10 ตุลาคม 2547 22:27 น.
เพลงกลางป่า
เนื่องจากมีการโพสกลอนซ้ำ ผมจึงมาเปลี่ยนกลอนเป็นกลอนนี้ชั่วคราวครับ
มองต้นไม้พลิ้วไหวตามสายลม
ช่างงามสมธรรมชาติขาดไม่ได้
อย่าตัดไม้ทำลายป่าอาจวอดวาย
อย่าซื้อขายเขากวางน่าสงสาร
9 ตุลาคม 2547 22:06 น.
เพลงกลางป่า
ป่าไม้มีน้อยลงทุกทีเลยนะครับ กลอนนี้ผมแต่งเองนะครับ
อยากให้ช่วยๆกันรักษาป่า แล้วเพื่อนๆล่ะครับ ชอบธรรมชาติกันหรือเปล่า
ผมเองเป็นคนที่ชอบธรรมชาติมากๆๆเลยนะครับ
หมู่มวลเมฆเมฆาเคยมีมาก
ลอยล้นหลากล้วนแล้วแต่สดสวย
มีท้องฟ้าทำให้ใจชุ่มชวย
เห็นไม้ม้วยแทบขาดดิ้นสิ้นชีวา
มองดูฟ้าธาราทั้งกว้างใหญ่
แต่ใจคนอลเวงกว่าเวหา
เคยเห็นนกมากมายทั้งไม้ป่า
เห็นธาราปลามากมายว่ายเวียนวน
แต่ตอนนี้นกมากมายทั้งหลายหลาก
ถูกพลัดพลากจากไปเพราะใจคน
จับนกกวางใช้ปืนยิงสุดน่าทน
นี่หรือคนชอบมลายป่าไม้จบ
นกนางนวลแน่นิ่งเหมือนกิ่งไม้
เดินเข้าไปใจหายกลายเป็นศพ
ธรรมชาติสวยงามที่เคยพบ
กลบลงดินกลายเป็นหินกลายเป็นทราย
มนุษย์เราเอาแต่เห็นแก่ได้
ชอบทำลายธรรมชาติให้เสียหาย
ระวังกันอีกไม่นานจะวอดวาย
หมู่มวลไม้ไม่มีชีวาดับ
มนุษย์เราเผาป่าเป็นว่าเล่น
หมู่สัตว์เผ่นหนีตายคนไล่จับ
กวางกระทิงเสือสิงห์นกอีพับ
มาประดับในบ้านสงสารป่า
7 ตุลาคม 2547 20:52 น.
เพลงกลางป่า
ขอบคุณครับทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ช่วยวิจารณ์ขานไขด้วยนะครับ
หากตรงไหนบกพร่องผมจะปรับ เปลี่ยนแปลงไปให้ได้ดีขึ้นนะครับ
กลอนบทนี้แต่งให้ใครคนหนึ่ง ใครคนซึ่งคิดถึงและห่วงหา
กาลเวลาหมุนไปไม่กลับมา อยากรู้ว่าเพื่อนฉันนั้นเป็นไง
ดูท้องฟ้าช่วงนี้ช่างเหน็บหนาว เพื่อนของเราตอนนี้อยู่หนไหน
จะเหน็บหนาวทุกข์ร้อนสักเพียงใด เป็นอย่างไรทำไมไม่ส่งข่าว
ได้เกิดมาชาตินี้ยังดีใจ เกิดมาได้เพื่อนดีช่วยสร้างฝัน
เคยลำบากตรากตรำช้ำด้วยกัน เคยฝ่าฟันในวันของพวกเรา
มองเวลาผ่านไปเร็วเหลือนัก อยากจะพักเวลาที่ฉันเหงา
ไม่มีเพื่อนอยู่ข้างกายในตัวเรา โลกช่างเศร้าตัวเราที่เหงาใจ
ถึงตัวฉันจะยิ้มไม่รู้สึก แม้รากลึกจิตสำนึกดูสดใส
ไม่ทดแทนกำลังใจที่หายไป ที่คอยได้จากเพื่อนเสมอมา
ดวงตะวันบอกลาลับขอบฟ้า ผืนทุ่งหญ้าหลับใหลในคืนนี้
จะส่งใจไปให้เพื่อนคนดี เพื่อนคนนี้อยู่ไหนใช้ใจมอง
มีดวงใจได้มาแค่หนึ่งดวง เรื่องทั้งปวงทำใจให้เศร้าหมอง
อยากให้เพื่อนลองคิดลองตรึกตรอง อยากให้ลองคิดดูที่ผ่านมา
เราฝ่าฟันมาได้ถึงวันนี้ เพราะเราคอยช่วยกันคอยปรึกษา
แม้บางวันอาจต้องพบกับน้ำตา อีกไม่ช้าเราก็ถึงที่เส้นชัย
โลกมีเช้ากลางวันและกลางคืน ไม่อาจเปลี่ยนเป็นอื่นกันไปได้
ดวงตะวันบอกลาลับเราไป ก็ยังมีวันใหม่ได้ชื่มชม
ชีวิตคนมีสุขมีเศร้าเคล้ากันไป แม้วันนี้ไม่ได้ฝันที่สุขสม
แต่ยังดีมีกำลังใจให้ชื่นชม ไม่ตรากตรำตรอกตรำให้ช้ำใจ
ยังคิดถึงเพื่อนฉันอยู่เสมอ คิดถึงเธอไม่อาจลืมลบเลือนได้
ตอนนี้เพื่อนเงียบหายไปที่ไหน ไม่ส่งข่าวถึงกันฉันคิดถึง
ได้แต่แต่งกลอนนี้ถึงเพื่อนฉัน ให้คนอ่านมากมายได้ตราตรึง
บรรจงร้อยถ้อยคำความคิดถึง หนึ่งกลอนนี้ส่งไปให้เพื่อนเอย
4 ตุลาคม 2547 21:58 น.
เพลงกลางป่า
เจ้าหมาน้อยในตาเจ้าซึมเซา ดูเงียบเหงาไม่เหมือนกับวันก่อน
ยามเจ้าหิวไม่วิ่งพร่าเข้ามาอ้อน เจ้าไม่หอนในคืนเหงาเหมือนวันเก่า
เจ้าหมาน้อยอกหักเป็นบ้างไหม ใจของข้าสับสนและเงียบเหงา
อยากจะรู้ใจลึกลึกในตัวเจ้า อยากเอาใจเจ้าออกมาเขียน
เจ้าหมาน้อยตัวเจ้าเหงาเป็นไหม อยากจะใช้ใจเจ้าเป็นบทเรียน
อยากจะรู้ใจเจ้าจะแปรเปลี่ยน คอยหมุนเวียนดั่งใจคนหรือไหมเอย
ในวันนี้ตัวฉันต้องเงียบเหงา ต้องซึมเซ้าซมซานไม่เหมือนเคย
ก็เรื่องฉันกับคนรักไม่ลงเอย ฉันก็เลยอกหักรักจบลง
25 กันยายน 2547 18:26 น.
เพลงกลางป่า
ไทยเอยเคยเพลี่ยงพล้ำ ลงเพราะ
ไทยวิบาททะเลาะ เบาะแว้ง
อย่าโกรธอาจมีเคราะห์ ได้โชค ร้ายเอย
ความพิโรธโหดแห้ง ก่อช้ำ กรรมเวร
คนดีมีมากแล้ว ก็ใช่ ไทยเอย
จึ่งไม่เสียดายดี ที่ม้วย
คนชั่วมักเห็นไกล เกินตา
มีมากเยอะดังกล้วย สงสาร คนดี
ปัญญาเปรียบค่าแก้ว กล่องเกล็ด
แม้ว่าเพชรเจอเพชร ตัดได้
เก่งกับเก่งเจอกัน มลายสิ้น
ดีเลวปะปนกัน สงบได้ ไทยรุ่ง
ร้ายเหลือมีมากหน้า อาสัญ
ไทยมีปัญญาอนันต์ มีเยอะ
ยิ่งเก่งยิ่งกีดกัน ชอบชั่ว
ดั่งตัวหิ่งห้อย ไร้แสง จางหาย
ไทยเอยจงรู้ ดูตน
ก่อนว่าใครตีอกชน ชั่วเอง
คับที่ยังพอพ้น ทนได้
คับใจแล้วขจัด ปัดสิ้น ไม่หมด