24 กรกฎาคม 2550 05:35 น.
เพรง.พเยีย
๏ หรือพรหมร่ายมนต์เสกสร้างคมศร
หรืออินทรวาดกฎเกินปลดถอย
จึงลิขิตจิตตรึงกับหนึ่งรอย
แอบละห้อยคอยเห็นไม่เว้นวัน
๏ แม้จะนอนตาหลับใจกลับตื่น
ก็สิทธิ์ชื่นเราได้แค่ในฝัน
ตระหนักครวญใช่คนที่สำคัญ
เขาอาจหยันมองเย้ยหากเผยนัย
๏ เก็บเอาไว้แรงฤทธิ์ความคิดถึง
เพราะดื้อดึงจึงพรั่นกับหวั่นไหว
รักต้องห้ามซุกซอนจนกร่อนใจ
หนักเพียงไหนในอกทนรับเอา
๏ รู้ทั้งรู้ว่าเขามีเจ้าของ
ยังแอบปองเผลอใจไปให้เขา
เหมือนโง่งมคอยชะเง้อแค่เพียงเงา
เมื่อมาเฝ้าแต่ระทม..ก็สมแล้ว
๏ ใยเทพท่านเพียงขีดเป็นคู่คลาด
จึงไม่อาจเคียงอยู่เป็นคู่แก้ว
ใจเอย..เหลือจะหวังให้สิ้นแวว
รักต้องแคล้วคอยเหลียวอย่างเดียวดาย
๏ วางหัวใจไว้อยู่อย่างผู้แพ้
ปล่อยรอยแผลย้ำมองในความหมาย
คือจำหลักซากซมผู้งมงาย
รอสลายเลือนผ่าน..หนทางเดียว..
5 กรกฎาคม 2550 05:33 น.
เพรง.พเยีย
๏ แสงนวลฉาบทั่วฟ้า..........ฟากเพ็ญ
กระทบสายน้ำเห็น...............คลื่นริ้ว
ลมพัดผ่านชื่นเย็น................รินสู่ ใจเนอ
ยินแผ่วทำนองพลิ้ว...............ขับเอื้อนคำนึง ฯ
๏ ท่ามเพ็ญฉายกลบสิ้น.......กำสรวล
เมื่อหนึ่งคอยชื่นชวน............ร่วมชี้
รำพันรักฝากนวล.................เพียงหนึ่ง เดียวเนอ
แขแห่งเบื้องหน้านี้...............อยู่พ้องเป็นพยาน ฯ
๏ หวิวหวิวในอกเต้น.............หวั่นหวาม
ยินพร่ำแต่นัยความ...............พี่แจ้ง
หวานคำร่ำบ่าลาม.................รินอก
หลอมซับความเหือดแล้ง.......จากร้างคอยรอ ฯ
๏ มือพี่เอื้อมปัดริ้ว................ไรผม
เหมือนปัดรอยระทม..............แก่น้อง
จากนี้จักชิดชม.....................ไป่ห่าง อีกเนอ
ขออยู่เป็นคู่คล้อง..................กล่อมแก้วเคียงขวัญ ฯ
๏ สองเราร่วมกล่าวถ้อย.........อธิษฐาน
ขอมั่นสัตย์สาบาน..................ดั่งอ้าง
ตราบนี้จวบสิ้นกาล.................ปรุงดับ ร่างแล
ขอภักดิ์เพียงคู่ข้าง.................สืบข้ามมรคา ฯ