31 ตุลาคม 2550 04:54 น.

..... รอยจัน .....

เพรง.พเยีย


๏  สัมผัสแรกบอกเราในเช้าหนึ่ง
คงมาถึงแล้วสินะ..ฤดูหนาว
ลมลู่พัดใบไม้จนไหวราว- 
บอกกล่าว..จะผลัดร่วงลงสู่ดิน

๏  ท้องฟ้าหม่นครึ้มสีทึมเทา 
ซึมเซาจากวันก่อนก็หายสิ้น
เหลือบมองบนโต๊ะ..ปฏิทิน 
เป็นภาพศิลป์จิตรกรรมสีน้ำมัน

๏  เป็นเส้นสายลายไทยที่ใจชอบ 
ได้รับมอบจากน้องเป็นของขวัญ
มีรอยขีดฆ่าไปแต่ละวัน 
มีวงกลม, ดอกจัน, ฉันทำไว้

๏  เครื่องหมาย ดอกจัน..วันพิเศษ 
ที่บอกเหตุว่าสำคัญกว่าวันไหน
เป็นวันที่งดงามก่อความนัย    
ฝากหัวใจ..ให้ผนึกบันทึกรอย

๏  คือวันที่หัวใจได้แย้มบาน   
ได้เอิบซ่านท่ามเงาความเหงาหงอย
ชื่นเสมือนหยาดน้ำอันฉ่ำปรอย   
เมื่อยินถ้อยส่งถึงจากหนึ่งใคร

๏  ราวว่ามันแสนนาน...  
ที่แว่วหวาน..ค่อยค่อยเลือนสู่หลับใหล
จนลิ้มลองความเหงาอย่างเข้าใจ 
และตราไว้จดจำเพียงลำพัง

๏  นานเท่าไหร่แล้วนะ...  
ที่ปฏิทินพลิกไปเป็นแผ่นหลัง
มีเพียงรอยขีดฆ่าที่คงยัง- 
เขียนไปทั้งทั่วแผ่นอย่างเปล่าดาย

...................................

๏  สิบเก้าตุลาคม...
เช้าหนึ่งที่สายลม..บ่มความหมาย  
หวนเอารอยจำหลักมาทักทาย     
ฉันระบาย..ดอกรัก..ผ่านรอยจัน



D108.gif				
15 ตุลาคม 2550 04:46 น.

..... ในเรือนใจ .....

เพรง.พเยีย


๏  หากจะถาม..ว่ารักสักเท่าไหน
ตอบไม่ได้..วัดไม่ได้..เท่ารู้สึก
ทุกอณูทุกมวลในส่วนลึก
ล้วนผนึกมั่นหมาย..แต่ชายเดียว

๏  เกินกว่าหาคำใดอธิบาย
หรือบรรยายได้ถึงสักครึ่งเสี้ยว
ความละเมียด..ร้อยผสมจนกลมเกลียว
ความแน่นเหนียว..หลอมใจรักลงภักดี

๏  ถึงอยู่ไกล..แสนไกลแม้ในฝัน
ท่ามสัมพันธ์เลือนลางและริบหรี่
ก็ไม่เคยหยุดรักสักนาที
เดือนต่อเดือน..ปีต่อปี..ทวีคูณ

๏  เป็นความคำนึงในความเงียบ
ที่เลยเรียบ..จนเหมือนว่าเลือนสูญ
เปล่าหรอกนะ..ความผูกพันคงเพิ่มพูน 
คงเทิดทูนเช่นคำอยู่ร่ำไป

๏  อาจมิใช่แสงแห่งดวงดาว
ที่พร่างพราวปรากฏสวยสดใส
หากเป็นแสงเพียงตะเกียงไฟ
ที่จุดไหม้คอยท่าอย่างอาทร

๏  เห็นรอยยิ้มบางบางนั้นบ้างไหม
คือหัวใจบรรจุอนุสรณ์
ที่มั่นคงความหมายไม่คลายคลอน
จากอกอร..ได้มอบสู่..เพียงผู้เดียว..
				
3 ตุลาคม 2550 04:59 น.

..... ลมลวง .....

เพรง.พเยีย


๏  ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ 
หวั่นหวาดรุกรัวไปทั่วร่าง
ภาพเห็นตรงหน้าค่อยพร่าจาง
โลกคว้างคล้ายดับลงฉับพลัน

๏  เย็นเยียบกรีดขั้วถึงหัวใจ
ไม่ใช่...ที่เห็นไม่ใช่ฝัน !   
สำนึกคอยบีบจนตีบตัน
อั้ดอั้นแทบล้มลงทั้งยืน

๏  ราวระดมด้วยคมดาบ
ปวดปลาบเมื่อเห็น..เขาเป็นอื่น
ศรัทธา-ความหวัง..มันพังคลืน
ขมขื่นแค่ไหนที่ใจนี้

๏  เหมือนฉันถูกผลักลงสู่เหว
แหลกเหลวด้วยน้ำมือเธอขยี้
ใจฉันแหลกสิ้นไร้ชิ้นดี
นาทีนี้เหมือนตายทั้งเป็น

๏  นี่ฉันทำผิดอะไรเล่า
ให้เขาลวงหลอกหยามเล่น
หรือฉันต้องสาปในบาปเวร
ตามเข่นจองฆ่าจนสาใจ

๏  ภาพเห็นตรงหน้าค่อยพร่าสั่น
สุดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
เขาทำกับฉันได้อย่างไร 
อีกใครที่เห็น..นั้นผู้ชาย !
				
24 กันยายน 2550 04:49 น.

...เด็กหญิง..นักดนตรี...

เพรง.พเยีย


๏  แดดสายระบายแสง 
ลงทอดแหล่งขึ้นลีลา
ให้ตื่นอย่างชื่นตา
รับสว่างอีกกลางวัน

๏  เดินท่องด้วยสองเท้า
ขณะเคล้าด้วยฝุ่นควัน
หลากผู้และแผกพันธุ์ 
มาร่วมทบ..บนวิถี

๏  อีกบทริมฟุตปาธ  
กับหวังวาดหนึ่งชีวี
เด็กหญิงนักดนตรี  
บรรเลงสรรค์คีตะศิลป์

๏  เสียงดังนั้นประดุจ  
หวังจะหยุดผู้ผ่านยิน
"มาเถอะ..มาซับจินต์ 
มาฟังเสียงหนูบรรสาน

๏  หนูตีขวดพลาสติก
ระรัวริกด้วยสำราญ
หวังใจผู้เจือจาน  
อย่าเดินข้ามแค่มองขัน

๏  ป๊อก..ป๊อก..กระทบแปลก   
เพื่อใช้แลกเป็นรางวัล
อย่าเยาะ..อย่าเพียงหยัน    
เป็นขอทานข้างถนน

๏  เติบโตกับสองตา  
ที่เกิดมากับมืดมน
โถมซ้ำความขัดสน  
จึงจำสู้มาขายเสียง

๏  แลกทานเพื่ออิ่มท้อง 
กับทำนองแปลกสำเนียง
ขอเพื่อจะอยู่เพียง  
ต่อความหวังชีวิตหนู"

๏  หลากบท..ริมฟุตปาธ
ที่ดื่นดาษแค่มองดู
บ้างแสนจะอดสู
และบ้างสุดจะสงสาร

๏  "ใครนะ...ใจทมิฬ !  
คอยหากินกับเด็กพิการ"
เสียงสาป..คนสามานย์   
ที่แอบร่างอยู่เบื้องหลัง

๏  หนึ่งเหรียญเศษสตางค์     
ที่อาจอ้างเพื่อประทัง
เป็นเหรียญแห่งความหวัง   
หรือเพียงกลแห่งการขาย

๏  ทุกยื่นเหรียญที่หยอด 
เพื่ออยู่รอดหรือทำลาย
เด็กหญิงคงบรรยาย  
ผ่านคำตอบเสียงดนตรี..				
12 กันยายน 2550 04:37 น.

..... เพียงผู้เดียว .....

เพรง.พเยีย


๏  ส่งคำนึงทอดปรายกับพรายแสง 
ดุจหลอมแหล่งใจสองเชื่อมคล้องหา
ตรงขอบโค้ง..เหลื่อมรุ้งหนึ่งปรุงมา 
จรดฟ้าต่างพื้น..ร่วมผืนเดียว

๏  หนึ่งจักข้ามขอบขัณฑ์มหรรณพ 
ไปบรรจบด้วยรักที่คอยเหลียว
กระซิบผ่านสายลมจนกลมเกลียว  
ว่าทุกเสี้ยว..หัวใจ..มอบให้แล้ว

๏  โปรดรับรู้อกออม..ถนอมนัก  
ด้วยใจภักดิ์มอบเคียงแต่เพียงแก้ว
ยังสดใสเฉกดาวที่พราวแพรว    
ยังแน่แน่วเฉกมั่นตะวันวง

๏  รับรู้เถิด..รอยพร่ำทุกคำไข  
จากห้วงใจเก็บออมมาน้อมส่ง
เพื่อถนอมรับขวัญอย่างบรรจง  
ที่ดำรงคงมั่นจากวันวาร

๏  หมองเอย..หมองจะปลดจนหมดสิ้น 
เหลือเพียงยินขับคำลำนำหวาน
เกี่ยวเราสอง..ร่วมหลอมกล่อมเพลงกาล 
สนิทนาน..ตราบสายลมหายใจ

๏  หลอมด้วยรื่นรดรินทุกถิ่นที่  
นับแต่นี้จะล่วงพ้นไปหนไหน
ความผูกพัน..ความหมาย..แห่งสายใย 
จักตราไว้แนบขวัญนิรันดร

๏  ใจแนบใจ..อยู่เคียงแม้เพียงฝัน 
ด้วยผูกพันนั้นประจักษ์กว่าอักษร
ทุกคำนึงห่วงหา..ห่วงอาทร  
ล้วนจากอร...มอบสู่..เพียงผู้เดียว				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเพรง.พเยีย