20 มิถุนายน 2553 18:04 น.
เพรง.พเยีย
1.
๏ ละอองสายฝนชื่นจากคืนค่ำ
คงโปรยร่ำหยาดปรุงจนรุ่งสาง
หอมเอยหอม..กลิ่นไอยังไม่จาง
หอมบางบาง..ชื่นใจของไอดิน
๏ ร่วงจากฟ้าสู่พื้น..เพื่อชื่นฉ่ำ
โปรยหยาดน้ำทอดตัวไปทั่วถิ่น
เสียงเปาะแปะ..ไกล..ใกล้..เมื่อได้ยิน
ราวเพลงพิณร่ายดล..จากคนธรรพ์
2.
๏ ตรงเบื้องหน้า..ริมชาน..ลานลั่นทม
ลานอารมณ์ซ่อนโลก..ยามโศกศัลย์
ร้อนแล้ง..เย็นเยียบ..และเงียบงัน
สะท้อนวันเก่าเก่ากับเฝ้าคอย
๏ เนิ่นนาน..บนทางอันว่างเปล่า
กี่ครั้งเจ้า..บานรอจนร่วงผล็อย
ดอกสีขาวราวช้ำ..ซ้ำซ้ำรอย
เมื่อระทม..ด้วยพลอยแต่น้อยใจ
๏ หากยามนี้กลีบดอกเจ้าออกแย้ม
เมื่อแตะแต้มด้วยร่ำหยาดน้ำใส
เปาะแปะเมื่อพบ..กระทบใบ
เหมือนเจ้าไหว..ตามจังหวะเริงระบำ
3.
๏ สิ้นสุดแล้วสินะ..ความร้อนแล้ง
ที่ทิ่มแทงทุกคราวแห่งก้าวย่ำ
วนเวียนในกรอบกรงแห่งทรงจำ
ที่ตอกย้ำ..กำซาบกับภาพเงา
๏ พร้อมสายฝนชะล้าง..บางความหลัง
ฉันกำลังยิ้มรับให้กับเจ้า
เมื่อนึกถึงยิ้มบางบาง...ที่แบ่งเบา
ยิ้มของเขา..ฝากประทับ..ลงกับใจ
๏ มิต่างเลย..ชื่นปรายแห่งสายฝน
ดับทุกข์ทน..ด้วยหยาดสะอาดใส
จึงรู้ว่าชื่นเย็นเป็นเช่นไร
เมื่อเชื้อไฟมอดพ้น..ทุรนทุราย
๏ มิต้องมีหวานใดมาปรุงแต่ง
หรือเสกแสร้ง..งดงามด้วยความหมาย
มิต้องมีใดสรร..มาบรรยาย
ก็พร่างพรายงดงามด้วยความจริง
๏ ผ่านรอยยิ้ม..แทนคำ..แทนคุณค่า
ก็คล้ายว่า..โลกตรมเคยจมดิ่ง
กลับเต็มตื้นอุ่นแอบ..เมื่อแนบอิง
พร้อมพักพิงบนทาง..เพื่อวางใจ
๏ ละลายสิ้นในอุบัติเคยกัดกร่อน
ลบภาพตอน..เก่าเก่าเคยเผาไหม้
พร้อมสายฝนหล่นปรอย..แต่นี้ไป
จะหลั่งไหลแต่ยิ้ม..แห่งยินดี
๏ ขอบคุณในเจ้าของ..รอยยิ้มนั่น
มาแบ่งปันจนเกิด..รอยยิ้มนี่
ตามหัวใจใสสะอาดขึ้นวาดวี
พร้อมแต่นี้คร่ำครวญ..ไม่หวนคืน..