" เป้ถามผม
"โทษนะ พอดีไม่ว่าง กลับก่อนล่ะ"ผมตอบ
"....................."