29 กันยายน 2549 18:46 น.
เพลงกลางป่า
" !! นี่ เธอรู้หรือยังว่าดาวถูกฆ่าตายตรงคลองหลังโรงภาพยนตร์เก่า " เสียงกลุ่ม
คนพูดจาแซ่ดๆ
" หา จริงเหรอ แล้วใครฆ่า " กร เพื่อนสนิทดาวถามหญิง
" นี่เธอเป็นเพื่อนประสาอะไร ทำไมไม่รู้ข่าวเพื่อนเธอเลย "
" ดาวน่ะ มันรถเสีย เลยจอดรถไว้ที่อู่แล้วก็เดินกลับบ้าน แล้วก็ถูกฆ่าตาย "
หญิง ซึ่งเป็นเพื่อนไม่ค่อยสนิทของดาวนักพูดกับกร ซึ่งแม้เธอจะไม่ค่อย
สนิท แต่สีหน้าเธอก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก
หลังจากที่กร เพื่อนสนิทของดาว ทำหน้าตกใจไปสักพักหนึ่ง สติของเขาก็
เหมือนว่าจะไม่อยู่กับร่องกับรอย ดุจราวกับขนนกที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศ
อย่างไร้จุดหมาย
กรจึงนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน
เย็นเมื่อวาน
" อ้าว ดาว ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอครับ วันนี้เอารถมาหรือเปล่า " กรถามดาว
" ยัง เรายังไม่อยากกลับ " ดาวตอบสั้นๆ ในตาของเธอ ดูซึมๆผิดไปจากปรกติ
" มีอะไร เล่าให้เราฟังบ้างสิ " กรเอ่ยถามอย่างมีน้ำใจ
" กรยังจำได้ใช่เปล่า เมื่อสองเดือนที่แล้วแม่เราเพิ่งจะเสียไปด้วยโรคมะเร็ง
ใช่สิเธอจำได้อยู่แล้ว วันนั้นเธอก็ไปงานศพด้วย ความจริงแล้วน่ะ พ่อเราแอบ
มีคนอื่นก่อนที่แม่เราเสียชีวิต " ดาพูดเสียงสั่นเครือ
" หา จริงเหรอเนี่ย แล้วยังไงต่อ " กรถามอย่างตั้งอกตั้งใจฟัง
" แม่เราเสียใจมาก แล้วก็ตรอมใจด้วยน่ะ แต่เราไม่เคยเล่าให้ใครฟัง กร
ได้โปรด เราจะเล่าให้เธอฟังคนเดียวนะ " ดาวถามกร
" ได้เราสัญญา เล่ามาสิ " กรรับปาก...
" พ่อเราแอบมีผู้หญิงอื่นตอนที่แม่เรากำลังป่วยหนัก พ่อเราไม่เคยสนใจใย
ดีแม่เราเลย ตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาหลอกพ่อเรา แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ชอบ
มานอนในห้องพ่อเราด้วยนะ เราก็รู้แต่เราไม่กล้าพูดให้แม่ฟัง
แม่มานอนห้องเราตลอด แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ชอบโทรมาด่าเรา เวลาที่พ่อเราไม่
อยู่ด้วย "
" เลวจริงๆ ผู้หญิงแบบนี้ก็มีด้วยเหรอเนี่ย " กรสบถคำด่า
" กร ........ ฟังเรานะ ............. ปรบมือข้างเดียวน่ะ มันไม่ดังหรอก " ดาพูด
" อืม ใช่ มันก็จริง แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่น่ามายุ่งกับพ่อเธอนี่ " กรทำหน้ายุ่ง
" แม่เราเสียใจมาก เราพยายามไม่บอกเรื่องที่เราเห็นพ่อไปนอนกับผู้หญิง
คนนั้นให้แม่ฟัง แล้วสุดท้ายแม่ก็ตรอมใจ "
" ผู้หญิงคนนี้นะ ชอบมาขอเงินพ่อซื้อนั่น ซื้อนี่ แล้ว หลังจากที่แม่เราเสียแล้ว
ผู้หญิงคนนี้ก็คอยมาที่บ้านเราเกือบทุกวันเลย ชอบมองตาขวางใส่เราด้วย "
" เราไม่เข้าใจว่าเราไปทำอะไรให้เขา เขาถึงต้องมาทำกับครอบครัวดาวอย่าง
นี้ ดาวไม่เข้าใจเลยจริงๆ วันนี้เขาก็โทรมาว่าอย่ากลับบ้าน อย่ากลับมาขัดความ
สุข ดาวพยายามจะหาโอกาสบอกพ่อ แต่ว่าพ่อก็ทำแต่งาน ดาวไม่อยากคุยกับพ่อ"
เสียงพูดของดาวเงียบไป แต่เสียงร้องไห้ได้กลับดังขึ้นมาแทน
" ไม่เอาน่าดาวอย่าร้อง เธอต้องไม่ยอมแพ้สิ แค่ผู้หญิงคนเดียวที่เข้ามา
วันนี้น่ะ เธอกลับไป ทำตัวตามปรกติ ไม่ต้องไปเกรงใจมัน " กรปลอบดาว
" แต่ ........ มัน ... มัน... โทรมาขู่ว่า ฮือ ฮือ " ดาวร้องไห้หนัก
" เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้วดาว วันนี้กลับไปบ้านตามปรกติ แล้วก็ทำตัวปรกติ
นะ เชื่อเรา อย่าไปยอมแพ้มัน มันจะขู่อะไรก็ช่าง มันทำอะไรเธอไม่ได้หรอก"
10 นาทีผ่านไป ความเสียใจก็ได้เจือจางลง
" อืม ขอบใจมากนะกร " ดาวขอบใจกร
" ไม่เป็นไร มีอะไรก็โทรมานะ " กรพูด
โปรดติดตามตอนต่อไป
27 กันยายน 2549 21:36 น.
เพลงกลางป่า
...
คืนวันนี้ที่รถเสีย ดาวโทรไปที่บ้านแต่กลับไม่มีคนรับ แล้วก็ดึกมากแล้ว ที่อู่
ก็ไม่มีรถประจำทางผ่านเลย เธอจึงตัดสินใจเดินทางไปบ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากอู่
ประมาณ 3 กิโลเมตร
ระหว่างเดินทางนั้น เธอได้ผ่านซอยเปลี่ยวซึ่งเป็นซอยที่เคยมีโรงภาพยนตร์
เก่า แต่ว่าเกิดไฟไหม้และมีคนตายอยู่มาก ซอยนี้จึงไม่ค่อยมีใครได้ผ่านมา
แถวนี้นัก
แต่บังเอิญโชคร้าย ที่ดาวจะต้องผ่านทางนี้
" เอาน่า เป็นไงเป็นกัน เฮ้อ .. " ดาวบ่นกับตัวเองเพื่อให้กำลังใจ
เธอตัดสินใจเดินผ่านซอยเปลี่ยวไปได้ระยะหนึ่ง ก็สังเกตเห็นว่า เหมือนมี
ใครแอบซุ่มอยู่ข้างทาง แต่เธอภาวนาว่า ขอให้เป็นหมาเป็นแมวละกัน คงไม่มี
อะไรมั๊ง
สักพัก เธอก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินตาม อยู่ข้างหลังเธอประมาณสิบเมตร
เธอจึงตัดสินใจหยุดฝีเท้าที่ลากไปกับพื้น เสียงก็เงียบสงัดในทันที มีแต่เสียง
แมลงที่ร้องจี๊ดๆ อยู่ข้างทาง เธอตัดสินใจค่อยๆหันหลังไปมอง อย่าง ช้า ๆ และ
ช้าๆ
เธอหันหลังกลับไปมอง แต่ว่าซอยนั้นมืดมาก เธอจึงเอาไฟฉายจากโทรศัพท์
มือถือราคาแพงของเธอที่พ่อซื้อให้เมื่อวันเกิด ตัดสินใจเปิดไฟและส่องไปรอบๆ
ปรากฎ เธอเห็นที่มุมตึกของโรงภาพยนตร์ มีคนแอบซ่อนอยู่ เธอไม่แน่ใจว่า
สองหรือสามคน แต่ต้องมากกว่าหนึ่งคนแน่ๆ เธอจึงรีบตัดสินใจเดินอย่างเร็ว
" อีกหนึ่งกิโลเมตรก็จะถึงถนนใหญ่แล้ว สู้ๆหน่อย " ดาวให้กำลังใจ
เธอเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น กึ่งเดินกึ่งวิ่ง และพยายามเหลือบมองไปข้างหลัง และ
ทันใดนั้น !!!!
เธอเห็นชายชุดดำ ประมาณสองถึงสามคนเดินตามเธอมาข้างทางอย่างเร็ว
แต่เธอเห็นไม่ชัดนัก เพราะว่าถนนมันมืดมาก แม้กระทั่งดาวเป็นคนผิวขาว
และก็หน้าตาดี แก้มมีเลือดฝาดสีอมชมพู ริมฝีปากอมชมพูอย่างเป็นธรรมชาติ
เธอมองตัวเธอเองยังแทบจะไม่เห็น
ตั้บ ตั้บ ตั้บ ตั้บ
ชายสามคนนั้นรีบวิ่งมาทางดาวทันที และดาวก็รีบดึงชายกระโปรงขึ้นและ
รีบวิ่งทันที
ชายสามคนนั้นวิ่งมาจนทันดาว ดาวจึงตัดสินใจวิ่งไป หยิบโทรศัพท์ไปเพื่อ
จะโทรหาตำรวจ แต่ขณะที่เธอวิ่งไปนั้น บังเอิญว่าสะดุดกิ่งไม้ โทรศัพท์หล่นลง
หนึ่งในกลุ่มชายคนนั้นเดินมาคว้าโทรศัพท์ และวิ่งเข้ามาฉุดแขนดาว
" ว๊ายยยย ช่วยด้วยยยยย เธอเป็นใครกันน่ะ ปล่อยนะ " ดาวร้องตะโกน
แต่ดูเหมือนจะไร้วี่แววจากคนช่วย
ดาวถูกดึงลากไปยังโรงภาพยนตร์เก่าร้าง ชายที่เหลือเอากระสอบมาคลุม
ทั้งตัวเธอ และอุ้มเข้าไปในโรงภาพยนต์ที่แสนมืด
ตุ้บบบ !!
เสียงร่างของดาวถูกโยนลงกับพื้น
" โอยยยยยยยยยย พวกแกต้องการอะไร " ดาวพูด
ไม่มีเสียงตอบใดๆกลับมา
เช้าวันรุ่งขึ้น ...
ตำรวจพบศพหญิงสาวดาวคณะมหาวิทยาลัย ที่ชื่อดาว
ศีรษะ แขน ขา มือ ลำตัว ถูกฉีกเป็นชิ้นๆกระจัด
กระจายอยู่ในคลองน้ำ หลังโรงภาพยนต์
16 กันยายน 2549 22:00 น.
เพลงกลางป่า
แล้วถ้าบังเอิญว่าคุณเกิด รัก ใครขึ้นมา แล้วก็บังเอิญไปอีกว่า คุณเป็นคนที่ ฝังใจ
อยู่กับความรักที่เขาไม่ได้มีให้คุณ นั่นก็คือ รักเขาข้างเดียว ใช่ไหม ? เธอคนที่คุณแอบชอบ
อยู่ก็ย่อมสวยและน่ารักในสายตาคุณ และ ย่อมมีโอกาสที่จะสวยและน่ารักในสายตาคนอื่น
ได้เช่นกัน สิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังจะบอกคุณอยู่ก็คือ คุณไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตเขา และคุณ
ก็ไม่มีสิทธิ์ดึงใครต่อใคร หรือแม้แต่เธอคนนั้นมาอยู่ข้างกายได้อย่างใจนึก เหมือนสิ่งของ
ที่คุณอ้อนพ่ออ้อนแม่ตอนเด็กๆแน่นอน
แล้วทีนี้จะทำอย่างไรกันดีล่ะ?
ในเมื่อไม่มีสิทธิ์ที่จะดึงเขามาอย่างใจนึก แต่อย่าลืมว่าคนเรานั้น จิตใจก็เหมือนกับลูกบอลนั่น
แหละ ความจริงแล้วผู้หญิงไม่ได้รักผู้ชายยาก หรือ แข็งกระด้างต่อความรักที่ผู้ชายให้เสมอไป
หรอก ไม่เลย แต่กลับตรงกันข้ามคือ เพศหญิง หรือผู้หญิง เป็นเพศที่อ่อนไหวได้ง่าย โดยเฉพาะ
ความรักและความอ่อนหวาน
ในเมื่อใครต่อใครมีสิทธิ์จะรักเธอ เธอคนนั้นที่คุณชอบมีสิทธิ์ที่จะเลือกใครก็ได้บนโลกนี้ แม้
กระทั่งยาจกจนๆตาบอด ถึงเธอจะไปรักก็คงไม่มีใครมาจับเธอเข้าตาราง หรือเธอจะไปรักกับ
แบรด พริท หรือ ทอม ครูยซ์ ก็คงไม่ผิดหรอก
สิ่งที่พิมพ์มานี้กำลังจะบอกว่า คุณเอง กำลังตกเป็นตัวเลือกของใครต่อใครหลายคนที่ผ่าน
เข้ามาในชีวิตของเธอ คุณ อาจจะ หรือ กำลัง อกหักอยู่ก็ตาม คุณจงพึงรำลึกตนเองอยู่เสมอว่า
วันนี้ คุณทำตัวของคุณเองให้เป็นตัวเลือกที่ดีของเธอหรือยัง คุณจะเป็นยาจก หรือคนขี้เกียจ หรือ
คนไม่ทำงาน หรือ อะไรก็ตามในสายตาเธอ หรือว่า คุณจะเป็นฮีโร่ เป็นชายที่อบอุ่น เป็นคนขยัน
เรียน ขยันทำมาหากินและมีความรับผิดชอบในชีวิตของตนเอง ในสายตาเธอหรือเปล่า
ถ้าคุณอ่านตรงนี้แล้วซีเรียส คุณไม่ต้องห่วงหรอกว่า คุณทำดีไปแล้วเธอจะเห็นเหรอ? เห็นแน่
นอน ความดีน่ะ มันเห็นได้ด้วยใจนะ
แต่ถ้าคุณทำดีแล้ว คุณมีความรับผิดชอบดีแล้ว คุณทำตัวพร้อมที่จะมีแฟนแล้ว คุณรับผิดชอบ
ตัวของคุณเองได้ดีแล้ว แต่นั่นเธอจ๋าคนดีของคุณ ก็ยังไม่มาสนใจ ข้าพเจ้าคิดว่า คุณควรจะ
พิจารณาหาคนใหม่ได้แล้วล่ะ
คุณพอเข้าใจไหมว่า อกหักเพราะอะไร และมียาอะไรแก้
สรุปก็คือ
ผู้หญิง ไม่ได้นิ่งเฉย หรือเย็นชา กับความรักของพวกหนุ่มๆ หรือ ผู้ชายหรอก แต่ผู้หญิงก็ย่อม
มีผู้ชายมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต คุณทำตัวอย่างไรในสายตาเธอล่ะ คนขี้เกียจสันหลังยาวหรือ
เปล่า หรือคนไม่เอาถ่าน ในโลกนี้นะ ใครก็อยากได้ของดีทั้งนั้นแหละ จะมีใครอยากจะซื้อ
ของพังๆมาใ้ช้ ซื้อคอมพังๆ แฮงค์บ่อยๆมาใช้ ซื้อปากกาแท่งที่เขียนไม่ออกมาใช้ล่ะ จริงไหม
ถ้าคุณยังเป็นคนประเภทนี้ในสายตาเธอ ข้าพเจ้าขอแนะนำให้คุณ รีบเปลี่ยนการกระทำของคุณ
ด่วน เป็นเด็ดขาด เพราะคุณจะไม่มีวันที่ได้รับความรักจากเธอได้เลย หรืออาจจะยากมาก
เพราะโลกสมัยนี้ คงมีเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ หรือ 0.5 เปอร์เซ็นต์แค่นั้นเองมั๊ง ที่ชอบคนที่
ไม่เอาถ่าน.
และที่สำคัญคือ คุณได้ให้ความรัก ( ที่ไม่ใช่การซื้อของขวัญ ( เงินน่ะ ซื้อความรักไม่ได้หรอก ))
แต่ว่า คุณน่ะ ได้ให้ความรักที่เป็นจิตใจ กับเธอหรือยัง??????
ยาแก้อกหัก คือ แก้ที่ตัวคุณ
ไม่ใช่ แก้ที่ตัวเธอ
The way is going on and on.
ถนนยังทอดยาวต่อไป
ขอให้โชคดีและมีความสุขกับความรักนะ
10 กันยายน 2549 20:16 น.
เพลงกลางป่า
สวัสดีครับ ผมชื่อ เล็ก ปัจจุบันนี้ผมอายุยี่สิบสามปีแล้ว เรื่องราวเมื่อห้าปีก่อน มัน
คือจุดเปลี่ยนของชีวิตผม คือ ห้าปีที่แล้ว ทำให้ผมมาเป็นแบบนี้
บ้านผมมีอาชีพเป็นโรงงานผลิตน้ำมันพืช ครอบครัวผมก็ฐานะดีพอสมควร ก็จะ
เรียกว่า รวย ก็ว่าได้นะ เพราะคำว่ารู้จักความพอเพียง นั่นคือชีวิตของเรารวย
แล้ว
ผมเป็นคนที่มีฝันมาตั้งแต่เด็กๆ และชีวิตที่ฝันนั้น ส่วนมากจะสมหวังจน
ทำให้ผมเลินเล่อ ประมาทกับเส้นทางชีวิตมากเกินไป
เรื่องมันก็เกิด เกิดตอนที่ผมอายุ 18 ปี โรงงานของผมปิดลงเนื่องจากไปไม่รอด
พ่อผมยิงตัวตายหลังจากที่รับสภาพหนี้กว่า 10 ล้านไม่ไหว ผมเหลือชีวิตเพียง
ลำพัง กับญาติๆที่อุปการะเลี้ยงดูผม ส่งผมเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยเท่านั้น
คุณจะเดินไปอย่างไรถ้าเส้นทางที่คุณเดินอยู่เพียงลำพัง คุณจะเดินไปอย่างไร
ถ้าเสาหลัก หรือกระดูกสันหลังของคุณหักไป สิ่งที่ค้ำจุนชีวิตของคุณหายไป คุณ
จะทำอย่างไรถ้าร่างกายของคุณไร้กระดูกกระเดี้ยว ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เช่น ผม
กับการจากไปของคุณพ่อของผมเพียงด้วยปืน .38
มะเร็งฆ่าชีวิตแม่ผมไปตั้งแต่ผมอายุเพียง 5 ขวบ เพราะพ่อผมสูบบุหรี่จัด ทำ
ให้แม่ต้องรับอานิสงจากควันบุหรี่ไปด้วย พ่อผมเรียนจบวิศวกรรมไฟฟ้ามา
แต่ว่ามีความรู้เรื่องการตลาด เลยทำให้พ่อเปิดโรงงานได้เพียงอายุ 35 ปีเท่านั้น
นับว่าเป็นอายุที่น้อยสำหรับนักลงทุนทีเดียว
พ่อของผมเริ่มลงทุนโดยการเป็นหุ้นส่วนของบริษัท แล้วพ่อก็จัดการระบบใน
โรงงานไปในตัว ทำให้เหมือนว่าพ่อเป็นผู้จัดการ จากนั้นพ่อก็เริ่มซื้อหุ้นทีละ
ส่วน จนมันกลายเป็นของพ่อทั้งหมด
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ธุระกิจเริ่มทรุดตัวลง เพราะชาวต่างชาติ เข้ามาแข่งขันทางธุรกิจ โดยไม่รับสินค้าจากโรงงานพ่อผม แต่กลับไปสนใจ
สินค้าอื่นๆแทน ทำให้โรงงานของพ่อผมที่ส่งสินค้าตามร้านขายปลีก ตามร้านค้า
ชาวบ้าน ร้านค้าขายชำ ขายย่อย สู้ธุรกิจใหญ่ๆไม่ไหวจึงต้อง
ปิดตัวลงไป
เย็นวันที่ 8 สิงหาคม พ่อผมจบชีวิตลงด้วยปืนสั้นยี่ห้อ แอสตร้า ที่ผลิตจาก
ประเทศสเปน ขนาด .38 ทะลุงคาง ไปจนถึงสมองของพ่อผมเสียชีวิต
สาเหตุก็เนื่องมาจากธุรกิจ และพ่อกู้เงินมาจ่ายรายจ่ายในโรงงานมาก จนเงิน
หมุนไม่ทัน ทำให้เกิดหนี้
ในขณะเดียวกัน ปีนั้นผมก็เอนทรานซ์ และผมก็เอนทรานซ์ไม่ติดสักที่ นั่น
เพราะว่าผมขาดเรียนบ่อย ผมไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ เพราะปีสุดท้ายหลังจากที่
พ่อของผมเสียชีวิต ผมก็ได้พักอาศัยอยู่กับญาติ ที่ จ. ชลบุรี ผมต้องช่วยญาติขน
ของ เพื่อนำรายได้ไปโรงเรียน บางครั้งก็ไปสายจนถูกทำโทษหลายครั้ง
ปัจจุบันนี้ผมเป็นพนักงานขนของให้กับฆาตรกรที่ฆ่าพ่อผม มันอาจดูน่าขยะแขยงหน่อย แต่ผมก็ไม่อายเงินน้อยกับค่าจ้าง
เจ็ดพันสองร้อยบาทที่พอประทังชีวิตอย่างคนที่จบกฎหมาย รามคำแหงอย่างผม
ตอนจบละครทั่วไป มักจะสมหวังกับชีวิตกันทั้งนั้น แต่ว่าผม แม้จะไม่สมหวังกับ
ชีวิตสักเท่าไหร่
บอกฟ้าเอาไว้ ในใจของฉัน ในแต่ละวัน ฉันยังสู้ไป
ฟ้าเอ๋ย ถึงเธอจะไม่เห็นใจฉัน ช่างมันฉันไม่สนใจ ชีวิตที่ฉันอยู่เพียงลำพังแท้
จริงแล้วมันคือภาพลวงตา เครื่องประดับข้างกาย แท้จริงแล้วมันก็คือแร่ที่ขุดมา
จากใต้ดินที่คนเหยียบย่ำกันทุกวัน คาร์บอนที่เรียงตัวกันจนเรียกว่า เพชรนั้น
ก็มาจากการทับทมเป็นเวลานานมา มาเจียระไนให้สวยงาม ฉันไม่สนใจหรอก
น้ำหอมที่ปิดบังกลิ่นกายนั้น ก็เพียงเครื่องหอมที่ทำให้สิ่งที่มีอยู่ถูกซ่อนไว้ แต่
มันไม่ไปไหนหรอก ถึงคราวตายแล้ว ทุกคนก็เหม็นเหมือนกัน ถ้าไม่มีใครมา
ใส่น้ำหอมให้
สำหรับฉันแล้ว ฟ้าเอ๋ย วันนี้ฉันพอใจแค่เสื้อผ้าเก่าๆ ฉันพอใจแค่มอเตอร์ไซค์
ราคาถูกๆ ฟ้าเอ๋ย ฉันพอใจแค่สารส้ม ไม่ใช่น้ำหอมจากฝรั่งเศส.
เพราะถ้าฉันรอเธอเมตตา ฉันอาจเสียทุกสิ่งทุกอย่างอีกก็ได้
ฉันไม่รอเธอหรอก
10 กรกฎาคม 2549 21:11 น.
เพลงกลางป่า
ผมเป็นคนหนึ่ง ที่หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของคอมพิวเตอร์อยู่ไม่น้อยเลยนะ
มากแค่ไหน มากพอที่ผมเคยอดข้าวอดน้ำ เรียนสร้างเว็บไซท์ เขียนโปรแกรม
คอมพิวเตอร์ ฯลฯ แต่ใจความสำคัญของบทความนี้ไม่ได้อยู่ที่เรื่องของความก้าว
หน้าทางเทคโนโลยีหรอกครับ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า มันจะก้าวหน้า หรือ
ก้าว " ถอยหลัง " หรือว่า จะ " หยุดอยู่กับที่ " ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า มันเกิดจากตัวผมเอง เกิดจากชีวิตจริงๆ ของคนคนหนึ่ง ไม่
ได้เป็นการแต่งขึ้นเลยสักนิด พูดง่ายๆก็คือ ชีวิตจริง
เรื่องย่อก็คือ
ทุกเย็นหลังจากกลับบ้าน ผมจะมาเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าอินเตอร์เน็ต ท่อง
อินเตอร์เน็ต จนสามทุ่ม ผมก็ไปอาบน้ำ ถึงประมาณ สามทุ่มครึ่ง ผมก็มาทำการ
บ้าน อ่านหนังสือ กว่าจะนอนก็ประมาณเที่ยงคืน ผมตื่นตีห้ามาอ่านหนังสือต่อ
และก็เตรียมตัวไปโรงเรียน ผมทำอย่างนี้แทบทุกวัน วันเสาร์ผมก็ไปเรียน
พิเศษ กลับมาตอนบ่ายๆ ผมก็เปิดคอมพิวเตอร์ฟังเพลงคลายเครียด ตอนเย็นๆ
ผมไม่เข้าใจบทเรียนอะไรผมก็จะมาเปิดหาใน กูเกิ้ล หาคำตอบดู ไม่ต้องซักถาม
อาจารย์ให้เสียเวลา
พออ่านๆดูแล้ว หลายๆคนก็คงจะหมั่นใส้ผมไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ ว่าทำไม
ใช้ชีวิตอะไรที่ค่อนข้างจะใช้เวลาไม่เป็นประโยชน์อะไรเสียอย่างนี้เลย มันไม่
เป็นประโยชน์อย่างไรล่ะ ในเมื่อผมก็อ่านหนังสือ ทำการบ้าน เปิดหาอ่านข้อมูล
มันไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับ ผมเชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะบอกได้แล้วว่าผมกำลัง
จะพิมพ์ว่าอะไร
ทุกเย็นที่ผมกลับบ้านมา แม่ผมเรียกทานข้าวด้วยกันทุกครั้ง พ่อผมทำงาน
บางทีก็เลิกดึก แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิดมากมาย
แค่ไม่ได้ไปกินข้าวกับแม่ แต่พอผมคิดได้ เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ผู้ชายก็
ผู้ชายเหอะ ผมก็น้ำตาร่วงเหมือนกัน
- มันไม่ใช่แค่ผมหาข้อมูลในเน็ต แต่พอว่างๆผมจะแชทในห้องแชท 20 - 30
นาที ก่อนจะไปอาบน้ำ
- มันไม่ใช่แค่ทำการบ้าน อ่านหนังสือ ผมจะคุยโทรศัพท์กับแฟน 10 - 15 นาที
- มันเป็นการค้นหาการบ้านที่ดี แต่ผมพูดคุยกับอาจาย์น้อยลง ผมมีมนุษย
สัมพันธ์น้อยลง
ตอนนี้แม่ของผมชราลงทุกวันแล้ว ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของแม่เริ่มปรากฎเด่น
ชัดขึ้นทุกวัน ผมไม่ได้แช่งแม่นะครับ แต่ใครจะรู้ว่าท่านจะอยู่กับเราไปได้นาน
แค่ไหน ตราบที่ลมหายใจยังอยู่ เราน่าจะทำสิ่งที่ดีกว่าท่านได้มากกว่านี้
ผมมาเริ่มคิดได้ตอนที่ผมไปร้านอินเตอร์เน็ต บางคนนั่งเล่นเน็ต แชทกัน
ไม่น่าเชื่อ ผมก็แปลกใจว่า แต่ละคนที่เล่น โต๊ะอยู่ห่างกันไม่ถึงสองเมตร ทำไม
ไม่มานั่งคุยกันเองล่ะ ไม่เสียค่าเน็ตด้วย ไม่เปลืองค่าไฟด้วย ไม่ต้องพิมพ์ให้
เมื่อยมืออีกต่างหาก
ผมย้อนคิดไปถึงแม่ เย็นเดียวกันที่ผมกลับไปที่บ้าน แม่มาในห้องผมแล้วพูด
ว่า ลูก มากินข้าวกับแม่มา แม่จะรอนะ
ผมไม่ไป ไม่ใช่เพราะว่าผมดื้อนะ แต่ผมร้องไห้เสียใจว่า ขณะที่ผมกำลังคุย
แชทในเน็ตกับคนที่อยู่ห่างไกลกันหลายสิบ หลายร้อยกิโลเมตร โดยที่ผมไม่ได้
คุยกับคนที่รักผมมากกว่าชีวิตตัวเอง แต่อยู่ห่างจากผมเพียงห้องถัดไป
ผมคุยค่าโทรศัพท์ นั่งหัวเราะกับแฟน โดยที่แม่ผมทานข้าว และดูทีวีอยู่คน
เดียว
- จะเสียเวลาสักแค่ไหน ถ้าผมนั่งทานข้าวกับแม่ พูดคุยกับแม่ทุกวัน แล้วผม
เลิกแชทกับคนที่อยู่ไกลกันไม่รู้กี่กิโลเมตร
- จะเสียเวลาแค่ไหนถ้าผมคุยกับแฟนเพียงอาทิตย์ละครั้ง แล้วนั่งดูทีวีกับแม่
- จะเสียเวลาแค่ไหนกัน ถ้าผมนั่งลงข้างหน้าโต๊ะอาจารย์แล้วพูดว่า
อาจารย์ช่วยสอนตรงนี้หน่อยครับ ผมไม่เข้าใจ
นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยของเทคโนโลยีที่ทำให้โลกใบนี้เปลี่ยนไปนะ เทคโนโลยี
น่ะ มันมีประโยชน์ แต่ว่าใครจะใช้มันอย่างไรก็แค่นั้นเอง ทุกอย่างบนโลกนี้
มีประโยชน์หมด เพียงแต่เราต้องรู้จักใช้ แม้กระทั่งขี้ที่ใครรังเกียจ ยังเอาไปทำ
ปุ๋ย ให้ต้นไม้เจริญงอกงามออกดอกออกผลให้คนกินได้เลย
ผมยอมรับผิด และผมกล้าที่จะรับความจริง ผมกล้าที่จะประนามตัวเองว่าผม
เคยทำตัวเป็นวัยรุ่นไร้สาระแบบนี้มาก่อน
ใครที่ยังเป็นแบบนี้อยู่ ลองเปลี่ยนพฤติกรรมนะครับ
ข้อความที่อ่านมาทั้งหมดนี้มันไม่ซึ้งหรอก แต่จริงใจนะครับ ผมหวังว่าหลายๆคน
ที่เคยเป็นแบบผมก็คงจะคิดได้ ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นก็ขอชมเชย
เอาไว้แค่นี้ก่อนนะ หายใจไม่ออก น้ำมูกเต็มแล้ว น้ำตาไหล...
ปล.( ปัจฉิมลิขิต ) แม่ครับ ผมขอโทษ ผมรักแม่นะ
ผมจะกอดแม่ และดูทีวีกับแม่ตลอดไปนะครับ แม่...