18 ตุลาคม 2553 05:33 น.
เพรง.พเยีย
๏ อีกครั้งที่หัวใจออกโลดแล่น
ไปบนแผ่นผืนดิน...พอก้าวถึง
สายหมอก..สายน้ำ...ในคำนึง
คงตราตรึงดวงตา..สู่ดวงใจ
๏ ในฤดูหยาดรด..แห่งหยดน้ำ
ความชื่นฉ่ำต่อเรียวเขียวไสว
แต่ละหยดหยาดพบกระทบใบ
ก็ชื่นรับวางไว้...หัวใจคน
๏ คือใบข้าวยอดภูขึ้นชูช่อ
ระบัดรอทอดเอียงเมื่อเคียงฝน
จากเบื้องฟ้าสู่หล้าธราดล
มารดบน..เบื้องล่าง..เป็นรางวัล
๏ เปรียบพิสุทธิ์แห่งวัยไร้เดียงสา
กอปรคุณค่าขึ้นระหว่างผู้สร้างสรรค์
ซ่อนความงามรออยู่บนภูชัน
มอบกำนัลรออยู่...ผู้มาเยือน
๏ และไม่นานทุ่งขจีด้วยสีเขียว
จะเปลี่ยนเรียวออกรวงไปทั่วเถื่อน
จากใบเขียวอ่อนน้อยจะค่อยเลือน
จนดูเหมือนทุ่งขจีด้วยสีทอง
๏ นั่นคือก้าวฤดูกาล...การเก็บเกี่ยว
ด้ามคมเคียวจะถือด้วยมือสอง
รวงเมล็ด..ร้อยรวมมาร่วมกอง
แด่เจ้าของหยิบยื่นอย่างชื่นใจ
๏ อีกครั้งวางหัวใจไว้ระหว่าง
บนหนทาง...ปรากฏความสดใส
เก็บร่องรอยรื่นรินจากถิ่นไกล
ร่างอักษรนำไว้...ให้เพียงเธอ..
6 ตุลาคม 2553 05:37 น.
เพรง.พเยีย
1.
๏ แล้วกำแพงก็พังทลายลง...
มิอาจคงแล้วซึ่งความเข็มแข็ง
คลื่นพายุอารมณ์กระหน่ำแรง
โหมทิ่มแทงไปทั่วทุกอณู
๏ เสียงหัวใจรัวรอบ..จนหอบสั่น
ปล่อยอัดอั้นบีดเค้นที่เป็นอยู่
กรีดร้องสะอื้นรั้ง..แล้วพรั่งพรู
กรากกรูไปด้วยสิ่งอันชิงชัง
๏ ปานทะลักทลายแห่งสายน้ำ
ซัดกระหน่ำโถมหาอย่างบ้าคลั่ง
ขมขื่นปวดร้าว..เข้าประดัง
เกินจะยั้งแล้วฤทธิ์ความปวดร้าว
๏ ไม่เหลือรอยแววตา..อันอ่อนโยน
หากคุโชนด้วยแรงอันแข็งกร้าว
ยามนี้..ใดจักแรงเท่าแสงพราว
ที่ลุกวาวโชนช่วงสองดวงไฟ
๏ ปานจะเผาทุกอย่าง..ที่ขวางหน้า
มันหนักหนาแล้วจน..จะทนไหว
มิรู้หรือ...คนคนนี้..ก็มีใจ
เหมือนใครใคร..ที่เห็นที่เป็นกัน
๏ แค่ดอกไม้ต้อยต่ำ..เขาย่ำยี
ไม่เคยมีงดงาม..แม้ความฝัน
ผ่านปี..ผ่านเดือน..ผ่านวัน
ไม่เคยมี..ปัจจุบัน..นิรันดร
๏ ขมขื่นอยู่กับการไร้ความหมาย
แฝงเงาร้ายพิษพอก..คอยหลอกหลอน
เนิ่นนาน..ร้าวลึกผลึกตะกอน
คอยกัดกร่อนเกินรั้ง..พังทลาย
2.
๏ เนิ่นนานกลางคลื่นถา..แห่งพายุ
โถมประทุท่วมท้นสู่คนพ่าย
ฝ่ากระแสทุกข์ทน..ทุรนทุราย
ปล่อยฟูมฟายจนกว่าจะสาใจ
๏ ที่สุดพายุกาล..ก็ผ่านพ้น
เหลือระคนบอบช้ำ..การร่ำไห้
หนึ่งร่างกอดกาย..ที่หายใจ
หลับใหลไปด้วยฤทธิ์ความอ่อนแรง
๏ หยาดน้ำยังคงปริ่ม..เปื้อนใบหน้า
ตราบเวลารุ่งฉาย..ขึ้นพรายแสง
ผ่านราตรีพายุลิ่ม..คอยทิ่มแทง
จะแกร่งขึ้น..หรือขลาด...ไม่อาจรู้..