1 สิงหาคม 2551 18:06 น.
"เพชรสังคีต"
....ว่าด้วยเรื่องแม่สื่อ
จะจับคำร่ำเล่าก็เปล่าจิต
พอนิ่งคิดยิ่งสะเทิ้นน่าเมินหมาง
จะเล่ารักลวงใจอาลัยนาง
ให้ระคางเคืองแค้นแน่นอารมณ์
จึงจับคำร่ำว่ามาเปนกลอน
ไม่สุนทรอย่าค่อนแคะแปะประสม
หวังระบายร้ายเล่ห์เสน่ห์ลม
แม้นิยมชมได้ไม่ว่ากัน
จะกล่าวถึงน้องนุชสุดสวาท
ผิวผุดผาดพิศราวสาวสวรรค์
กิริยามารยาททุกสิ่งอัน
ตละหม่อมจอมขวัญที่วังใน
เปนยาจิตคิดหวงดังดวงเนตร
ด้วยกรเกศเนื้อนมสมสมัย
พร้อมดวงจิตคิดซื่อดังชาวไพร
แสนรักใคร่ใฝ่หาทุกราตรี
ชื่นเนื้อหอมพร้อมทั่วทั้งกายา
แต่เท้าถึงเกศาดูสมศรี
อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์
ไร้ใฝฝ้าราคีที่ในกาย
เพราะประสาซื่อนางอย่างชาวป่า
จึงถูกเขาลวงตาน่าใจหาย
เฉพาะพี่หม่นหมางแทบวางวาย
ระทมแทนสุดสายสวาทเรียม
พี่รักน้องน้องรักพี่นี้ต่างรู้
เจ้าโฉมตรูแสนสุดสะอาดเอี่ยม
หวังให้แนบแอบอิงพิงอกเรียม
แต่ทำเฟี้ยมเกรงนารีนั้นมีอาย
พี่จึงหาแม่สื่อจับมือชัก
ให้ความรักพี่สมอารมณ์หมาย
แต่กลับพ้องต้องถล่มอารมณ์ทลาย
แม่สื่อกลายเปนมารผลาญพี่แล้ว
ด้วยใจพี่นี้ซื่อถือว่าหญิง
จึงวางใจไม่กริ่งเลยน้องแก้ว
เหมือนหวังพายเรือพอจับพายแจว
พายหักสิ้นเสียแล้วแก้วพี่อา
วานจะให้ฝากรักไปทักน้อง
กลับคอยจ้องมองเช่นจะเช่นฆ่า
ความรักพี่กลายเปนม่านบังตา
แปลงเปนสาส์นวานว่าอย่าวุ่นวาย
หล่อนบอกน้องไม่ดีพี่รู้สิ้น
มันร้อยลิ้นน่าประคบตบด้วยหวาย
เพราะอิจฉาพี่น้องจะครองกาย
จึงเอาเรื่องเคืองระคายมาก่ายกอง
ใส่ความว่าตัวเรานั้นเจ้าชู้
น่าอดสูอย่าปลงใจให้หม่นหมอง
น้อยหรือลิ้นแม่สื่อถือทำนอง
รักของพี่นี้ต้องเปนโคลนตม
ไปฝากน้องเหมือนลอกคลองไปทิ้งให้
เปรอะอาจมทั่วไปจนเส้นผม
ประสาน้องซื่อแสนจะตรอมตรม
เชื่อคารมหมดสิ้นลิ้นคนพาล
พอเกินคาดไม่อาจปลงพะวงจิต
จะเอาผิดแม่สื่อที่ถือสาส์น
อีกใจก็หม่นไหม้อาลัยลาน
เพราะนวลน้องไม่ต้องการคำแก้ตัว
พอเกิดคิดจะเอาจิตไปมอบให้
จะว่าสันดานใจพี่ชาติชั่ว
คิดว่าเปนลมเล่ห์เสน่ห์มัว
ชายเจ้าชู้แสนมั่วชั่วสิ้นดี
จึงคิดผ่อนอ่อนอารมณ์ชมสังคีต
เขาประณีตนิ่งฟังทั้งดีดสี
ร้องเป็นเรื่องผู้กล้าองค์คาวี
พระเข่นฆ่านกอินทรีย์มรณา
สถิตยังปรางค์ทองผ่องประภัสร์
กับโฉมนารีรัตน์เสน่หา
งามพริ้งพร้อมมีนามจันทร์สุดา
แสนจะรักหนักหนาดังชีวี
แต่จำพรากด้วยอีเฒ่าทัศประสาท
มันบังอาจล่อลวงมเหสี
ให้ทูลถามซักไซ้ไปสิ้นที
พระขรรค์ของสวามีนี่กระไร
วันเวลาเวียนแต่ขัดพระขรรค์อยู่
หรือไม่ไว้ใจโฉมตรูอย่าช้าได้
รีบไปถามก่อนภัยมาอย่าช้าใย
มเหสีซื่อใจก็ไปพลัน
พอได้ความว่าพระขรรค์คือชีวิต
อีเฒ่านึกปลดปลิดให้อาสัญ
ลวงให้ลงสรงสนานเป็นสำคัญ
ฝ่ายอีเฒ่าถือพระขรรค์ไปเผาไฟ
แล้วลักองค์จันทร์สุดาอันพาซื่อ
สู้เงื้อมมือท้าวเมืองอื่นหาช้าไม่
กระทบเรื่องน้องยาให้บ้าใจ
นี่กระไรไม่พ้นกรรมดอกกระมัง
อีแม่สื่อคืออีเฒ่าทัศประสาท
มันน่าฟาดด้วยหวายให้ลายหลัง
ส่วนพี่ต้องหลงเล่ห์เที่ยวเซซัง
จะเหลียวหน้าเหลียวหลังไม่เห็นใคร
จำเพาะเฒ่าทัศประสาทอีตัวกล้า
เหมือนแม่สื่อของข้าหาผิดไม่
จำเรียงกลอนวอนมานานช้าไป
ขออภัยเถิดไม่เชี่ยวชำนาญ
หวังให้ท่านดูคนให้เห็นชัด
ก่อนถูดซัดแสกหน้ามหาศาล
ชี้ให้เห็นใจคนยุบลบาน
ยิ่งกอก้านเตยแตกเป็นแฉกไป
ครั้นจะร่ำไปนักจักถูกว่า
จะขอลามวลมิตรสนิทไฉน
หากกลอนกล่าวเล่าขานรำคาญใจ
ขออภัยเถิดอย่าได้ค่อนแคะเลย ฯ