3 ตุลาคม 2547 12:43 น.
เพชรสีฟ้า
......เขาบอกทำนองว่า......
ที่เราต้องเจ็บปวดกับความรักนะ ไม่ใช่เพราะมัน จากไปหรอก...แต่เพราะมันยังคงอยู่ต่างหาก
ถ้าวันนี้คนสองคน ต่างหมดรักกันไปคงไม่มีใครต้องเสียใจมากนัก....แต่กลับเป็นเพราะรักที่ยังอยู่ในใจคุณนั่นเอง
ที่ทำให้คุณปล่อยวางไม่ได้......
ธรรมชาติของความรักไม่ให้โทษแก่ใคร
เพียงแต่อาจปรุงแต่งให้หัวใจพองฟู จนลืมนึกถึงความจริงที่ว่า......มีวันที่รักมา ก็อาจมีวันที่รักไปได้
.....ความรักเป็นสิ่งสวยงาม หลายคนจึงอดหลงไหลได้ปลื้มกับมันไม่ได้ในยามที่มันอยู่
.....เรามักหรอกตัวเองว่า เพราะเรารักเขามาก.....
.....เขาคงเห็นความดีความตั้งใจของเรา.....
.....และรักเราตอบบ้าง ไม่มากก็น้อย.....
และเมื่อเขาตอบรับรักของเรา ความฟูของหัวใจ
มักทำให้เราก้าวล่วงไปถึงการรู้สึกยึดมั่น
ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของเรา เป็นเหมือนสินทรัพย์ส่วนตัวทางใจอย่างหนึ่ง ที่จะต้องอยู่กับเราทุกครั้ง ที่เราต้องการ
นานเท่าที่เราปรารถนา.... ความรู้สึกอันนี้แหละ !
คือจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดทั้งมวล
เพราะมันฝืนกฏธรรมชาติ
ไม่ได้บอกว่า....รักต้องลงเอยด้วยความเศร้าเสมอไป
เพียงแต่ถ้าเขาจะอยู่ เขาจะไปจะรักคุณมากขึ้น คงเดิมหรือหดน้อยถอยลง......ก็จะเป็นเพราะคนสองคน
ไม่ใช่ความต้องการของเราฝ่ายเดียว หรือเขาฝ่ายเดียว
3 ตุลาคม 2547 12:33 น.
เพชรสีฟ้า
บางครั้งคนเรามักบ่นกับตัวเองว่า
ถ้ามีเวลาเพียงแค่นาทีหนึ่งที่ฉันจะบอกรักใครสักคนหนึ่ง
เราคงจะไม่ต้องอึดอัดกับตัวเองจนถึงวันนี้
แต่หลายครั้งที่เราอยากบอกแต่เราก็ทำไม่ได้
อาจเป็นเพราะความกลัว กลัวว่าเธอจะปฏิเสธ
กลัวว่าเธอจะปลีกตัวหนีจากเราไป กลัวอะไรต่อมิอะไร
แต่นั้นมันก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราไม่สามารถบอกคำสามคำนี้ไปได้
. ........ .."ฉันรักเธอ" ........
แต่แล้วกาลเวลาก็พลากเราสองคนจากกันไป
โดยที่เรายังไม่ทันได้ตั้งตัวที่จะบอกคำบางคำที่เราเก็บไว้
กาลเวลาช่างโหดร้ายกับเราจริง ๆ
เมื่อตอนที่มีเธออยู่ เราได้แต่เฝ้ามองเธอ
และรอเวลาให้เธอรู้ประดุจดังเม็ดทรายให้ขวดแก้วของกาลเวลา
ที่ร่วงโรยเป็นสาย เม็ดทรายที่ไม่มีวันไหลคืนกลับ
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเม็ดทรายแต่ละเม็ดที่ร่วยหล่นนั้น
แทนกาลเวลาแต่ละเสี้ยววินาทีที่ผ่านพ้นไป
เราอาจคิดว่ามันก็เป็นเพียววินาทีเล็ก ๆ
ที่เม็ดทรายแต่ละเม็ดร่วงหล่น
แต่มันคือเวลาทั้งหมดที่เราจะได้พบกับเธอคนนั้น
คนที่เราบอกกับใจตัวเองเสมอว่า
รักเธอ และชื่นชมเธอเสมอ
ไม่สิ มันคือทั้งหมดของหัวใจที่เรามี
อยากจะมอบและเก็บไว้ที่เธอตลอดไป
แต่ในทางตรงกันข้าม
ขวดแก้วของกาลเวลา ไม่ได้ไว้เก็บเวลาที่แสนดี
เวลาที่มีความสุข และรอวันที่จะมีผู้ผิดหวังบอกกับขวดแก้วนี้ว่า
เวลาช่างโหดร้ายเสียนี่กระไร
แต่ขวดแก้วของกาลเวลาได้เก็บเอา
..."ยา" ... รักษาแผลของใจเอาไว้ด้วย
บางคนได้พบกับความรัก ได้พบความสุข
แต่กาลเวลาได้พรากเราสองคนจากกันไป
ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม เราระลึกเสมอว่า
ความสุขทำให้เราได้รู้จักความทุกข์ทำให้เราเจ็บมากฉันใด
ไออุ่นแห่งรักที่ยังคงครุกรุ่นอยู่ในขวดแก้วของกาลเวลา
ก็จะพร้อมเยียวยารักษาเราให้หายจากความทุกข์เป็นปลิดทิ้งฉันนั้น
แต่อยู่เราจะเรียนรู้และเปิดใจยอมรักให้ไออุ่นเข้ามา
รักษาแผลของหัวใจเรามากแค่ไหน
เราไม่รู้ว่าไออุ่นแห่งรักจะมาในรูปแบบใด
แต่สิ่ง ๆ นี้มันอยู่ใกล้ตัวเรามากจนเรา
แทบไม่เคยสังเกต แทบไม่เคยรู้ว่า
ทุกขณะเราได้สนทนากับเจ้าของ
ไออุ่นนั้น อยู่ตลอดเวลา
แล้วคุณล่ะ เคยไม๊ที่พบความทุกข์
และคุณก็จมอยู่กับมันฝ่ายเดียว
คุณยอมให้อดีตของคุณมาเผาผลาญความเป็นตัวคุณ
เคยไม๊ที่บางคนอยากเข้ามาเยียวยารักษาใจ
แต่คุณกลับตอบรับความหวังดีของเขาอย่างแสนสาหัส
คุณลองหันกลับมามองคนใกล้ตัวคนสักครั้ง
เพราะตอนนี้เขาคนนั้นเฝ้ามองคุณตลอดเวลา
พร้อมประคองคุณให้ลุกขึ้นยืน เมื่อคุณอ่อนแอ
พร้อมปลอบโยนเมื่อคุณไม่เหลือใคร
เค้าจะตื่นมาตอนเช้า เพื่อเตรียมอาหารให้
และห่มผ้าเมื่อคุณหลับไป
คุณลืมตาดูโลกตอนที่เค้าเฝ้ามองคุณ ดูแลคุณ
แล้วคนที่ทำให้คุณเจ็บล่ะ เค้าดูแลคุณตอนนั้นหรือปล่าว
คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าใครที่คุณควรบอกรักมากที่สุด
เดิมเข้าไปหาเขาคนนั้น แล้วบอกเค้าว่า
คุณรักเขาตลอดไป
2 ตุลาคม 2547 13:49 น.
เพชรสีฟ้า
ย่างเข้าปี 3 ของมหาลัยแล้ว ผมมีเพื่อนต่างคณะคนหนึ่ง มันเรียนนิติศาสตร์
เกี่ยวกับกฎหมาย มันชื่อชัย พ่อของมันเป็นนักการเมืองชื่อดัง
ถึงมันจะรู้ว่าตัวเองเส้นใหญ่แค่ไหนแต่มันกลับไม่เคยข่มเหงคนอื่น
ตรงกันข้ามมันกลับเป็นคนที่นิสัยดี ชอบที่จะช่วยเหลือผู้อื่น
หน้าตาก็หล่อเอาการเลยทีเดียว นายชัยมันแอบรักฟ้ามานานแล้ว
มันเคยถามผมหลายครั้งว่าผมคิดยังไงกับฟ้าแต่ผมก็ตอบว่าแค่เพื่อน
ผมเห็นว่าชัยมันเป็นคนดีและด้วยการที่มันอ้อนผมเช้าเย็นนั่นหละ
จนในที่สุดผมก็พามันไปแนะนำให้ฟ้ารู้จัก แต่จากที่ผมดู
ฟ้าก็รู้สึกเฉยเฉยกับมันเหมือนกับรายอื่นๆนั่นหละ
ถึงมันจะหล่อจะรวยแค่ไหนก็เหอะ.
เวลาว่างๆนายชัยมันก็ชอบมาถามผมเกี่ยวกับตัวฟ้า
ซึ่งมันก็รู้ดีว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับฟ้าผมดูจะรู้ดีกว่าทุกคน
มันค่อยๆทำอย่างที่ฟ้าชอบทุกวัน ทุกวัน มันตามจีบฟ้าอยู่เป็นปี
จนในที่สุดฟ้าก็เริ่มรู้สึกว่าชัยมันเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง
เวลาที่เธอไปไหนชัยมันก็จะตามติด
ผมเริ่มรู้สึกว่านายชัยมันกำลังเป็นผมในอีกตัวตนหนึ่ง
แต่ในตัวตนของมันดูจะเพรียบพร้อมไปกว่าตัวของผมไปซะทุกเรื่อง
ผมจึงเริ่มที่จะถอยห่างเปิดช่องว่างให้เขาทั้งสองมากขึ้น
ทุกวัน
หลายคนที่เห็นชัยกับฟ้าต่างก็คิดเหมือนเหมือนกันว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน
ผู้หญิงหลายหลายคน ชอบนายชัยแต่มันไม่เคยสนใจใครเลย นอกจาก.ฟ้า
แล้วเราก็ใกล้เข้ามาถึง วาระสุดท้ายของการเรียนแล้ว
วันรับปริญญาใกล้เข้ามาทุกขณะ
ผมกำลังคิดที่จะตอบคำถามของฟ้าที่เธอเฝ้าถามผมตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ผมได้แอบ
ออกแบบแหวนออกมาวงหนึ่งแหวนวงนี้ผมใช้เวลาอยู่หลายเดือนในการทุ่มเทที่จะทำ
เกลียวของแหวนเป็นก้านทิวลิปส์ ส่วนหัวแหวนก็เป็นดอกทิวลิปส์
ผมใช้เงินที่ผมเก็บหอมรอมริบมาตลอดหลายปีทำแหวนนี้ขึ้นมา
ถึงค่าของมันจะน้อยมาก เมื่อเทียบกับเพชร
แต่ในด้านจิตใจแล้วผมรับรองว่าฟ้าเธอต้องชอบมันมากเลยทีเดียว
ผมจะมอบแหวนนี้ให้เธอในวันรับปริญญาแล้วผมจะสารภาพในสิ่งที่ผมไม่กล้าพูดมาตลอด
10 ปี คำว่า ผมรักเธอ
วันรับปริญญาก็มาถึงหลังจากที่พิธีทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมเดินตรงเข้าไปหาฟ้า
ยืนข้างๆเธอแล้วพูดแบบไม่กล้าที่จะสบตาเธอ
ฟ้าคืนนี้ไปดูดาวด้วยกันนะแบ๊งค์มีบางอย่างอยากจะบอก
เธอรีบมายืนข้างหน้าผมทันที ท่าทางฟ้าดีใจมาก
ผมไม่เคยเห็นเธอดีใจเท่านี้มาก่อน แบ๊งค์อยากจะบอกอะไร!
ฟ้าเธออยากจะรู้มากเลยเธอตื่นเต้นอยากจะรู้ให้ได้เอาซะตอนนั้น
ผมจับมือเธอมาประกบไว้ เอาไว้คืนนี้ฟ้าจะได้รู้สิ่งที่อยู่ในใจแบ๊งค์ ตลอด
10 ปี เธอจ้องตาผม สัญญาแล้วนะถ้าไม่มาเค้าโกรธด้วยหละ พูดจบผมก็เดินจากไป
เธอตะโกน แบ๊งค์! ฟ้าจะรอนะ .ผมกลับถึงบ้านผมก็หยิบของชิ้นหนึ่งที่ผมซ่อนไว้อย่างดี
มันถูกเก็บในกล่องอย่างมิดชิด ผมหยิบสิ่งของชิ้นนั้นออกมา มันคือ แหวน แหวน
รูปดอกทิวลิปส์
ผมได้ทุ่มเทออกแบบอย่างเต็มที่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฟ้าเพียงคนเดียว
ผมหยิบแหวนนั้นมาแนบไว้กับอกแล้วผมก็เผลอหลับไป ผมตื่นอีกทีเวลามันปาเข้าไป 4
ทุ่ม ผมลุกขึ้นแล้วรีบออกจากบ้านทันที นี่ผมช้ามากเลย!!
พอผมไปถึงผมรีบวิ่งทันทีผมดีใจมากที่เธอยังรอผมอยู่เธอยืนรอผมอยู่กลางสะพาน
ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาเธออย่างใจเย็นคืนนี้ผมจะกล้าพูดกับเธออย่างเต็มที
ผมเดินเข้าไป แต่ผมก็เห็นชายคนหนึ่ง เดินมาจากอีกฟากหนึ่งของสะพาน นายชัย
ดูเหมือนมันจะเดินถึงตัวฟ้าก่อนผมประมาณ 10 วินาทีเท่านั้นเอง
ตอนนั้นผมก็ใกล้จะถึงตัวฟ้ามากแล้ว ผมจึงรีบหลบเข้าหลังเสาทันที
ตอนนั้นไฟบนสะพานมืดมากเขาทั้ง 2 เลยมองไม่เห็นผม
ผมแอบดูชัยคุยกับฟ้าอยู่นานมากจนในที่สุดชัยมันเอาสิ่งของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อของมัน
เป็นกล่องสีแดงเล็กๆ มันเปิดกล่องออกแล้วหยิบของข้างในนั้นยื่นให้ฟ้า
มันคือแหวน แหวนเพชรหลายกระหลัดเลยทีเดียว
เธอไม่รับแหวนนั่นเธอยังคงยืนรอที่จะฟังคำสารภาพของผมอยู่
เธอรอชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ในที่สุดเธอก็รับแหวนจากนายชัย
ฟ้าเธอร้องไห้และก็กอดนายชัย แล้วผมก็รู้ทันทีเลยว่าโอกาสของผมมันหมดลงแล้ว
นี่ผมคงมาช้าไป ผมไม่ได้ช้าแค่ 10 วินาที หรือ 10 นาที แต่ผมช้าไป 10 ปี
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
ฟ้าเธอเฝ้าถามผมครั้งแล้วครั้งเล่าว่าผมรู้สึกอย่างไรกับเธอ
แต่ผมกลับไม่เคยตอบ ผมปล่อยให้เวลามันผ่านไปเรื่อยๆ
จนถึงวันนี้โอกาสครั้งสุดท้ายของผมมันได้หลุดมือไปแล้ว
แต่ถึงผมจะไม่ได้เคียงคู่กับเธอ แต่เธอก็ได้คนที่ดีอย่างชัยเคียงข้าง
มันเป็นคนดีและก็เพรียบพร้อมทุกอย่าง ที่สำคัญมันรักฟ้ามาก
มันรักฟ้าไม่น้อยกว่าผม ผมควรที่จะปล่อยให้ฟ้าได้พบกับสิ่งที่ดีที่สุด
ผมเชื่อว่าชัยมันจะดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ถ้าวันใดที่มันทำให้ฟ้าต้องเสียใจ
ผมจะกลับมา และทวงของของผมคืน
หลังจากวันนั้นผมก็หายไปจากชีวิตของฟ้า เธอโทรมาหาผม สายแล้วสายเล่า
แต่ผมไม่รับและก็เปลี่ยนเบอร์ไปในที่สุด ผมคอยเฝ้าดูฟ้าอยู่ห่างๆ
เธอยังไม่แต่งงานกับชัย เธอยังคอยคำสารภาพจากผมอยู่ เธอรอผมถึง 2 ปี
จนในที่สุดพ่อของฟ้าก็ยกฟ้าให้กับชัย เธอคงจะลืมผมได้สักที
ข่าวคราวการแต่งงานของ รุ่งฟ้า กับ ชัยวัตร ดังไปทั่วตามหน้าหนังสือพิมพ์
นิตยสาร รวมไปถึงสื่อทุกแขนง
ผมเฝ้าดูความสำเร็จของฟ้าอยู่โดยที่เธอไม่รู้ตัว
ตอนนี้เธอมีทุ่งทิวลิปส์อย่างที่เธอเคยฝันแล้ว
บ้านของเธอก็เป็นคฤหาสถ์หลังใหญ่ ที่ด้านบนสุดเป็นชั้นลอยเป็นหอสำหรับดูดาว
มีกล้องดูดาวเกือบทุกชนิด คงทำให้เธอมีความสุขกับการดูดาว มากกว่าการมา
ทนยืนดูดาวบนสะพานเก่าเก่า กับคนเดินดินเช่นผม
ตอนนี้นายชัยก็ได้เป็นนักการเมืองเจริญรอยตามพ่อ
ซึ่งมันก็เป็นนักการเมืองที่ขาวสะอาดไม่เคยโกงกิน เป็นที่ชื่นชอบของประชาชน
ผมเฝ้าวนเวียนอยู่รอบตัวฟ้าโดยที่เธอไม่เห็นมา 5 ปีเต็มแล้ว ทุก วาเลนไทน์
ผมจะนำทิวลิปส์ สีขาวที่เธอชอบไปปักไว้รั้วหน้าบ้านเธอ ทุกครั้งที่เธอได้มัน
เธอจะออกตามหาเจ้าของดอกไม้ทุกครั้ง แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่เธอจะได้เห็นผม 5
ปีที่ผ่านมานี้ ผมได้สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาอย่างเงียบเงียบ ผมกลายเป็น
ดีไซเนอร์ ชื่อดัง ผมมักจะไม่ใช้ชื่อจริงในการทำงาน
คนที่มาติดต่องานกับผมจะรู้จักผมในชื่อ ทิวลิปส์
ส่วนใหญ่เขามักจะไม่ค่อยได้เห็นหน้าผม เพราะผมชอบที่จะทำตัวลึกลับ
ตอนนี้ผมกำลังได้รับงานใหญ่ที่ ปารีส หน่วยงานที่นั่นเขาขอให้ผมไปเป็น
ดีไซเนอร์ประจำที่นั่น เขาติดต่อผมมานานแล้ว
แต่ผมยังไม่เคยคิดที่จะไปผมอยากที่จะรอดูให้แน่ใจว่าฟ้าเธอจะมีความสุข
และตอนนี้เวลามันก็ผ่านมา 5 ปีแล้ว มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องวางมือสักที
ผมตัดสินใจที่จะไปอยู่ที่ปารีส และจะโอนสัญชาติเป็นคนที่นั่น
และจะไม่กลับมาอีก คืนนี้เครื่องของผมก็จะออกแล้ว
วันนี้ผมเลยตัดสินใจที่จะเอาทิวลิปส์ดอกสุดท้ายไปวางไว้หน้าบ้านเธอ
มันเป็นทิวลิปส์ดอกสุดท้ายแล้วที่จะให้ฟ้า ..หลังจากที่ผมวางทิวลิปส์ไว้
ผมก็ค่อยๆเดินจากไป แต่ฟ้าเธออยู่ข้างในบ้านและก็เห็นผมเข้าพอดี
เธอรีบวิ่งตามผมออกมาทันที ผมเร่งฝีเท้าเดินหลบเธอเข้าไปในสวนสาธารณะ
ผมคิดว่าเธอคงไม่เห็นผมแล้ว
ขณะที่ผมกำลังจะเดินต่อก็มีมือเข้ามากอดผมจากทางด้านหลังความรู้สึกอย่างนี้ผมรู้ทันทีว่าเป็นใคร
ผมไม่เคยลืมความรู้สึกอบอุ่นที่เธอเคยกอดผมได้เลย
ตอนนี้เธอกำลังร้องไห้และซบหน้าลงบนแผ่นหลังของผมน้ำตาของเธอนองหลังผมไปหมด
ผมยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่นาน ผมจึงค่อยๆหันหน้าไปหาเธอ
ผมใช้มือเอื้อมไปเช็ดน้ำตาที่แก้มของเธออย่างเบามือ
แก้มของเธอยังคงเป็นสีชมพูเหมือนเดิม ดูเธอยังน่ารักไม่เปลี่ยนแปลงเลย เมื่อ15 ปีที่ผมเคยเห็นเธอ ครั้งแรกเป็นอย่างไรเดี๋ยวนี้ก็ยังเหมือนเดิม
แววตายังคงใสเป็นประกาย
ซึ่งต่างจากผมที่นับวันดูจะแก่ลงไปทุกขณะ
เธอยื่นมือมาจับมือผมที่กำลังเช็ดน้ำตาให้เธอแล้วก็พูดอย่างสะอื้น แบ๊งค์!
.แบ๊งค์หายไปไหนมา ทำไมคืนนั้นแบ๊งค์ไม่มา
ผมไม่ตอบเธอยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ฟ้าตามหาแบ๊งค์ทุกวันเลยรู้มั๊ย
ฟ้ารอแบ๊งค์ จนที่สุด พ่อฟ้าก็ให้ฟ้าแต่งกับชัย
หลายต่อหลายคำถามที่เธอถามผมแต่ผมก็ไม่ตอบ เอาแต่ยืนนิ่ง
เธอหยิบของบางอย่างยื่นให้ผม แบ๊งค์.ฟ้าให้
ไดอะรี่ที่ฟ้าสัญญาว่าจะให้แบ๊งค์ไง แต่ถึงวันนี้มันก็ยังไม่สมบูร์นะ
ผมหยิบมาจากมือเธอ ไดอะรี่ที่ผมอยากจะดูว่าข้างในมันคืออะไรมาตั้ง 15 ปี
แต่เธอก็มักจะบอกว่ารอให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน
แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่สมบูรณ์อีกหรือ เธอร้องไห้แบบไม่พูดอะไรเลยอยู่นาน
แล้วเธอก็ถามผม ที่ทุกทุกครั้งที่เธอถามเธอมักจะถามแบบอ้อมค้อม
แต่คราวนี้เธอถามตรงตรงเลย แบ๊งค์แบ๊งค์ รักฟ้าบ้างหรือเปล่า
ถ้าหากทุกครั้งที่เธอเคยถามผม เธอถามตรงเช่นนี้
ผมคงให้คำตอบเธอแบบไม่หยุดคิดสักนิดตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว..
ผมเงียบไปในขณะที่ใบไม้ใบหนึ่งค่อยๆ ร่วง ลงมาจากต้นไม้
ผมดูจนมันตกลงถึงพื้นดิน มันทำให้ผมคิดได้ว่า
อะไรบางอย่างเมื่อมันผ่านพ้นมาแล้วมันไม่มีทางที่จะหวนกลับคืนได้อีก
เหมือนดังเช่นผมที่จนวินาทีสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นเธอเช่นนี้
ผมก็ยังไม่กล้าที่จะพูดออกไป หรือถึงผมจะกล้าพูดออกไปมันก็คงไม่มีประโยชน์
ผมยืนจ้องตาเธออยู่นาน
ฟ้า.ต่อไปนี้ฟ้าดูแลตัวเองนะแบ๊งค์คงไม่ได้เป็นฮีโร่ประจำตัวฟ้าอีกแล้วนะ
เธอรีบถามผมด้วยท่าทางตกใจ ทำไม! แบ๊งค์ แบ๊งค์จะไปไหน ปารีส
ผมเช็ดน้ำตาที่แก้มเธอเป็นครั้งสุดท้าย ..ลาก่อนนางฟ้าตัวน้อยน้อยของผม.
ผมหันหลังแล้วก็เดินจากเธอไป เธอใช้มือมาดึงแขนผมไว้
ความรู้สึกแบบนี้ผมเคยรู้สึกหลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งผมจะต้องหันไปหาเธอ
แต่คราวนี้มันไม่เหมือนทุกครั้ง
ผมค่อยๆแกะนิ้วเธอที่จับที่แขนผมแล้วก็เดินอย่างไม่เหลียวหลัง
ผมได้ยินเพียงเสียงเธอร้องสะอื้นจากข้างหลัง
แบ๊งค์!.ไม่มีที่ไหนที่ดาวจะสวยเหมือนบนสะพานนั่น
ไม่มีใครทำให้ฟ้ารู้สึกมีความสุขเหมือนกับแบ๊งค์
ไม่มีทิวลิปส์ดอกไหนเหมือนที่แบ๊งค์ให้ ฟ้า.. ฟ้ารัก.
ประโยคสุดท้ายเธอพูดว่าอะไรผมก็ได้ยินไม่ชัดเพราะผมอยู่ห่างจากเธอมากแล้ว
ผมรู้สึกแต่เพียงว่าเธอกำลังยืนมองผมเดินจากไป จนลับตา
..คืนนี้ผมมาสะพานแห่งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
ผมคิดถึงหลายต่อหลายอย่างบนนี้ ผมไม่เคยขึ้นมาโดยไม่มีเธอมาก่อน
ผมไม่ได้ขึ้นมานานแล้วคืนนี้มันดูเงียบเชียบจริงจริง
เมฆที่บดบังบนท้องฟ้าเริ่มที่จะลอยออกจากหมู่ดาว
ดวงดาวเริ่มที่จะส่องแสงระยิบระยับดูแล้วมันช่างสวยจริงจริง
ผมพึ่งเคยมองมันแบบเต็มตาเป็นครั้งแรก
เพราะทุกครั้งที่มาผมไม่เคยใส่ใจกับดาวเลย ผมสนใจที่เธอมากกว่า
เพราะตาที่เป็นประกายของเธอมันสวยกว่าหมู่ดาวบนท้องฟ้าเสียอีก
ผมยังรู้สึกเหมือนกับว่า เธอกำลังยืนดูดาวข้างข้างผม
และเสียงเธอกินไอศกรีมมันก็ยังก้องอยู่ในหัวผมอยู่เลย
ผมหยิบไดอะรี่ที่เธอให้ผมขึ้นมาดู ผมค่อยๆเปิดออก
ข้างในมันยังใหม่อยู่เลยไม่มีแม้รอยยับ เธอทำไมถึงรักษาได้ดีขนาดนี้นะ.
ผมเปิดเข้าไป ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่ง
วันเดือนปีที่ระบุไว้หน้าแรกก็ประมาณ 15 ปีได้
เธอพูดถึงครั้งแรกที่อยู่ห้องเดียวกันกับชายคนนั้นที่ห้อง ม.1/3
เธอเริ่มหลงรักเขาตั้งแต่ครั้งแรก
เธอพูดถึงความเป็นบอร์ดีการ์ดที่แสนดีของเขาที่ คอยช่วยเหลือเธอทุกครั้ง
ยอมออกรับแทนเธอทุกเรื่องยอมเจ็บตัวเพราะเธอทุกครั้ง
ให้เธอขี่หลังโดยไม่บ่นสักคำ เขาทำให้เธอมีความสุข เขารู้ใจเธอไปซะทุกอย่าง
เขาทำให้ชีวิตเธอไม่อ้างว้าง เขากลับบ้านพร้อมเธอทุกวัน
ทั้งที่บ้านเขาและเธอไม่ได้อยู่ใกล้กันเลย
และเธอก็เขียนถึงเหตุการณ์หลายต่อหลายอย่าง
ที่ทุกเหตุการณ์เหมือนมันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน
แต่ประโยคหนึ่งในไดอะรี่ที่ผมอ่านแล้วดูเหมือนจะ น้ำตาคลอเลย ก็ประโยคสุดท้าย
ที่เธอเขียนถึงชายในไดอะรี่ของเธอ เมื่อไหร่น๊าแบ๊งค์เขาจะบอกรักเราสักที
ผมอึ้งไปเลยมันเป็นสิ่งที่ผมมองข้ามมาตลอด และผมก็เข้าใจแล้ว
คำว่าเสร็จสมบูรณ์ของไดอะรี่เล่มนี้ว่ามันหมายถึงอะไร เธอหมายถึง
คำบอกรักจากปากผม ที่ผมไม่เคยบอกกับเธอแม้แต่ครั้งเดียว
ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลเดียวที่ไดอะรี่ของเธอไม่เคยจบ
ยังคงขาดสิ่งสำคัญที่สุดจากปากของผม ผมอ่านจนหมดเล่ม
มันทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาทันที น้ำตาของลูกผู้ชายที่ตลอด 20
ปีไม่เคยมีใครได้เห็น นี่ถ้าฟ้ามาเห็นเข้าเธอคงหัวเราะแย่เลย
ฮีโร่ ที่เธอบอกว่าเก่งนักหนา
แต่กลับต้องมาร้องไห้เพียงเพราะไดอะรี่ที่เธอเขียนสำหรับเขา
ถึงอย่างไรชีวิตผมก็ได้ทำเพื่อฟ้ามา จนถึงที่สุดแล้ว สำหรับบอร์ดีการ์ด
คนนี้ก็ต้องหมดหน้าที่ซักที มันเป็นหน้าที่ของชัยแล้วที่จะดูแลเธอต่อไป
ผมหยิบของบางอย่างที่ผมเก็บมาหลายปี แหวน แหวนที่ผมทุ่มเททำขึ้นสำหรับฟ้า
แต่ผมก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะให้เธอได้เห็นมัน
ผมเคยคิดว่าจะเก็บไว้ให้หญิงอื่น
แต่ถึงวันนี้ผมก็รู้แล้วว่าไม่มีใครเหมาะกับมันเท่ากับเธออีกแล้ว
เธอคือรักแรกและจะเป็นรักครั้งสุดท้ายสำหรับผม ผมปล่อยแหวนจากมือทันที
มันค่อยๆหล่นลงไปเบื้องล่าง และจมหายไปในแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดกาล
ใกล้จะถึงเวลาที่เครื่องกำลังจะออกแล้วผมเช็ดน้ำตาแล้วเดินลงไปตามทางเรื่อยๆ
ที่ที่ครั้งหนึ่ง เธอจะขี่หลังผม และไม่ยอมลงเลย จนถึงบ้านเธอ
ต่อจากนี้ในใจผมจะมีเพียงความทรงจำเกี่ยวกับเธอและไม่มีวันจางหายตลอดกาล
2 ตุลาคม 2547 13:43 น.
เพชรสีฟ้า
แล้ววันแรกในมหาลัยก็มาถึง เมื่อคืนผมนอนแทบไม่หลับผมอยากที่จะเห็นหน้าเธอ
ผมเดินเข้าประตูมหาลัยมา ที่นี่มันกว้างใหญ่มาก
เต็มไปด้วยร่มไม้ดูร่มรื่นไปหมด
ตามทางเดินก็มีทั้งนักศึกษาหญิงชายเดินพลุกพล่านไปหมด
ข้างทางก็ติดป้ายแสดงความยินดีกับนักศึกษาใหม่ ผมมองหาคณะ สถาปัตย์ อยู่นาน
ผมนั่งรอฟ้าอยู่หน้าตึก เธอนี้ยังชอบมาสายเหมือนเดิมเลย ไม่รู้จักโตสักที
แล้วผมก็เห็นฟ้าเดินผ่าเหล่านักศึกษามาแต่ไกลเลย
ตอนนี้เธอดูไม่เหมือนฟ้าคนเดิมเลย ผมเธอยาว
ตาก็กลมโตเป็นประกายแก้มกับปากก็สีชมพูอ่อนๆ เธอสวยกว่าเดิมจนผมจำแทบไม่ได้
และยังใส่ชุดนักศึกษามหาลัย ที่มองแล้วโค้งเว้าเข้ารูป
มันต่างกันลิบลับกับตอนมัธยมเลย นักศึกษาชายที่เดินสวนกับฟ้ามองตามกันเป็นแถบ
ผมของเธอเวลาที่ต้องลมก็ปลิวออกเล็กน้อย ทำไมถึงสวยขนาดนี้นะ
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะดีใจหรือจะเสียใจดี ที่ฟ้าเธอสวยขึ้น
เธอเห็นผมนั่งรออยู่เธอรีบวิ่งมาทันที ถึงหลายหลายอย่างในตัวฟ้ามันจะเปลี่ยนไป
แต่ที่ยังเหมือนเดิมก็เห็นจะเป็นนิสัยของเธอ
เธอยังคงเป็นนางฟ้าตัวน้อยน้อยของผมเช่นเดิม ผู้หญิงที่น่ารัก ขี้เล่น
ทำตัวเหมือนเด็กเด็ก ที่ผมชอบเธอก็ตรงนี้แหละ
ถึงผมกับฟ้าจะเข้าสู่มหาลัยแล้วแต่ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม
ผมยังนั่งรถไปส่งเธอบ้านทุกวัน ผมยังทานข้าวกับเธอทุกมื้อ
ผมยังไปดูดาวกับเธอเป็นประจำ และผมก็ยังเป็นบอดี้การ์ดของเธอทุกลมหายใจ..แต่พอเราขึ้นปี 2 ทุกอย่างมันก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป
มีผู้ชายที่พร้อมไปซะทุกอย่างทั้งเรื่องหน้าตาและฐานะ
หลายต่อหลายคนต่างมารุมชอบเธอ ดูผมจะเทียบกับใครเขาไม่ได้เลย
ตอนนี้ฟ้าเธอเป็นดาวของมหาลัยเลยก็ว่าได้ เธอไม่ใช่ฟ้าที่เพื่อนๆ
ชอบหาว่าเรียนอ่อน ชอบมาสาย อีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนความบกพร่องที่เธอเคยมี
มันถูกความสวยและความสามารถในด้านอื่นของเธอทดแทนไปหมดเลย
เธอเป็นเชียร์หลีดเดอร์ของมหาลัยที่เด่นกว่าคนอื่นๆ
เธอเข้าร่วมในหลายหลายกิจกรรมของโรงเรียน
หรือจะเป็นการประกวดด้านความสวยความงามต่างๆ ดูเหมือนฟ้าเธอจะกวาดเรียบเลย
แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่ฟ้าเธอจะลืมผม จิตใจเธอข้างในยังเหมือนเดิมทุกประการ
จะเปลี่ยนไปก็แต่สภาพแวดล้อมรอบตัวเธอที่มันทำให้ผมดูจะไม่เหมาะกับฟ้า
ลงไปทุกขณะ เดี๋ยวนี้เวลาที่ผมไปไหนกับเธอมักจะมีคนมองตลอด
ผมเริ่มรู้สึกว่าผมห่างเธอไปเรื่อยๆ เหมือนเรือที่ถูกปล่อยลอยเคว้งคว้าง
ซึ่งนับวันลมฝนจะทำให้มันห่างออกจากผืนดินเข้าทุกขณะ เมื่อก่อนผมเคยคิดเสมอว่า
เธอเป็นนางฟ้า. ที่ผมต้องคอยช่วยเหลือเสมอตอนนี้มันก็ยิ่งไกลลับตา
เปลี่ยนเป็นคำว่า ดอกฟ้ากับหมาวัดดูจะเหมาะกว่า เมื่อก่อนที่ผมคอยช่วยเธอไปซะทุกเรื่อง
ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมเริ่มหมดความสำคัญแล้ว
ผู้คนรอบตัวฟ้าต่างช่วยเหลือดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหินซะอีก
จึงทำให้ผมพยายามปลีกตัวออกจากเธอ เวลาเดินกับเธอผมก็พยายามรักษาระยะไว้
หลายอย่างในตัวผมมันเปลี่ยนไป จนทำให้ฟ้าเธอผิดสังเกต
ยิ่งผมหนีเธอเธอก็ยิ่งตามติดผมเข้าไปใหญ่ เหมือนกำลังประชดผม
ฟ้าเธอช่างไม่เข้าใจอะไรเอาซะเลยว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
เธอยังเอาแต่เป็นเด็กไม่รู้จักโต หลายครั้งที่เธอถามผมว่าผมเป็นอะไรไป
แต่ผมก็มักตอบเธอไปว่าไม่มีอะไรทุกอย่างยังเหมือนเดิม
เดี๋ยวนี้เวลาที่เธอชวนผมไปดูดาวผมก็มักบ่ายเบี่ยงไป บอกว่าไม่ว่างบ้าง
ติดธุระบ้างเมื่อก่อนการที่มาโรงเรียนแล้วได้เห็นหน้าเธอมันทำให้ผมมีความสุขแต่เดี๋ยวนี้มันกลับทำ
ให้ผมปวดร้าวเมื่อรู้ว่าระหว่างเราช่องว่างมันมากขึ้นทุกที
ทำไมนะทั้งที่ผมอยากบอกเธอใจแทบขาดว่าผมรักเธอ รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
แต่ปากของผมมันกลับไม่กล้าพูดออกไป ผมนั่งเงียบอยู่พักแล้วก็ถามเธอ ฟ้า
เมื่อตะกี๊ มีคนขับรถไปส่งไม่ใช่เหรอทำไมลงมาซะหละ เธอยิ้มแล้วพูดหวานๆ
อ้าว!ก็เค้านึกว่าตัวเองกลับไปแล้วหนิ เพื่อนก็เลยมาส่ง
แต่พอเห็นแบ๊งค์เดินอยู่ริมถนนก็เลยรีบลงมาหานี่ไง ทำไมหึงใช่มั๊ย
คราวหน้าจะไม่กลับกับใครอีกแล้วจะรอให้แบ๊งค์ไปส่งคนเดียว.แบ๊งค์เนี่ยขับรถนิ่มจะตาย
ผมหัวเราะที่เธอบอกว่าผมขับรถไปส่งเธอ รถแบ๊งค์! ไหนหละรถแบ๊งค์
เธอหัวเราะ อ้าว! ก็นั่งอยู่เนี่ยไง แบ๊งค์ก็ส่งฟ้าทุกวัน ทุกวัน
มาตั้ง8ปีแล้ว
ผมหัวเราะ ที่เธอพูด เธอชอบที่จะหาอะไรมา พูดให้ผมขำอยู่เสมอ
ทุกครั้งที่เธอพูดมันทำให้ผมมี ความสุข
หลังจาก ที่ผมส่งเธอถึงบ้านผมไม่รู้จะไปไหนต่อ
ผมยังไม่อยากกลับบ้านผมเลยนั่งรถไปสะพานคนเดียว
ทุกครั้งที่ผมมาฟ้าจะมาด้วยแต่วันนี้ผมมาคนเดียวรู้สึกหวิวใจยังไงบอกไม่ถูก
ท้องฟ้าวันนี้ดูโปร่งมากดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด นี่ถ้าฟ้าเธอได้เห็นเธอคงจะชอบมาก
ผมยืนดูจนเพลิน แล้วก็มีมือมาปิดตาผม ทายซิ! ใครเอ่ย ผมหัวเราะ
ผมรู้ทันทีเลยว่าเป็นฟ้า ผมหันไปหาเธอ เธอโกรธเล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้ม
นึกแล้วเชียวว่าต้องแอบมาดูคนเดียว..แบ๊งค์เนี่ย! ไม่ชวนฟ้าบ้างเลยนะ
เธอพูดจบก็ยื่นไอศกรีมให้ผม แล้วเธอก็แหงนหน้ามองดาวบนท้องฟ้า
ดูเธอจะชอบมันมาก ผมแอบมองใบหน้าเธอ ผมมองอยู่นานโดยที่เธอไม่รู้ตัว
เธอหันมาหาผม
วันนี้ดาวสวยดีเนอะ ว่ามั๊ยแบ๊งค์ ผมตอบเธอเบาๆ ไม่คิดว่าเธอจะได้ยิน
ฟ้าดูสวยกว่าดาวบนนั้นอีกเธอยิ้มเหมือนจะได้ยินฮะ! แบ๊งค์พูดว่าอะไรนะ
อ้อ เปล่าหลอก ผมเห็นไดอะรี่เล่มเดิมของเธออีกแล้ว ฟ้า นี่มันก็ปี2
แล้วนะ แบ๊งค์อ่านไดอะรี่ของฟ้าได้หรือยัง เธอหันมา
ใกล้แล้วหละแบ๊งค์มันใกล้จะสมบูรณ์แล้วขาดก็แต่
เธออ้ำอึ้งไปพักแล้วก็หยุดพูดไป
ประโยคสุดท้ายเธออยากจะพูดว่าอะไรนะดูท่าทางมันคงสำคัญมาก..
ผมว่ามันดึกมากแล้วเลยชวนฟ้าเธอกลับ ผมออกเดิน เธอดึงแขนผมไว้ทันที
แบ๊งค์.ฟ้าอยากขี่หลังเธอพูดจบก็กระโดดขึ้นหลังผมมันเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิดเธอยังคงชอบที่จะขี่หลังผมเหมือนเดิม
แต่ที่มันจะเปลี่ยนไปซักหน่อยก็เห็นจะเป็นหน้าอกของฟ้าที่มันต่างจากเมื่อก่อนไกลกันลิบเลย
ผมหันไปยิ้มให้เธอ อะไร!!..คิดอะไร..ห้ามลามกเดินต่อไปเร็วๆ
เธอคงรู้ว่าผมกำลังคิดถึงสรีระของตัวเธอที่มันเปลี่ยนไปมาก
เดี๋ยวนี้เธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว นี่ถ้าใครเห็นเธอขี่หลังผมแบบนี้คงอิจฉาน่าดู
หลายหลายอย่างในวันนี้ทำให้ผมได้รู้ว่าฟ้าเธอยังคงนิสัยเหมือนเดิม
เมื่อก่อนเคยเป็นไงเดี๋ยวนี้ก็เป็นงั้น
2 ตุลาคม 2547 13:41 น.
เพชรสีฟ้า
การมาโรงเรียนอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับหลายคน แต่สำหรับผมไม่เลยครับ
ผมอยากจะมาทุกวัน ทุกวัน ไม่มีวันหยุดไม่มีปิดเทอมเลยด้วยซ้ำไป
เพราะถ้าวันไหนผมไม่ได้เห็นหน้าฟ้าก็เหมือนบางอย่างในชีวิตผมมันขาดหายไป
วันนี้ผมมาโรงเรียนแต่เช้าเลยวันนี้เป็นวัน วาเลนไทน์ผมนั่งข้างฟ้า ตลอดทั้งวันมีผู้ชายเอากุหลาบมาให้เธอนับดอกไม่ถ้วนเลย
แต่ผมก็ยิ้มและก็แสดงความยินดีกับเธอ
หลังจากที่โรงเรียนเลิกผมก็มาทำความสะอาดห้องเพราะวันนี้เป็นเวรประจำวันของผม
ฟ้าเธอก็นั่งรอผมอยู่หลังห้อง เธอนั่งเด็ดกลีบกุหลาบเล่น
ดูเธอจะไม่เสียดายดอกกุหลาบเหล่านั้นเลย หลังจากที่ผมทำความสะอาดเสร็จ
เวลาในตอนนั้นมันก็เย็นมากแล้ว ผมจึงออกไปล้างไม้ล้างมือแล้วก็ปิดห้อง
ฟ้าเธอก็ชวนผมกลับขณะที่เธอกำลังเดินผมก็คิดอยู่นานจนในที่สุดผมก็แข็งใจเรียกเธอ
ฟ้าเดี๋ยวก่อน เธอหันมาหาผมแล้วยิ้ม มีอะไรหรอแบ๊งค์
ผมเปิดกระเป๋าสะพายของผมแล้วค้นหาสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น
มันถูกห่อไว้อย่างทนุถนอม
มันคือดอกทิวลิปส์สีขาวที่ผมเตรียมมาให้เธอตั้งแต่เช้า
แต่ผมไม่กล้าที่จะให้เธอ ถึงมันจะดูเฉาลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงงดงามอยู่
ผมค่อยๆคลี่กระดาษที่ห่อมันอยู่แล้วก็ยื่นให้ฟ้า
อ๊ะ แบ๊งค์ให้ ตอนนั้นใจผมเต้นตุ๊บตั๊บเลย
เธอดีใจมากที่ผมให้เธอเธอค่อยๆหยิบจากมือผมไป ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ดวงตาของเธอจับจ้องมา
ที่ผม สวยจังเลย. รู้มั๊ย ทั้งวัน ฟ้ารอดอกไม้จากแบ๊งค์คนเดียวเลย
เธอพูดจบก็เอากุหลาบหลายดอกที่ เพื่อนๆเธอให้
เธอเอากุหลาบทั้งหมดทิ้งลงถังขยะทันที เหลือแต่เพียงทิวลิปส์ที่ผมให้เธอ
มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีความสำคัญสำหรับเธอมากเลย
เธอรีบเดินมาขวางทางไม่ให้ผมเดินต่อ
เธอจ้องตาผมแววตาของเธอมันทำให้ผมเขินแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใจของผมเต้น ราว
150 ครั้ง ต่อนาทีได้มั๊ง เธอยิ้มแบบหน้าแดง ดูแล้วน่ารักมาก แล้วพูดกับผม
เอ๊ะ.เอ๊ะ.เอ๊ะ แบ๊งค์ให้ฟ้าทำไมน๊าบอกมาซะดีดี
รู้นะว่าคิดอะไรอยู่รู้น๊ะรู้น๊ะ ผมรีบหลบสายตาเธอด้วยความเขิน
แต่เธอก็ยังเดินอ้อมมาจ้องหน้าผม แล้วก็ถามอีก ผมหลบหน้าเธอไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดผมก็ต้องจนมุม เพราะทุกครั้งที่เธอเริ่มจะจับได้ว่าผมชอบเธอ
เธอจะชอบถามผมแบบนี้ทุกครั้งไป แต่ผมก็มักจะหาข้อแก้ตัวทุกครั้ง
ผมคิดด้วยความเขินอยู่นานว่าจะแก้ตัวว่ายังไงดี คือคือ อ้อใช่!
ก็วันนี้วันวาเลนไทน์ไง แบ๊งค์ ก็อยากจะให้อะไรฟ้าบ้าง
เธอหัวเราะในคำตอบของผม แล้วทำไมถึงอยากจะให้ฟ้าหละจ๊ะ.ตอบให้ตรงประเด็นสิ
ผมชักจะจนมุม เลยต้องวกไปคำตอบที่ผมมักจะใช้อยู่เสมอ ก็ก็ฟ้าเป็นเพื่อนแบ๊งค์ไง
นั่นไงว่าแล้วเชียว ชอบวนมาจบคำว่าเพื่อนอยู่เรื่อยเลยแบ๊งค์หนะจะตอบแบบอื่นบ้างไม่ได้หรือไง
อ้าว..ก็ถ้าไม่ให้พูดว่าเพื่อนจะให้พูดว่าไงหละฟ้าก็ เธอจ้องตาผมอยู่นาน
อ๊ะถ้าแบ๊งค์บอกว่าคิดกับฟ้าแค่เพื่อน แล้วในห้องเราก็มีกันตั้ง 50 กว่าคน
ไม่เห็นว่าจะได้ดอกไม้จากแบ๊งค์ บ้างเลย.เนอะ
ดูเหมือนผมจะแก้ตัวไม่ขึ้นเลยสำหรับคำพูดของเธอ ฟ้าเธอมักจะต้อนผมจน จนมุมเสมอ
และพยายามให้ผมยอมรับให้ได้เลยทีเดียว ผมไม่รู้จะตอบเธอว่าไง
ผมเลยชี้ไปที่ป้ายรถเมล์ ฟ้า ฟ้า รถมาแล้วรีบไปกันดีกว่า
เดี๋ยวก่อนซี้มาตอบก่อน ผมรีบวิ่งขึ้นทันที
ตลอดทางบนรถเธอยิ้มและก็จ้องหน้าผมไม่กระพริบตาเลย
การเอาทิวลิปส์ให้เธอในวันนั้นทำให้ฟ้าเธอดูมีความสุขมาก
แต่อาจารย์ก็สั่งให้ทุกคนนั่งลงเพื่อเตรียมตัวที่จะสอบ
หลังจากวันนั้นก่อนที่อาจารย์จะติดป้ายประกาศชื่อนักเรียนว่าจะได้อยู่สายไหน
ห้องไหน ผมไปขอดูผลกับอาจารย์ที่ปรึกษาของผมก่อน
ชื่อผมกับฟ้าเราได้อยู่คนละห้อง กันเลย ฟ้าเธอหัวอ่อนได้อยู่สาย ศิลป์-ภาษา
ส่วนผมได้อยู่สาย วิทย์-คณิต คะแนนนี้นำโด่งเลย
ผมเห็นอย่างนั้นเลยขออาจารย์ย้ายไปอยู่ สายศิลป์-ภาษา ทันที
ทีแรกอาจารย์ก็ไม่อยากให้ผมเปลี่ยนห้องอาจารย์บอกว่าคนหัวไวอย่างผม เรียนสาย
วิทย์-คณิต จะไปได้ไกลเลย แต่ผมก็ไม่ฟัง ขอร้องอาจารย์ด้วยเหตุผล นานัปการ
จนในที่สุดอาจารย์ก็ย้ายชื่อผมไปห้องเดียวกันกับฟ้าเลยครับ
ผมดีใจมากที่ผมจะได้ใกล้ชิดเธออีกตั้ง 3 ปี
ก็ตลอดเวลาที่ผมได้รู้จักเธอมันกลายเป็นความผูกพันที่ฝังลึกอยู่ในใจผม
มันคงยากที่ผมจะละสายตาจากเธอได้
วันที่ผมรอก็มาถึง ฟ้าเธอดีใจมากที่เห็นผมได้อยู่ห้องเดียวกับเธอ
แต่เธอก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าคนอย่างผมทำไมถึงได้อยู่สาย ศิลป์-ภาษา
ฟ้าเธอดูเป็นสาวขึ้น สวยขึ้น
แต่นิสัยก็ยังคงเป็นฟ้าเหมือนเดิมเด็กผู้หญิงที่น่ารัก ขี้เล่น
และก็ชอบที่จะให้ผมเอาใจอยู่เสมอ เธอมักจะให้ผมชอบอะไรที่เหมือนเหมือนกับเธอ
เวลากินข้าวอาหารก็ต้องเหมือนกัน
ถ้าข้าวจานไหนเยอะกว่ากันเธอก็ต้องเอามาแบ่งให้เท่ากันทั้ง 2 จานถึงจะกินได้
น้ำที่ดื่มก็ต้องเหมือนกันโดยมากจะเป็นน้ำส้ม
ปากกายังต้องเป็นยี่ห้อเดียวกันเลย
และก็อีกหลายต่อหลายอย่างที่เธอมักจะสรรหามา แม้แต่รองเท้า
เธอยังเคยเปลี่ยนกันใส่กับผมเลย ถึงผมจะอายเพื่อนก็เหอะ แต่ผมก็ไม่เคยขัดใจเธอ
เธอว่าไง
ผมก็ว่างั้น ความสุขเล็กเล็กน้อยน้อยที่เกิดขึ้นในใจผมทุกวัน
จึงทำให้ผมรู้สึกห่วงใยเธออยู่ตลอดเวลา
เวลาที่เธอร้อนผมก็จะหากระดาษมาทำเป็นพัดแล้วก็พัดให้เธอ
เวลาที่เธอหนาวผมก็จะถอดเสื้อหนาวของผมคลุมให้เธอ
เวลาที่เธอตากฝนผมก็จะใช้กระเป๋าผมเป็นร่มบังฝนให้เธอโดยที่ไม่สนใจหนังสือที่อยู่ข้างในเลยว่ามันจะเปียกแค่ไหน
หรือแม้แต่เวลาที่เธอถูกอาจารย์ทำโทษ ผมก็มักจะออกรับแทนเธอเสมอ
ฟ้าเธอเป็นคนที่ไม่กล้าเถียงคนอื่น ผมจึงหาข้อแก้ตัวสารพัดมาช่วยเธอ
หรือถ้ามันเป็นความผิดแบบเต็มเต็ม ที่เถียงไม่ขึ้น ผมก็จะรับโทษแทนเธอ
เธอมักจะถามผมเสมอว่าผมทำไมถึงต้องดีกับเธอขนาดนั้น
แต่ทำไมนะถึงไม่มีสักครั้งเลยที่ผมจะกล้าเอ่ยปากบอกเธอว่า ผมรักเธอ
ผมเอาแต่กลัวกลัวว่าหากเธอรู้เธออาจจะจากผมไป
ผมเห็นจากที่ผู้ชายหลายคนที่มาจีบฟ้า ทั้งหล่อทั้งรวย
ฟ้าเธอก็ไม่เคยสนใจใครเลย ดูเหมือนชายในฝันของเธอคงจะต้องดีไปซะทุกอย่าง
สำหรับผม ผมขอแค่ได้อยู่ใกล้ใกล้เธอ ได้ทำอะไรเพื่อเธอ ได้เห็นเธอยิ้ม
เห็นเธอมีความสุข เท่านั้นมันก็มากพอแล้วสำหรับคนอย่างผม
ผมเป็นฮีโร่ประจำตัวฟ้าอยู่หลายปี ไม่เคยมีสักครั้งที่ผมจะให้เธอยืนเดียวดาย
ตอนนี้พวกเราก็มาถึงชั้น ม.6แล้วนี่ก็เป็นปีสุดท้ายในชั้นมัธยมแล้วสินะ
ถ้าจะนับจากวันแรกที่ผมเห็นเธอและก็แอบหลงรักเธอ
ตั้งแต่วันนั้นมาจนวันนี้ก็ย่างเข้าปีที่ 6 แล้ว
แต่ความรักที่ผมมีให้กับเธอมันไม่เคยลดน้อยลงไปเลย ตรงกันข้าม
มันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ต้นรักที่เธอได้ปลูกไว้ในใจผมอย่างไม่รู้ตัวตอนนี้มันดูเหมือนจะแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปทุกอนูภาคของ
.ร่างกายผมเลยก็ว่าได้
เธอจะรู้บ้างไหมนะว่าผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนเคียงข้างเธอเสมอมา
เขาแอบหลงรักเธอจนหมดหัวใจ
เดี๋ยวนี้ผมกับเธอมักจะไปไหนด้วยกันเป็นประจำ ไม่ห่างกันเลยทีเดียว
เวลาที่ผมไปไหนเธอก็มักจะตามติดผมแจเลยเหมือนเด็กที่ขี้อ้อน
แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกรำคาญเธอเลย
มันกลับทำให้ผมยิ่งรู้สึกผูกพันกับเธอมากขึ้นเรื่อยเรื่อย
ผมฟันฝ่าอุปสรรคเคียงข้างฟ้าเสมอมา
จนในที่สุดเวลาในช่วงมัธยมของเราก็มาถึงจุดสุดท้าย เรากำลังที่จะEnt
ผมรู้ว่าฟ้าเธอจะเลือกคณะ สถาปัตยกรรม เธอขอให้ผมเรียนกับเธอด้วย ทีแรกผมก็ไม่
ไม่คำเดียวเลย เพราะใจผมอยากจะเรียนแพทย์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
และความสามารถอย่างผมรับรองว่าสอบแพทย์ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด
แต่ความผูกพันที่ฝังลึกในใจผม ที่มีให้กับฟ้านี่สิ มันทำให้ผมต้องคิดหนัก
ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องเลือกระหว่างคนที่ผมรักกับอาชีพที่ผมรัก ตลอดเวลา 6
ปีที่ผ่านมา เธอทำให้ผมมีความสุข เธอทำให้ผมไม่เคยเหงา
เธอทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้มีคนที่ผมสามารถสละแม้ชีวิตเพื่อเธอ
แล้วผมจะทำได้หรือหากสองเราจะต้องห่างกัน ผมนั่งคิดนอนคิดอยู่นาน
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจ Entสถาปัตย์ กับฟ้า ผมทิ้งอาชีพที่ผมฝันมาตั้งแต่เด็ก เพื่อสิ่งที่ผมรักยิ่งกว่า
วันประกาศผลEnt ก็มาถึงผมรีบมาตั้งแต่เช้าเลย ผู้คนมากมายมาจากทั่วสารทิศ
มาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน เพื่อที่จะมาหาชื่อตนเองบนบอร์ด ผมเบียดเสียดผู้คน
กว่าจะเข้าไปถึงก็เกือบชั่วโมง ชื่อผมอยู่เป็นอันดับแรกเลย
ดูมันจะหมูมากสำหรับผม ผมไม่สนใจชื่อผม เพราะสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือฟ้า
หากไม่มีชื่อฟ้าบนนี้ ผมจะเรียนมหาลัยเปิดกับเธอ ผมมองหาชื่อฟ้าเรียงลงมาเลย
20 คนก็แล้ว 50 คนก็แล้ว 100 คนก็แล้ว 300 คนก็แล้ว ผมเปิดหาแผ่นแล้วแผ่นเล่า
มันเริ่มทำให้ผมใจเสียขึ้นมาทุกที ผมเปิดมาจนถึงแผ่นสุดท้าย มองลงไปเรื่อยๆ
เห็นชื่อฟ้าอยู่เป็นอันดับสุดท้ายพอดีเป๊ะเลย ผมดีใจมากเลย
ผมจะไม่ได้จากเธออีกแล้ว ผมกระโดดดีใจวิ่งไปทั่วเลย
หลังจากวันนั้นผมก็เฝ้ารอวันที่ผมจะได้เจอฟ้าอีกครั้งในชุดนักศึกษามหาลัย