29 มีนาคม 2552 08:41 น.

...ยายหนู กับ ภูทราย...

เพรง.พเยีย


๏  กินข้าวก่อนค่อยเล่น..เถอะนะเจ้า          
อย่าหน้าเง้ารู้ไหมเดี๋ยวไม่สวย
สองแก้มแดง..ตากลมเกล้าผมมวย          
เมื่อเปื้อนด้วยน้ำตา...ไม่น่าดู

๏  ก็รู้ว่า..หน้าเง้าเพราะเสียดาย  
กับกองทรายกองเนินที่เพลินอยู่
สองมือน้อยบอบบางจะสร้างภู  
แล้วปักชูธงไว้หลายหลายอัน

๏  เสียงออดอ้อนมองมา..ตาละห้อย 
หากแฝงรอยว่ามีความมุ่งมั่น 
เสียงใสใสอ้อนคำช่างสำคัญ  
นัยจำนรรจ์หวังเช่นจะเห็นใจ

๏  "อีกเดี๋ยวเดียวเถิดนะ..นะยายจ๋า 
ขอเวลาอีกหน่อยจะได้ไหม
ขอหนูสร้างเสร็จก่อนแล้วค่อยไป  
หนูยังไม่หิวค่ะ..นะคุณยาย"

๏  แล้วรอยยิ้มมากวัยบนใบหน้า  
เผยเมตตามากมีในความหมาย 
เกรงความหวังเจ้าของ..หน้ากองทราย 
จะทลายก่อนสร้างเป็นร่างภู

๏  เอาเถิดหนาสักหน..เจ้าคนดี  
ให้วันนี้..วันพิเศษ..สำหรับหนู
จะคอยธงหลานรักได้ปักชู  
อวดยายดู..สมดั่งเจ้าตั้งใจ 

๏  แต่หากเจ้าปล่อยท้องจนร้องหิว 
เมื่อท้องกิ่วจะเอาแรงมาจากไหน
เอาอย่างนี้..ระหว่างเห็นเจ้าเล่นไป 
ยายจะป้อนข้าวให้..ไว้เติมแรง

๏  ข้าวไข่เจียวเหลืองฟูที่หนูโปรด  
มีประโยชน์เสริมวัยให้เข้มแข็ง
มะเขือเทศผสมตี..สีแดงแดง  
ล้วนปรุงแต่งจากชื่อ..ฝีมือยาย

๏  หิวแล้ว...สินะเจ้า   
ตั้งแต่เช้ารุ่งแสงจนแดดสาย
เจ้าเพลิดเพลินเล่นจับอยู่กับทราย  
จนเหงื่อกายผุดผิวเป็นริ้วไร

๏  กินข้าว..นะหลานรัก     
ยายจะตักคำช้อนแล้วป้อนให้
เจ้าแก้มแดงเคี้ยวตุ้ยแล้วคุยไป  
เสียงใสใส..พูดจ๋อยจ๋อย...อร่อยนัก..
				
18 กุมภาพันธ์ 2552 05:41 น.

... บนรอยทราย ...

เพรง.พเยีย


๏ เหมือนหยาดทิพย์โปรยหลั่งอีกครั้งหนึ่ง
จนซาบซึ้งซับป่นความหม่นหมอง
เมื่อวันนี้..อกรู้อยู่เต็มตรอง
เกินกว่าผองคำเผยใดเอ่ยความ

๏ รับรู้แล้ว..อกใจของใครนี้
ผ่านวจี...แจ้งนัยจนไหวหวาม
รับรู้แล้ว...คำนึงใคร..ที่ไหลลาม
ยังติดตาม..เฝ้าอยู่ไม่รู้คลาย

๏ โปรดรับรู้...มีหนึ่งคำนึงเหมือน 
อยู่ ณ เรือนใจนางไม่ห่างหาย 
ซ่อนอาลัยคอยเหลียวด้วยเดียวดาย 
ที่เวียนว่ายหวั่นคอยอย่างน้อยใจ

๏ โปรดรับรู้..อีกใคร..ก็ไหวหวั่น 
เกินกว่ากั้น..ปลิดลงความสงสัย
กับเงื่อนปมแปลเปลี่ยนที่เป็นไป 
หรือเพราะใจ..สิ้นแล้วระหว่างกัน

๏ หรือเพราะใจ..พี่นั้นมาผันเปลี่ยน 
เคยลอบเวียนเอ็นดูมาสู่ขวัญ
มาเหินห่างเคลื่อนคล้อยดั่งรอยควัน 
เหลือสัมพันธ์เพียงกาล..เคยผ่านมา 

๏ จนอยากเร้นหลีกไป..ให้ไกลแสน 
ด้วยเกรงแม้น..ยังหวงยังห่วงหา
เกรงต้องเก็บแอบคำทั้งน้ำตา 
เมื่อรู้ว่า..หัวใจ..นั้นไม่มี

๏ เรียงร้อยคำอาวรณ์มาย้อนกล่าว 
บอกเรื่องราวต้องตกในอกศรี
คือช่วงแห่งอัตตาเข้าราวี 
จนใจนี้น้อมนำต่อจำนน

๏ ณ วันนี้..ซึ้งนักทุกอักษร 
คล้ายอกอรไหววาดด้วยหยาดฝน
สิ้นแล้วกาลอบร่ำด้วยคำรน 
เมื่อหนึ่งมน..เผยคำสิ้นอำพราง

๏ บรรจงรับหยาดขวัญ..ในวันนี้ 
อุ่นไมตรี..แทนผองความหมองหมาง
ทุกพจน์คำนำตอบ...ใครมอบวาง 
ไม่เลือนร้าง..แม้พรากไกลจากกัน...
				
2 กุมภาพันธ์ 2552 05:35 น.

... คำสัญญา ...

เพรง.พเยีย


๏  คนดีของฉัน...   
ทุกทุกวันคงร้างและว่างเปล่า
มีเพียงรอยทาง..ระหว่างเรา  
คอยทอดเงาให้เหลียวอย่างเดียวดาย

๏  ภาพอันงดงาม..ในความหลัง    
ก็คงยังงดงาม..ในความหมาย
รู้ไหม..ความคิดถึงไม่เคยคลาย  
หรือเลือนหายจืดจางจากหัวใจ  

๏  สัญญาแห่งเราสอง...  
ก่อนเราต้องจากกัน..จำได้ไหม
หรือลืมแล้ว...ลืมสิ้น..แล้วหรือไร  
ลืมสายใยผูกพันด้วยกันมา

๏  เนิ่นนานกับรอคอย...  
ใยจึงปล่อยแต่ให้..อาลัยหา
วันต่อวัน..จากราตรีจรดทิวา    
ราวเชื่องช้า..คอยละเลียดใจคนรอ

๏  จากร้อน,ฝน เวียนสู่ฤดูหนาว  
กี่ครั้งคราวผ่านไป..รู้ไหมหนอ
ที่ฉันเฝ้านำรักคอยถักทอ  
กับคำพ้อหวังให้คุณได้ฟัง

๏  รู้ไหม..ในความเงียบ   
ช่างเย็นเยียบด้วยเศร้าและสิ้นหวัง
คนดี..หรือความจริงคือชิงชัง  
เหลือลำพังเพียงฉัน..กับสัญญา..
				
7 มกราคม 2552 05:39 น.

... นางคอย ๓ ...

เพรง.พเยีย


๑.
๏ บนท้องฟ้ายังคงมืดสนิท 
หากรอบทิศเรือนทางสว่างไสว
ด้วยตะเกียงคบฟืนแลโคมไฟ 
จุดขับไขก่อนรุ่งอรุณทอ


๒.
๏ แว่วยินเสียงผ่านพร้องสู่ห้องหับ 
คือเสียงศัพท์สั่งงานของท่านพ่อ
"เอ็งจงรีบเร็วทีอย่ารีรอ 
ให้ทันต่อทุกกิจมงคลกาล"


๓.
๏ ฝ่ายเรือนครัวจัดปรุงคอยหุงหา 
เร่งตระเตรียมข้าวปลาแลอาหาร
อีกสำรับเพื่อหมายถวายทาน 
เทียบใส่พาน..รอพร้อมไว้ก่อนเพล


๔.
๏ ภายในห้องเรือนนอนแต่ก่อนสาง 
แสงสว่างจุดส่องให้มองเห็น
เผยร่างหนึ่งปรากฏ..อย่างชัดเจน 
ลออเด่น..ด้วยถนิมพิมพาภรณ์

๏ สไบพริ้วผืนบางที่พาดบ่า 
คือภูษา..ทอสอดประภัสสร
สวมซิ่นยาวทอดชาย..ลายประอร 
เรียวปลายกร..คล้องผจงวงกำไล

๏ เรียวนิ้วนาง..ประดับลงด้วยวงแหวน 
ที่หวงแหน..หวงยิ่งกว่าสิ่งไหน
เมื่อชายหนึ่งผู้เป็นยอดแห่งดวงใจ 
สวมฝากให้เมื่อครั้งสู่สงคราม

๏ ประหนึ่งขอจับจองเป็นของหมั้น 
จนถึงวันเสร็จศึก..สิ้นเสี้ยนหนาม
สัญญามั่นก่อนจากได้ฝากความ
"จักขอทรามสวาทพี่..เป็นศรีเรือน"

๏ มีมารดาห่วงใยอยู่ใกล้ชิด 
แลบ่าวสนิท..เสมอทีเป็นพี่เพื่อน
ช่วยแต่งกายดูแลไม่แชเชือน 
จนแลเหมือนรูปนิมิตรวิจิตรา

๏ เสียงเอ่ยจากมารดาด้วยปรานี 
"วันนี้ลูกแม่งามนักหนา"
พร้อมมือลูบศีรษะไล้อยู่ไปมา 
ดวงหน้า..โอนโยนยิ้มละไม

๏ "คุณแม่ท่าน..สุดกล่าวคำได้แม้นครึ่ง 
เป็นที่พึ่งแต่เล็กจนเติบใหญ่
นับแต่นี้..จำต้องพรากจากอกไป 
มิทันได้แทนบุญพระคุณเลย"

๏ เสียงตอบถ้อยมารดานั้นพร่าสั่น 
จึงมารดารู้ทัน..ก็พลันเอ่ย
"อย่าไห้เชียว..ใช่จักอ้อนเหมือนก่อนเคย 
ลูกเอ๋ย..จะพลอยหม่น..มงคลตัว

๏ ด้วยแต่นี้..ต้องตระหนักในหน้าที่ 
เป็นแม่ศรีเรือนผูกทั้งลูกผัว
การใดจำเริญชอบ..ต่อครอบครัว 
จงอย่ามัวนิ่งอยู่เหมือนดูดาย

๏ จงจดจำคำเถิด..ประเสริฐเจ้า 
ที่แม่เฝ้าสอนสั่งอยู่ทั้งหลาย
ประพฤติหญิง..ควรงามกิจ..แลจิต-กาย 
จักเชิดชูวงศ์สาย..มิอายใคร"


๕.
๏ มโหรีขับขานประสานก้อง 
ท่วงทำนองรื่นรมย์..มงคลสมัย
เสียงหัวเราะยิ้มหัวอยู่ทั่วไป 
บนเรือนใหญ่ล้วนสิ้นแต่ยินดี

๏ แลคับคั่งขณะนี้ที่หอกลาง 
ล้วนขุนนางสูงศักดิ์ในหน้าที่
ประดับยศงามสง่าในท่าที 
กำหนดคอย..ฤกษ์ศรีพิธีการ

๏ บุรุษหนึ่งแต่งกายเห็น..เต็มกำหนด 
ด้วยเครื่องยศสมชายชาติทหาร
สวมเสื้อคาดเจียระบาดพระราชทาน 
ลายปักสาน..สอดสิ้นด้วยดิ้นทอง

๏ คือตำแหน่งประทาน..ทหารกล้า 
เป็นออกญาขุนศึกนามกึกก้อง 
เนื่องนำทัพมีชัยสมใจปอง 
อริต้องแก่ตระหนักถึงศักดา

๏ ที่ข้างกายบุรุษเคียงอยู่เพียงใกล้ 
คือหนึ่งนางดวงใจผู้ใฝ่หา
ถึงวันนี้ดั่งคำ..เคยสัญญา 
คืนกลับมาร่วมหอที่รอคอย

๏ ตาสบตารู้สิ้นแต่เพียงสอง 
แม้มิต้องเอ่ยนำสักคำถ้อย
ความปีติเปี่ยมเห็นเต็มร่องรอย 
สองปลายก้อยเกี่ยววางไม่ห่างกัน 


๖.
๏ ครั้นหนึ่งผู้เชิญหีบหมาก..แลจั่นเพชร 
จากสมเด็จฯ มาประทานเป็นของขวัญ
แด่ข้าหลวงเก่าครั้งอยู่วังจันทร์ฯ 
จนถึงวันทูลลาเพื่อออกเรือน

๏ แต่เล็กนั้นรับใช้อยู่ใกล้ชิด 
ตระหนักจิต...น้ำพระทัยหาใดเหมือน
เปรียบมารดาฟูมฟักคอยตักเตือน 
ผ่านปีเดือนจวบสาว..เป็นชาววัง


๗.
๏ ครั้นพระสงฆ์สวดธรรมจำเริญจบ 
เพลาครบกำหนด..รดน้ำสังข์
ประโคมชั่ยลั่นฆ้องจึงก้องดัง 
ตลอดทั้งเรือนใหญ่เป็นสัญญาณ

๏ พร้อมบรรเลงด้วยเสียง..ดุริยางค์สรรพ 
เป็นฤกษ์ชัยลำดับ..ขึ้นรับขาน
อีกสำเนียงเสียงสังข์ก้องกังวาน 
พราหมณ์อาจารย์เบิกเจิม..เริ่มพิธี

๏ คู่บ่าวสาวหมอบเคียงบนเตียงตั่ง 
รับน้ำสังข์..เพื่อสุขสวัสดิศรี 
มงคลแฝดสวมคล้อง..สองขีวี 
ด้วยแต่นี้...จักมิพรากไปจากกัน

๏ ทั้งบิดามารดา..บรรดาญาติ 
กล่าวโอวาทมงคลสู่..แก่คู่ขวัญ
อำนวยพร..จนสองชื่นแลตื้นตัน 
ปีตินั้น..ฉายแพร้วในแววตา


๘.
๏ บนเรือนนอนเหลือเคียงแต่เพียงสอง 
หากหนึ่งต้องอายข่ม..จึงก้มหน้า
จึงมือหนึ่งเชยคางนั้น..ให้หันมา 
แนบอุรากระซิบพร่ำเพียงคำเบา

๏ "พี่รอคอยวันนี้..มานานนัก 
วันที่จักเคียงอยู่..เป็นคู่เจ้า
มิต้องพรากไกลห่าง..แม้ร่างเงา 
ให้สมเฝ้ารอรับอยู่นับวัน

๏ ฟังคำเถิดน้องหญิง..แม่มิ่งศรี 
ดวงใจพี่..จักซื่อตรงและคงมั่น
จักถนอมเจ้าเทียมยอดชีวัน 
มิให้ใครได้หยัน..พี่สัญญา

๏ ยศตำแหน่งได้มาก็หมายเจ้า 
จะได้เอาชื่นชมให้สมหน้า
ดั่งเช่นวันได้เคยเอ่ยวาจา 
เมื่อกลับมาจักควรคู่..มิอายใคร"

๏ ตื้นตันนักใจนี้..แก้วพี่เอ๋ย 
จนสุดเอ่ยตอบนำด้วยคำไหน
อันความรักค่าล้ำของน้ำใจ 
หมื่นคำใดหรือจักเรียงออกเพียงพอ

๏ ขอตอบแทนน้ำใจ..ด้วยใจรัก 
แลคอยภักดิ์ร่วมเรียงอยู่เคียงหอ
ให้สมกับสองเราที่เฝ้ารอ 
แต่นี้ต่อเบื้องหน้า..จนกว่าวาย

๏ อันตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์ 
ก็ตระหนักใจนวลที่ขวนขวาย
หากว่าแท้คือองอาจ..แห่งชาติชาย 
ที่มั่นหมายจักสนองป้องแผ่นดิน"


๙.
๏ สองวิญญาณร่วมเรียง..เคียงถนอม 
รวมหล่อหลอมครรลองสองถวิล
บรรเลงหนึ่งราตรีแห่งชีวิน 
ที่จักยินเพียงห้วง..สองดวงใจ..				
1 กันยายน 2551 05:31 น.

... ลืมเสียเถิด ...

เพรง.พเยีย


๏  ลืมเสียเถิดแต่นี้.............พี่ชาย
ลืมเถิดอย่าเสียดาย...........ตัดน้อง
เกินกว่าที่สองสาย.............ใยเปลี่ยน  แปลงเนอ
วอนพี่จงอย่าข้อง..............ขุ่นน้ำใจนาง ฯ

๏  เอ็นดูน้องย่อมแจ้ง.........แก่ใจ
เพียรส่งเนื้อความนัย..........ไป่ท้อ  
กี่ครั้งกับผลักไส................คืนส่ง
แม้หนึ่งคำตัดพ้อ...............สักน้อยมีหรือ ฯ

๏  อาทรพี่สุดตื้น................ตันทรวง  น้องเนอ
ใช่ดั่งสายลมลวง................รับรู้
ปรารถนาลบปัดปวง............รอยอดีต  สิ้นนา
หวังจักเห็นหนึ่งผู้................ผ่านเศร้าโศกสมัย ฯ

๏  น้ำใจนั้นซาบซึ้ง.............ทรวงศรี
ละหยาดละหยดมี...............มอบให้
พิสุทธิ์ดั่งวารี......................รินหลั่ง 
หมายดับความหม่นไหม้.......มากพร้อยรอยแผล ฯ

๏  แต่น้องในชาตินี้.............บาปหนา
ไป่อาจฝืนชาตา..................ตกต้อง 
จึงจมกับทรมา...................ไป่สุด  สิ้นนอ
เพรงสาปผูกบ่วงคล้อง..........ส่งข้ามตามทัณฑ์ ฯ

๏  พี่เอยขอโปรดได้............ฟังคำ
ด้วยสัตย์จึ่งหมายนำ...........ตอบถ้อย
ขอจงอย่าถลำ....................ลึกสู่  เทวษพี่
เห็นแต่จะละห้อย................เมื่อให้ห่างศรี ฯ

๏  น้ำใจน้องตระหนักด้วย.....ยินดี 
หากมิอาจรับไมตรี..............ตอบได้
โดยสุจริตเจตมี..................เสมอเพื่อน  นาพี่
เกินกว่าสองจะใกล้.............เกี่ยวด้วยเสน่หา ฯ

๏  ลืมเถิด...หมายพี่ต้อง.......อย่าตรม
นานจะพลอยแต่ขม.............ขื่นเฝ้า
เสมือนต้องติดบ่วงจม..........ถอนไป่ ขึ้นเนอ
จำหลักเพื่อวอนเว้า .............ก่อนร้างนิรันดร์สมัย ฯ

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพรง.พเยีย
Lovings  เพรง.พเยีย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเพรง.พเยีย