25 มิถุนายน 2549 20:37 น.

อีกด้านหนึ่งของชีวิต ( ชีวิตสอนธรรม )

เพลงกลางป่า

สวัสดีครับ ผมชื่อไกรลาศ บ้านผมอยู่สมุทรปราการ ผมทำงานเป็นวิศวกร
อายุ ยี่สิบเจ็ดปี มีแฟนมาสองคน เธอทิ้งผมไป เธอไปมีแฟนใหม่ และผมยัง
คงไม่มีใครอยู่ในใจ ผมชอบทำบุญมากเลยครับ ผมชอบปล่อยนกปล่อยปลา
ผมชอบคุย ผมเป็นคนคุยเก่ง ผมคุยกับหมู่เพื่อนได้ดีมาก ผมไม่สูบบุหรี่
ไม่ดื่มเหล้าครับ ชีวิตของผมก็เป็นคนธรรมดาทั่วไป ไม่เคยจะใส่ใจการเมือง
ผมไม่ชอบการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายนะครับ ผมจะใช้เงินอย่างประหยัดมากๆ
ผมมักส่งเงินไปให้พ่อแม่ที่บ้านเสมอ

...


...

อีกด้านหนึ่งของชีวิต

สวัสดีครับ ผมชื่อไกรลาศ บ้านผมอยู่สมุทธปราการ ผมจบวิศวกรเพราะผม

ยัดเงินใต้โต๊ะให้อาจารย์จึงจบมาทำงานได้ ผมอายุยี่สิบเจ็ดปี มีแฟนมาสอง
คน ผมคบเธอทั้งสองคนพร้อมกัน พอเธอทั้งสองรู้จึงพากันหนีจากทิ้งผมไป
ผมยังคงไม่มีใครอยู่ในใจ เพราะผมคบใครเขาก็เบื่อ เพราะผมชอบขอเงิน
ซื้อบัตรเติมเงิน ผมชอบทำบุญมากเลยครับ เวลาที่ไปวัดกับเพื่อนๆ เพราะ
จะได้หน้าเลยทีเดียว ผมปล่อยนกปล่อยปลาแล้วสาวๆก็พากันเห็นว่าผม
เป็นคนอัธยาศัยดี ผมชอบคุย ผมชอบยกย่องคนที่อยู่ต่อหน้าเสมอ และว่า
ร้ายให้กับคนที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้าผมตอนนั้น ผมคุยเก่ง ผมไม่สูบบุหรี่ไม่ดื่ม
เหล้า แต่ผมชอบขายบุหรี่ ขายเหล้าให้เพื่อนที่ใช้กัน มันทำให้ผมมีรายได้
บนความฉิบหายของคนอื่น ชีวิตของผมก็เป็นคนธรรมดาทั่วไป ไม่เคยใส่
ใจการเมือง ไม่ชอบใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ก็จะเรียกว่าสุรุ่ยสุร่ายได้ไงในเมื่อ
ผมชอบยืมเงินเพื่อนๆมาซื้อของ ไม่ใช่เงินของผมนี่ ผมจึงใช้เงินอย่างประ
หยัดมากๆ ผมมักนำเงินที่เหลือส่งไปให้พ่อแม่ที่บ้านเสมอ เพื่อให้ท่านดีใจ
และผมก็ยังคงขอเงินท่านเวลาที่ผมอยากได้เสื้อผ้าใหม่ รองเท้าใหม่


ถ้าข้อความของวรรคด้านบน และด้านล่าง จะสังเกตว่าเป็นคนคนเดียวกัน
เพียงแต่เป็นอีกด้านหนึ่งของชีวิต ด้านบนจะกล่าวแต่ความดี และด้านล่าง
จะกล่าวแต่ความชั่ว ซึ่งสัมพันธ์กันเป็นอย่างนี้

รู้อย่างนี้แล้ว คุณได้ข้อคิดอะไรบ้างจากเรื่องสั้นนี้				
28 พฤษภาคม 2549 22:53 น.

ผมเป็นมะเร็ง Just I'm mareng ( Cancer )

เพลงกลางป่า

ผมเป็นคนรักแม่มาก ผมก็รักพ่อเช่นเดียวกับแม่ แต่ท่านไม่อยู่แล้วตอนที่
ผมอายุเพียง 3 ขวบ ด้วยอุบัติเหตุ พ่อผมขับรถขนส่งผักเข้ากรุงเทพ และใน
 คืนวันที่ 14 มิถุนายน 2515 เป็นคืนที่ผมไม่ได้เห็นหน้าพ่ออีกเลย รถบรรทุก
สิบล้ออยู่ในอาการเมาสุราขับชนพ่อด้วยความเร็วกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทำให้กระดูกแขนของพ่อผมหมุนไปได้รอบ และตอนนั้นท่านไม่มีวิญญาณใน
ร่างแล้ว เท่าที่ผมรู้จักพ่อมาตลอดก็คือ รูปถ่าย ของพ่อนั่นเอง นอกไปจากนี้
แล้ว แม้กระทั่งเสียงของพ่อ คำดุด่าว่ากล่าวสั่งสอนของพ่อ ผมไม่เคยสัมผัสเหมือนใครอื่นเลย เพียงเพราะชายเมาสุราที่ถึงแม้เขาจะเสียชีวิตพร้อมกับ
พ่อของผม แต่มันก็ไม่คุ้มค่ากันเลย กับสิ่งที่ผมได้รับไป

   ผมเป็นเด็กบ้านนอก หลังจากที่พ่อผมเสียชีวิต ด้วยวัยของผมเพียง 3 ขวบ
จากที่แม่เคยเป็นแม่บ้านเคยดูแลน้องของผมอีก 1 คนแล้ว แม่ก็เริ่มต้นด้วย
อาชีพรับจ้าง แม่รับจ้างทุกอย่าง รับจ้างล้างจาน ตามงานเลี้ยงได้ค่าแรงครั้งละ
70 - 80  บาท รับจ้างซักผ้าส่งตามบ้าน พอประทังชีวิตทั้ง 3  ชีวิต แม่ลูกไปได้
แม่ผมลำบากตรากตรำมาก แต่สิ่งที่ผมได้รับมันตรงข้ามจากแม่มาก ผมอยาก
จะช่วยแม่ทำงาน แต่ทว่า ผมไม่เคยได้รับคำชมจากแม่เลย แต่แม่กลับไล่ให้
ผมไปอ่านหนังสือ มันทำให้ผมรู้สึกแย่ ถึงแม้ว่าแม่อยากจะส่งให้ผมเรียน แต่
แม่ก็น่าจะให้ผมช่วยงานแม่บ้าง แม่ไม่ยอมให้ผมลำบากเลยจริงๆ มันเป็นสิ่ง
ที่น่าอัศจรรย์สำหรับคำว่า .. แม่ ..

   ผมเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่หก ที่โรงเรียนใกล้บ้าน ผมไปเรียนต่อใน
ตัวเมือง ความจริงแล้วผมอยากจะเรียนโรงเรียนใกล้บ้านมากกว่า เพราะค่า
เทอมไม่แพงมากนัก และที่สำคัญผมไม่อยากให้แม่ต้องลำบากมากขึ้นเรื่อง
ค่าเดินทาง แต่แม่ปฎิเสธ แม่ให้ผมเรียนโรงเรียนในเมือง ซึ่งไกลจากบ้าน
ผมราวๆ 10 - 12 กิโลเมตรโดยประมาณ ผมขึ้นรถประจำทางไปโรงเรียนทุกวัน
แม่ผมยอมลำบากมา 6 ปี ผมสอบโควต้าได้ทุนเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่ง
หนึ่ง สาขาวิศวกรรมศาสตร์ ที่ผมเลือกคณะนี้เพราะชอบวิชาคณิตศาสตร์มาก
ผมชอบวิชาฟิสิกส์ โดยเฉพาะยูคลิด และเรขาคณิต
   
    หลังจากที่ผมเรียนจบแล้ว ผมทำงานชดใช้บุญคุณของรัฐบาลอยู่ 7 ปี จากนั้น
ผมลาออก เพราะผมเบื่อจากอาชีพนี้มาก และผมต้องทำงานอยู่แต่กรุงเทพ มัน
ไกลจากบ้านผมมาก หลังจากที่ผมลาออกได้ประมาณ 2 อาทิตย์ ผมกลับมาอยู่ที่
บ้าน ผมเก็บรวบรวมเงินที่เหลือสร้างบ้านให้แม่อยู่ และช่วยส่งน้องเรียน สำ-
หรับชีวิตตัวผมไม่มีอะไรมากมายนัก ไม่มีซีดีฟังเพลงในห้องนอน ไม่มีที่นอน
นุ่มๆ ไม่มีไวน์ราคาเป็นแสนที่นักการเมืองบางคนชอบดื่มกัน ไม่มีรถหรูหรู
ขี่สำหรับรับแฟนสาวไปเที่ยว ผมใช้ชีวิตตามลำพังที่มีเพียงแม่และน้อง ผมมี
ความฝันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่า จะได้ตอบแทนคุณแม่ และช่วยเหลือน้องมาเสมอ
ผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับครอบครัว และทำร้านขายของเล็กๆหน้าร้าน เพราะผม
ติดแม่มาก มันจะมีความหมายอะไรถ้าผมทำงานด้วยเงินเดือนหลักหมื่นแต่ขาด
คนที่รักอยู่ใกล้ๆ มันจะมีความสุขอะไรกับโลกแสงสี แต่ไม่มีแม้ใครสักคนที่จริง
ใจกับเราเท่าแม่และน้อง

    ชีวิตที่แสนสบายมาจากจิตใจของเราทั้งนั้น คนเราไม่จำเป็นต้องเฟ้นหาเงิน
ทองเท่ากองภูเขา ไม่จำเป็นต้องมีบ้านหรูหราดั่งคฤหาส เพียงแต่มีที่หลับที่นอน
มีอาหารให้กิน มียาให้ใช้ยามเจ็บป่วย และที่สำคัญมีคนที่เรารักและรักเราอยู่
เคียงชิดใกล้ จะมีอะไรสุขสบายไปกว่านี้อีกแล้ว

    ผมเลิกงานคำนวนมาเป็นเจ้าของร้านขายของในหมู่บ้านของผม ทว่าดวงของ
ผมมารุ่งทางนี้พอดี หมู่บ้านของผมไม่ค่อยจะมีร้านขายของนัก นอกจากตลาดแล้ว
ร้านของผมก็จะเป็นที่พึ่งสำหรับคนในหมู่บ้านในยามขาดแคลนข้าวของเครื่องใช้
ได้ดีเลยทีเดียว เงินที่ได้มามันต่างจากที่ผมทำงานในกรุงเทพ แต่ผมก็อยู่สุข
สบายดี มีแค่เงินพอใช้
   
    นับจากที่ผมกลับมาจากกรุงเทพได้ปีกว่า ผมมีอาการไอมาโดยตลอด และไอ
แบบแห้งๆ ไม่มีเสลด ผมปล่อยละเลยไปจนนาน จนแม่ผมต้องเกรี้ยวกราดให้
ผมไปหาหมอ หมอไม่ได้ตรวจอะไรมากนัก และก็ให้ยาแก้ไอผมมาทาน ผมก็
กลับมาดีขึ้น

   แต่หลังจากนั้นไม่นานผมก็กลับมาไออีก และมันก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนผมไม่
ต้องรอให้ใครบอก ผมตัดสินใจไปหาหมอที่กรุงเทพ ตอนนั้นเพื่อนผมที่เรียน
ด้วยกันแนะนำให้ไปหา เพราะอาการไอของผมท่าจะไม่ดี ผมได้กลิ่นเลือดใน
คอ แต่ว่าไม่ได้ไอออกมาเป็นเลือด ผมหายใจไม่ค่อยสะดวก วันนั้นที่ผมเดิน
ทาง หมอเอ็กซเรย์และตรวจร่างกาย ตรวจความดันผม แต่ผลที่ออกมามันไม่
ปรกติ หมอเอ็กซเรย์และบอกว่า ปอดผมมีก้อนเนื้อผิดปรกติขึ้นมา วันนั้นผม
นอนพักที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าวันรุ่งขึ้นจะขอตรวจขอดูดน้ำในปอดขึ้นมา
ถ้ามันมีสีแดง แสดงว่ามันมีเชื้อ .. มะเร็ง .. มันเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมเคย
รู้สึกมา ในโลกนี้ ครั้งนี้ และชีวิตนี้จะมีเพียงหนึ่งครั้งแต่ไม่ใช่หนึ่งคน ผมได้
แต่ภาวนาว่า มันจะไม่เป็นอย่างที่ผมกังวลไว้ คือ มะเร็ง

   สายวันถัดมา หมอขอนัดตรวจ หมอลากเครื่องตรวจมาซึ่งมันดูเป็นเทคโน-
โลยีที่น่าแปลกตาตัวหนึ่ง ลักษณะเป็นเครื่องดูดอะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็เดาไม่
ผิดว่ามันจะใช้ดูดของเหลวในปอดผม วินาทีนั้นเป็นวินาทีที่ลุ้นมาก ผมอยาก
จะหลับตาให้สนิทและไม่อยากรับรู้เลย ไม่อยากรู้ว่ามันจะเป็นอะไรก็ช่าง 
 
    มันเจ็บมากตอนที่หมอสอดสายเข้าไปในช่องทางเดินหายใจผม และเครื่อง
ก็ทำงาน ผมหลับตาและไม่ได้มองมันเลย

  
  เช้าวันรุ่งขึ้น หมอเชิญผมนั่ง  หมอบอกว่าผมมีเนื้องอกในปอด และผลตรวจ
บอกว่า ผม ... เป็นมะเร็ง



    คืนหลังจากที่ทราบผล ผมไม่ได้บอกให้ใครทราบเลย ผมกลัวเขาจะเสียใจ
และผมก็พูดไม่ออกด้วยที่ผมจะบอกให้คนอื่นรู้ว่าผมกำลังจะตาย มันเป็นความ
คิดที่ผมบอกว่าโง่ที่สุด ผมตัดสินใจฆ่าตัวตาย ผมโดดลงมาจากตึกชั้นสอง ใน
โรงพยาบาล แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น ผมยังคงหายใจอยู่ ผมกระโดดไม่พ้น
ระเบียงชั้นสอง และกลิ้งตกลงไปกองระเบียงชั้นหนึ่ง จนแขนผมหัก เนื่องจาก
ผมเอาแขนลง ผมพักรักษาตัวต่ออีก หลังจากนั้นไม่นานแม่ผมก็ขึ้นรถมาเยี่ยม
ผมที่โรงพยาบาล ผมโกหกแม่ไปว่าผมถูกรถชน แต่ไม่นานแม่ก็ทราบข่าวว่า
ผมเป็นมะเร็ง และผมคิดจะฆ่าตัวตาย แม่ผมเสียใจมาก และพยายามปลอบใจ
ผมเสมอ แม่มาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาลสลับกับน้องที่ต้องดูแลร้านที่บ้าน ผมดีใจ
มากที่แม่มาเยี่ยม ผมเครียดมากจนไม่กล้าบอกกับใครจนแม่ของผมมารู้เอง

   ....

...

คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าหมอเชิญให้คุณนั่ง และคุณรู้ว่าเรากำลังจะตาย คนเรา

บนโลกก็ตายด้วยกันทั้งนั้นแหละ จะไม่ว่าด้วยโรคร้าย อุบัติเหตุ สิ้นอายุขัย

หรือการประหารชีวิตนักโทษ 

...

แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ ผมมีความหวังและความฝันอีกมากมายในโลกอนาคต

มันเหมือนดั่งโลกนี้ของผมจบลงจริงๆนะ นาฬิกาแต่ละเรือนที่หมุนไป มันไวเสีย

จนเราตามมันแทบไม่ทัน

ทำไมล่ะ ทำไมคนที่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ถึงถูกนับถอยหลัง

ทำไมล่ะ คนที่สูบบุหรี่ กินเหล้า บางคนถึงไม่ถูกนับถอยหลัง 

คนที่รักตัวเองและอยากอยู่กับโลกใบนี้ไปนานๆ ถูกตัดสินให้จบชีวิตลง

คนที่ไม่รักตัวเองหรือแม้กระทั่งคนรอบข้าง คนที่ชอบทำให้พ่อแม่เสียใจ คน

ฆ่าตัวตาย เขาน่าจะมาเป็นแบบผม แล้วเขาจะรู้ว่า ชีวิตนี้ไม่อยากตายเลย

คนหลายคนอาจจะยังหลงระเริงอยู่กับความบรรเทิงในผับในบาร์ แต่ถ้าเขา

ลองมารู้ว่าอีกไม่นานเราจะตาย ก็จะรีบเร่งทำความดีหรือทำในสิ่งที่อยากจะทำ

ถ้าคุณกำลังทะเลาะหรือโกรธกับพ่อกับแม่มากๆจนปึงปังกระทืบเท้าคว้ารถหนี

ออกจากบ้าน หากพ่อแม่ของคุณกำลังจะตาย คุณก็อาจจะยินดียอมทนเขาได้

ทุกอย่างเพราะรู้ว่าเหลือเวลาไม่มากแล้ว

ทำไมล่ะ คนเราจะต้องทำดีกันตอนที่รู้ว่าเราจะตายหรือ ทำไมคนเราไม่ทำความ
ดีไว้ 

ปัจจุบันนี้ยังมีคนอีกมากมายที่ทำร้ายตัวเอง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่

คนที่ไม่รักตัวเองและทำร้ายตัวเองแบบนี้



อยากให้เขาลองเป็นผมบ้าง 

....

แล้วเขาจะรู้ว่า

การที่เราถูกเชิญนั่ง แล้วมีคนบอกว่า




เรากำลังจะตาย




มันรู้สึกอย่างไร

...				
15 พฤษภาคม 2548 22:23 น.

ดอกไม้ในมือเธอ ตอน กลิ่นฟางกับการเริ่มต้น

เพลงกลางป่า

ทิวไผ่งาม เป็นชื่อเล่นที่ยาวมาก ถ้าจะเรียกขานก็คงไม่แพ้กับชื่อจริงที่มีอยู่ ทิวไผ่งามเป็นชื่อเล่นที่ยายของเขาตั้งให้ตั้งแต่ยังเด็ก แต่เขามักถูกเรียกสั้นๆว่า ทิว
ทิวเป็นเด็กฉลาดแต่เด็ก เขาเติบโตตั้งแต่เด็กและอยู่ในชนบท ซึ่งยายของเขาก็เลี้ยงเขามาแต่เล็กๆ พ่อกับแม่ของทิวจากไปตั้งแต่ยังเล็ก 
  เขามักจะชอบความสงบ ชอบทิวทุ่งที่แสนกว้างไกล สุดลูกหูลูกตา ยามเย็นตะวันคล้อยแสง เขามักจะวิ่งเล่นกับพวกเด็กวัด ที่มาเล่นตามท้องนาหลังกระท่อมเล็กๆที่ทิวกับยายอยู่เสมอ ด้วยความที่ทิวเป็นเด็กรักธรรมชาติ จึงมีจิตใจที่งดงาม และชอบเล่นกับควายอยู่เสมอ 
  ทิวเติบโตในท้องทุ่งอันแสบสงบ โรงเรียนที่อยู่ไกลบ้านไปสองกิโลเมตร ทิวไม่มีรองเท้าใส่เพราะเป็นเด็กยากจน ความฝันของเขาที่อยากจะเป็นหมอได้เลือนลางลงทุกที ทุกย่างก้าวที่เขาเดิน ทุกน้ำตาแต่ละหยดที่หมดไป คือความยากไร้ที่ทุกข์ระกำลำบากกับทิวและยาย 
  แม้แต่ผู้ที่ฉลาดที่สุดก็ไม่อาจหยั่งรู้อนาคตได้ ยายของทิวได้แต่หวังว่า ทิวจะเติบโตเป็นคนที่มีโอกาสในภายภาคหน้า
  ดวงตาที่พร่ามัวจับจ้องหลานที่เติบโตขึ้นทุกวัน กับความหวังที่ไร้อนาคต ทิวต้องหยุดเรียนชั้น ป.4 ออกมาทำไร่ทำนา ช่วยยาย 
  ยายหวังว่าไม่นานทิวจะได้เรียนหนังสือสูงๆ แต่เพราะปากและท้องแทบจะไม่ได้สัมผัสรสชาติอาหาร น้ำตาแต่ละหยดของยายในยามค่ำคืน ที่อดกลั้นในความยากจน ที่ไม่มีเงินส่งหลาน				
14 พฤษภาคม 2548 18:46 น.

อภินิหารแหวนครองพิภพ เกริ่นนำ

เพลงกลางป่า

ขอขอบคุณศาสตราจารย์ เจ อาร์ อาร์ โทลเคน ( J R R Tolkien ) แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ที่ได้แต่งหนังสือเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อประมาณ 50 - 60 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศอังกฤษกำลังปรับเปลี่ยนจากประเทศเกษตรกรรม มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม บ้านเมือง จากที่เคยมีต้นไม้ มีผืนหญ้าที่นุ่มและแสนสงบ ก็ค่อยๆเริ่มเปลี่ยนเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยี และเริ่มมีมลพิษ ท่านศาสตราจารย์ โทลเคน จึงได้แต่งเรื่องนี้มา โดยมีตัวละครหลากหลาย มีการเปรียบเทียบตัวละคร และอุปนิสัยต่างๆ มีการตั้งเมืองไชร์ ( shire ) ที่มีอยู่จริงในประเทศอังกฤษ และตั้งเมืองมิดเดิ้ลเอิร์ธ ดินแดนที่มีแต่ไฟภูมิมรณะ ซึ่งเปรียบเทียบกับบ้านเมืองของอังกฤษ ความวุ่นวายที่กำลังจะมาถึง และช่วงนั้นก็ได้เกิดสงครามเย็นของประเทศรัสเซีย ( Russia ) ทำให้เกิดเรื่องราววุ่นวายต่างๆมากมาย จนเป็นแรงบันดาลใจให้ ท่านศาสตราจารย์ เจ อาร์ อาร์ โทลเคน ผู้มองเห็นสัจธรรมและมีความสามารถต่างๆ ได้เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาสี่เล่ม เล่มแรกคือ ตำนานฮอบบิท เล่มที่สอง สาม และสี่ คือ แหวนครองภิภพทั้งสามเล่ม
   นอกจากนี้ศาสตราจารย์ เจ อาร์ อาร์ โทลเคนยังมีความสามารถในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็น การประดิษฐ์อักษรต่างๆมากมาย และเขียนเรื่องราวต่างๆ และยังเป็นนักอักษร แห่ง มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดอีกด้วยครับ ขอเชิญนักอ่านและนักเขียนทั้งหลาย ติดตามชมได้ เรื่องที่ผมจะเขียนนี้ แปลมาจากหนังสือ และหยิบยกบางส่วนของหนังสือ อภินิหารแหวนครองภิภพ และส่วนสำคัญ ปรัชญาชีวิตมาครับ เชิญติดตามชมได้เลยครับ

ฮอบบิทเป็นพวกไร้มารยา ไร้เล่ห์เหลี่ยม และไม่ค่อยรู้จักการใช้เทคโนโลยีนัก เมืองที่พวกฮอบบิทอยู่ถูกเรียกว่าเมือง ไชร์ และดินแดนไชร์นั้น เต็มไปด้วยผืนหญ้าที่แสนนุ่ม มีแม่น้ำเบนนี่ไวน์ พวกฮอบบิทชอบการกิน ดื่มเป็นอย่างมาก และไม่ค่อยสนใจการสู้รบในดินแดนมิดเดิ้ลเอิร์ธนัก 

แนะนำตัวละคร

บิลโบ แบ๊กกิ้นส์ ( Bilbo baggins )
  เป็นลุงของโฟรโด้ แบ๊กกิ้นส์ ซึ่งแกลนดัล์ฟ เพื่อนของบิลโบ เคยชวนบิลโบให้ก้าวเท้าออกจากดินแดนไชร์เพื่อไปต่อสู้กับมังกร แล้วบิลโบก็กลับมาในวัยชราพร้อมกับแหวน

โฟรโด้ แบ๊กกิ้นส์ ( Frodo baggins )
  หนุ่มผู้มีทีท่าสง่าผ่าเผย เป็นบุคคลตัวเล็ก แคระ และไม่ค่อยมีพละกำลังสักเท่าไหร่ แต่มีปัญญาไหวพริบฉลาดกว่าคนอยู่ในหมู่พวก โฟรโด้เคยคิดว่า บางทีน่าจะมีมังกรสักตัวพลัดหลงมาจากดินแดนมิดเดิ้ลเอิร์ธ เพื่อที่จะให้ดินแดนไชร์วุ่นวายเสียบ้าง พวกฮอบบิทจะได้รู้จักเล่ห์เหลี่ยม หรือมีความคิดดีๆกับเขาเสียบ้าง แต่เขาก็คิดเสมอว่า หากว่าเขาปกป้องดินแดนไชร์ได้ ไม่ว่าจะต้องไปผจญภัยที่ใดก็ตามที่แสนไกลโพ้น เขาก็ย้อม แม้ว่าเขาจะไม่ได้เหยียบดินแดนที่เขาอยู่อีกต่อไปก็ตาม

แกลนดัล์ฟ ( glandulf )
  พ่อมด ผู้ซึ่งมองเห็นอนาคตไกล และมีปัญญาไหวพริบเฉลียวฉลาด และมองการณ์ไกล เขาเป็นเพื่อนกับบิลโบ และเคยคิดว่า พวกฮอบบิทจะเป็นพวกไร้เล่ห์เหลี่ยม แต่เขายังเชื่อเสมอว่า ทุกคนล้วนมีความฉลาดในตัวเอง แล้วบิลโบก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาทำได้

โรซี่ ( Rocee )
  ผู้ไม่มีบทบาทใดมากนักในเรื่องนี้ แต่ก็เล็งเห็นถึงว่า แซม จะจากบ้านไป และแซมก็แอบหลงรักโรซี่อยู่ด้วยเช่นกัน

แซม ไวซ์ แกมจี ( sam wice gamjee )
 แซม ผู้ที่เขลา แต่มีพละกำลังและความอดทนสูง แซม แกมจี คนสวนจากไชร์" แปรเปลี่ยนจากหินเป็นเหล็กกล้า แม้เจอภยันตราย แม้หนทางจะแสนยาวไกล และกันดารก็ฝ่าฟันไปได้"

เมอรี่ อาดอพ แบนนี่บัก ( merry adobe bannybug )
 เพื่อนของพิพพิน ผู้ที่ชอบความสนุกสนาน และมักจะขโมยพืชไร่แม๊กก๊อตเสมอ และมักจะหาอะไรซนๆ ( อย่างเด็ก ) ทำ จนเกิดเรื่องวุ่นๆซะบ่อย เขาถูกเรียกโดนเพื่อนฝูงว่า เมอรี่

เพอรี่กรีน ทรุบ ( perrygreen troob )
 เพอรี่ หรือ พิพพิน ผู้มักก่อเรื่องวุ่นๆ และความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งต่างๆ มักนำพาเรื่องวุ่นๆมาให้ปวดหัวเสมอๆ


 โลก ได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือ 

ดินแดนไชร์ 
 ผู้ที่ไม่เคยมีใครรู้ว่าดินแดนไชร์มีอยู่จริง เพราะช่างอยู่แสนห่างไกลจากมิดเดิ้นเอิร์ธ  ( middle earth ) แต่ก็ไม่กันดาร กลับมีความอุดมสมบูรณ์ และเต็มไปด้วยความสงบสุข เพราะชาวฮอบบิท ซึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนไชร์ รักความสงบเสียยิ่งกว่าอื่นใด

โลกมิดเดิ้ลเอิร์ธ
  คือดินแดนที่เต็มไปด้วยภยันตราย ไม่ว่าจะเป็นป่าที่มีต้นไม้มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเมืองบรี ไม่ว่าจะเป็นสุสานที่มีผีมัมมี่อยู่ และมีเมืองหรือ ดินแดนต่างๆ คือ มอร์ดอร์ หอเวเตอร์ท๊อบ เมืองริเวนเดล เมือง มินาซทริริส เมืองโรฮาห์น

มอร์ดอร์ เป็นดินแดนของพวกยักษ์แคระ หรือพวก อ๊อก อาศัยอยู่ พวกอ๊อกมีลักษณะกำยำ แข็งแรง แต่รูปร่างไม่สูงใหญ่ สูงพอๆกับพวกฮอบบิท แต่พละกำลังเหลือหลาย และมีหอคอยดวงตา ที่คอยสอดส่องหาแหวนมาให้เซารอนจอมโฉด ผู้ซึ่งต้องการแหวน

เมืองบรี เป็นเมืองเล็กๆ และเต็มไปด้วยพ่อค้า และมีโรงเตี้ยมแพลนซิ่งโพนี่ ที่แกลนดัล์ฟ มักจะไปพักอยู่บ่อยๆ

เมืองริเวนเดล เป็นเมืองของพวกพรานไม้ มีนางอราเว็น องค์หญิงผู้ซึ่งมีความอมตะ และมีพ่อของแม่นางอราเว็น คู่หมั้นของอรากอน กษัตริย์ผู้ที่ได้สละยศฐาบรรดาศักดิ์ แล้วเดินทางอย่างคนจร เพราะอับอายที่บรรพบุรุษของเขา ได้เคยทำสิ่งเสื่อมเสียไว้

เมือง โรฮาห์น มีเธโอเดนเป็นกษัตริย์ มีเจ้าหญิง เอโอวีนเป็นพระธิดา แกลนดัล์ฟเคยสอนให้ เธโอเดนจับดาบมากกว่าการปกครอง เธโอเดนจึงรักในการฟันดาบแต่นั้นมา เจ้าหญิงเอโอวีนก็ชอบอรากร กษัตริย์ที่สละยศฐามาสวมครามคนจรเช่นกันกับแม่นางอราเว็น แต่เจ้าหญิงเอโอวีนทราบดีว่า เป็นไปไม่ได้

เผ่าพันธุ์ ถูกแบ่งออกเป็นสี่เผ่าพันธุ์

พวกฮอบบิท มีลักษณะหูแหลม ตัวเล็ก ตัวแคระ มีความสูงเพียงหน้าอกของมนุษย์เท่านั้น ไม่ค่อยมีความฉลาดสักเท่าไหร่ และรักความสงบ

พวกพรานไม้ พวกที่อาศัยตามป่าเขา หรือที่เรียกว่า พวกเอล์ฟ มีลักษณะสูง ผมยาว และหูแหลม มีความว่องไวสูง และฉลาดหลักแหลม

พวกมนุษย์ พวกนักดาบทั่วไป ที่สนใจในการฟันดาบ มีพละกำลังสูง แต่มีความโลภอยู่มาก

พวกอ๊อก  กลุ่มของยักษ์แคระ ที่หวังจะครอบครองเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่าง และรับใช้เซารอน ซึ่ง เซารอนเป็นมารที่ชั่วร้าย หวังจะครอบครองทุกสิ่ง

โปรดติดตามเนื้อเรื่องที่แสนสนุกและข้อคิดที่ดีๆได้ใน 
อภินิหารแหวนครองภิภพ ตอน มิตรภาพแห่งแหวนครับ				
1 กุมภาพันธ์ 2548 18:57 น.

สึนามิ Tsunami

เพลงกลางป่า

ฉันเป็นคนหนึ่งที่ประสบเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ฉันก็เพิ่งมารู้จักไม่นานนี้เอง ฉันไม่เคยรู้จักเลยด้วยซ้ำว่า สึนามิคืออะไร มันน่ากลัวและร้ายแรงแค่ไหน ฉันรู้แต่ว่า มันมาเอาปู่ กับย่า ของฉันไป มันเอาพี่สาว พ่อ แม่ ตา ยาย ของฉันไป ฉันเหลือเพียงตัวฉันลำพัง แต่ถ้าฉันเลือกได้ ฉันขออยู่ดีกว่าจะตายไป ทำไมน่ะเหรอ ไม่ใช่เพราะฉันยังน้อย ยังมีอนาคต และไม่ใช่เพราะฉันกลัวตาย แต่การที่ฉันเลือกที่จะเป็นผู้อยู่ เลือกที่จะทนกับความเหงา ความเศร้า ความเดียวดาย วันที่ฉันไม่มีใคร ฉันขอเลือกที่จะเป็นฉัน อยู่บนโลกใบนี้ ประสบกับความทุกข์ ความเหงา ความเดียวดาย วันที่ฉันจะไม่มีใคร มากกว่าที่จะประสบกับคนในครอบครัวฉัน ...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพลงกลางป่า
Lovings  เพลงกลางป่า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพลงกลางป่า
Lovings  เพลงกลางป่า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพลงกลางป่า
Lovings  เพลงกลางป่า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเพลงกลางป่า