22 กันยายน 2552 00:42 น.
"เพชรสังคีต"
...........................................................
......................................................................."เพชรสังคีต"
มิทันควรมาด่วนจากจำพรากแล้ว
พระพรหมแก้วเสด็จกลับลับสถาน
ไม่มีบ่วงห่วงใยอาลัยลาน
เนาพิมานเฉลิมรัฐสวัสดี
ได้เกิดเป็นบิดามาชาติหนึ่ง
ก็จำถึงสิ้นกรรมฉนำศรี
ไม่อาลัยอาวรณ์สุนทรวจี
พ่อเปรมปรีดิ์อยู่ชั้นพิมานแมน
จำยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อลาจาก
ด้วยจำพรากพรหมบิดาอาลัยแสน
ทั้งเอมใจได้สิ้นกรรมนำสุขแทน
มิขาดแคลนทิพย์อาภรณ์เมื่อมรณา
ได้เป็นบุตรสุดสวาทแล้วชาติหนึ่ง
ขอเป็นซึ่งบุตรสวาทอีกชาติหน้า
เมื่อพรหมแก้วสละแล้วซึ่งโลกา
ขอลูกยาเล่นพระลอให้พ่อดู ฯ
3 กันยายน 2552 13:04 น.
"เพชรสังคีต"
๏ เมื่อน้ำค้างใบไผ่วาวไหววับ
สะท้อนกับแสงอรุณรัศมี
ลมระรวยชวยกลิ่นสุมาลี
ไก่แก้วขันกระชั้นที่ท้องทุ่งนา
จาบกระจิบลิบลิ่วแถบทิวเมฆ
ดั่งปลุกเสกโสตสวรรค์หลั่นสู่หล้า
ในหมู่มวลแมกไม้ไกลสายตา
ยังหลามล้นต้นกล้ากลอนกวี
ไม่เด่นดังอย่างใครในเมืองหลวง
ไม่โชติช่วงด้วยปัญญา-สง่าศรี
ไม่ลิงโลด,โดดเด่น,เล่นวจี
ไม่พอที่จะต่อขานกานท์กลอนไกล
แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยดวงใจรัก
แม้ไร้ศักดากวีที่ยิ่งใหญ่
ก็จดจารผ่านขั้วของหัวใจ
ให้จารึกผนึกไว้คล้ายคล้ายกัน
เส้นดินสอจ่อจรดจดอักษร
เป็นงานกลอนค่าน้อยค่อยสร้างสรรค์
ไม่น้อย-ใหญ่ ไม่ด้อย-เด่น เป็นสำคัญ
เฉกเช่นนั้นย่อมกวีศรีแผ่นดิน ฯะ