17 กรกฎาคม 2551 12:32 น.
"เพชรสังคีต"
ละครร้องสลับพากย์คำกลอน
ชุด พันท้ายนรสิงห์
คณะช่อทองกวาว โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย
(ฉบับสำหรับการแสดง ๒๐ นาที คำกลอนแลบรรจุเพลงโดยเพชรสังคีต)
(ระนาดเอกส่งเสภา)
ยอกรกุมพุ่มพวงพุทธชาติ
ก้มกราบบาทคุณครูผู้มีศรี
ถ้วนทั่วครูภาษาแลดนตรี
ระลึกไว้ในฤดีนิรันดร ฯ
(รัว,วา)
(ไทยน้อย)
จะจับลำทำเพลงบรรเลงเรื่อง
แต่ปางเบื้องอยุธยานคราสยาม
พระเจ้าเสือเรืองเดชทุกเขตคาม
เหล่าไพร่ฟ้าเกรงขามบารมี
(เปิดม่าน พระเจ้าเสือนั่งอยู่บนตั่ง มีพันท้ายนรสิงห์แลข้าเฝ้าอยู่สามสี่คน)
(ร่าย)
เสด็จออกท้องพระโรงที่ประทับ
เหล่าเสนาคำนับอยู่กับที่
แล้วว่าราชการงานธานี
สุขใจมิได้มีซึ่งเภทภัย
(บทพูด)
(พระเจ้าเสือ)
อยุธยาของเราชาวสยาม
ทั่วเขตคามชาวประชามาอาศัย
ต่างมีสุขสนุกสนานสำราญไป
เราสุขใจยิ่งแล้วท่านเสนา
(พันท้ายนรสิงห์) เพราะร่มฉัตรแห่งพระองค์ผู้ทรงเดช
(เสนา๒) เป็นปิ่นปักนคเรศนาถา
(เสนา๓) ได้ปกเกศปกเกล้าเหล่าประชา
(เสนา๔) จึงสุขใจยิ่งกว่าพิมานแมน
(พระเจ้าเสือ)
(โยนดาบ)
เออกระนั้นเพราะพวกเราสามัคคี
จึงทำให้ธานีเป็นปึกแผ่น
ไพร่ฟ้าประชาชนก็แน่นแฟ้น
รักกันเสมือนแม้นเป็นพี่น้อง
(พูด)
เออวันนี้สุริยันนั้นแจ่มใส
ดูแม่น้ำก็น่าไปได้คล่องคล่อง
อยากตกปลานึกไปดังใจปอง
ไปนั่งเรือลัดล่องสาครบุรี
(เสภา)
จะได้ไปตรวจตราประชาชน
ดูว่าเป็นทุกข์ทนหรือสุขี
เฮ้ยอ้ายสิงห์เอ็งนั้นขยันดี
เป็นพันท้ายประจำที่ไปกับเรา (พระเจ้าเสือเข้าม่าน เขมรพายเรือ ๒ ชั้น)
(พันท้ายนรสิงห์ แลเสนาทั้ง ๓ ทำถวายบังคมครั้งหนึ่ง ลุกเดินตามพระเจ้าเสือไป ปิดม่าน)
(ปี่พาทย์ทำเพลงเขมรพายเรือ ๒ ชั้น วนไปจนกว่าจะได้สัญญาณว่าเปลี่ยนฉากเสร็จ จึงทอดลง
เปลี่ยนฉาก เป็นเรือพระที่นั่งเอกชัยมีพลพายตามสมควร พระเจ้าสือประทับกลางลำเรือ พันท้ายนรสิงห์คัดท้าย)
(เห่เรือ
พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย
กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย พายอ่อนหยับจับงามงอน)
(เรือโคลงเคลงไปมา เสียงพลพายเริ่มแตกตื่น)
(ร่าย)
ครั้นถึงตำบลโคกขาม
กระแสน้ำเชี่ยวเหลือเรือเร่งเข้า
พันท้ายคัดท้ายอยู่ไม่เบา
เดี๋ยวค้ำเข่าคลุกคลานเข้าทานทน
แลเห็นกิ่งมะขามอยู่ขวางหน้า
พันท้ายกลอกตาอยู่สับสน
คัดเรือไม่ไหวจิตใจจน
ชนหัวเรือแตกป่นอยู่กลางน้ำ
(รัวท้ายรำดาบ)
(ร่าย)
นายสิงห์โจนลงตรงไปฝั่ง
ดึงเรือรั้งยื้อยุดสะดุดถลำ
ทั้งพวกฝีพายที่กำยำ
หัวคะมำคว่ำน้ำคลาคล่ำไป
นายสิงห์เข้าประคองพระเจ้าเสือ
เชิญเสด็จลงเรือหาช้าไม่
แล้วกราบทูลพลันทันใด
โทษมิพ้นเกล้าให้ลงทัณฑ์
(บทพูด)
(พันท้ายนรสิงห์ นั่งคุกเข่าก้มหน้าขอพระราชทานพระอาญา)
อันกฏมีมาแต่โบราณ
โปรดพระราชทานโทษไว้ให้อาสัญ
รักษากฏให้เห็นเป็นนิรันดร์
พระทรงธรรม์โปรดลงพระอาญา
(พระเจ้าเสือ มองไปที่เรือ แล้วหันมาพูดกับพันท้ายนรสิงห์)
ไม่เป็นไรอ้ายสิงห์อย่ากังวล
ผู้คนเขาเห็นกันพร้อมหน้า
ว่าแม่น้ำนั้นเชี่ยวเกินกายา
ต่อเทวดามาคัดก็ต้องชน
เอ็งมิได้ทำผิดสักนิดหนึ่ง
ตัวกูซึ่งรอดตายเป็นหลายหน
ก็เพราะมึงช่วยได้ไม่ใจจน
จะสั่งคนให้ฆ่ามึงอย่างไร (ลุกขึ้นยืนมือไขว้หลัง)
(พันท้ายนรสิงห์)
อันกฏมีมาแต่โบราณ
เกล้ากระหม่อมปฏิญาณเป็นสัตย์ไว้
อันตรายมาสู่พระทรงชัย
เพราะอ้ายสิงห์นี้ไม่จัดเจนการ
(พระเจ้าเสือ)
เออกระนั้นก็เถิดอย่าพักว่า
กูจะหลั่งน้ำตาเพราะสงสาร
กูจะให้พวกช่างที่ชำนาญ
ปั้นเป็นรูปประจานไปตัดคอ
เท่ากับว่ามึงนี้ได้รับโทษ
กูโปรดให้ฆ่าตายวอดวายหนอ
(พันท้ายฯ) แต่พระองค์...(พระเจ้าเสือ) มึงจงอย่ารารอ
จงยุติตามข้อแค่เท่านี้
(พันท้ายนรสิงห์)
(ทองย่อน)
พระอาญามิพ้นเกล้าพระทรงยศ
ขึ้นชื่อลือปรากฏปกเกศี
แต่ว่ากฏเกณฑ์โบราณมี
จะกังขาราคีเพราะข้าน้อย
พระเกียรติเคยเลื่องกระเดื่องสิ้น
จะราคินด้วยอ้ายพวกคนถ่อย
จะนินทาว่าไท้ใช่ย่อยย่อย
จะผิดพลอยเสื่อมศักดิ์สิ้นคราวนี้
โปรดเถิดพระองค์ผู้ทรงเดช
อย่าให้พ้นเกล้าเกศเกศี
ลงอาญาค้ำบุญญาบารมี
อย่าให้มีราคีติดแผ่นดิน
(พระเจ้าเสือ ทำท่าโศก)
(ลมพัดชายเขา)
เออกระนั้นกูนี้ก็จนใจ
ถึงกูว่าอย่างไรไม่รู้สิ้น
มึงคนดีกลัวราคีติดแผ่นดิน
มึงดับดิ้นกูจะหาไหนไว้ใช้
แต่เอาเถิดเจ้าพระยายมราช
เอาอ้ายสิงห์ไปฟันฟาดให้ตักศัย
แล้วตั้งศาลไม้หลักหกเสาไว้
เป็นที่ไหว้บูชาว่าภักดี
ให้ใส่หัวอ้ายสิงห์ยิ่งทหาร
เป็นตัวอย่างชายชาญอันมีศรี
ให้สะท้านสามหล้าทุกธาตรี
ให้โลกหล้าสดุดีแต่นี้เทอญ
(พระเจ้าเสือกลั้นน้ำตาผินหลังให้พันท้ายนรสิงห์ พันท้ายนรสิงห์กราบลงที่พระบาทา พวกพลพายหมอบกรานเป็นแนวไป)
(ปิดม่าน ปี่พาทย์ทำเพลงน้ำตาแสงไต้ เป็นอันว่าจบ)
13 กรกฎาคม 2551 12:50 น.
"เพชรสังคีต"
แสงโสมสาดส่องเบื้อง งามรองเรืองพื้นธาตรี
ฤๅเทียบโสมสวลีฯ พระเกียรติฟุ้งสุธาหาว ฯ
แสงโสมสาดส่องเบื้อง ธาตรี
ฤๅเปรียบโสมสวลีฯ จรัสหล้า
พระการุณยิ่งทวี เจิดแจร่ม รัศมิ์เฮย
ยอพระเกียรติขจายกล้า เอิกฟ้าขจรดิน ฯ
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด ฯ
เกล้ากระหม่อม"เพชรสังคีต"รจนา
12 กรกฎาคม 2551 16:52 น.
"เพชรสังคีต"
บัวบังใบเบิกตั้ง บังใบ
บัวเบ่งกลีบวิไล ซ่อนเร้น
บัวบานซุ่มไสว ควรหลบ แลฤๅ
บัวเบิกใบบัวเฟ้น ฟ่อนฟ้าบึงบัว ฯ
กุหลาบโรยกลีบเจ้า ลงดิน
ราวอกเรียมพังภิณท์ ร่ำไห้
กุหลาบร่วงอาจิณ เรียมยิ่ง โศกแฮ
โศกอิ่มอดโอบใกล้ ยิ่งให้ใจโหย ฯ
ลั่มทมรมย์กลิ่นให้ เรียมคะนึง
ฝันใฝ่ใจนึกถึง บ่เว้น
นุชฝากลั่นทมรึง รัดอก เรียมเฮย
เงาลั่นทมข่มเค้น ป่วนห้วงฤดีเสมอ ฯ
การเวกโชยกลิ่นห้อม หอมหวน
การเวกเฉกพี่ครวญ กล่อมห้อง
การเวกเสกรัญจวน มาสู่ แดฤๅ
การเวกฤๅที่คล้อง จิตเจ้ามาเชย ฯ
พระพายพัดดอกหญ้า โอนเอน
ลมดุจลมกรรมเวร สู่ข้า
เรียมก็ดุจดอกเดน หลุดร่วง ปลิวแฮ
ลอยลิ่วทิวป่าช้า ห่มไห้รำจวญ ฯ
ชบาชูดอกล้อ พายพรม
ภุมรินบินนิยม ข่มเคล้า
ชบาร่ำระทม คืออก นุชเฮย
ภุมรินบินเข่นเข้า บ่เข้าใจนาง ฯ
ลมหวนอวลซ่อนชู้ ชูใจ
ฤๅอกนุชแอบใคร ร่วมห้อง
ตรลบกลิ่นหอมไกล ทุกแหล่ง แลฤๅ
คือกลิ่นนุชนิ่มน้อง ชักให้ชายครวญ ฯ
พุทธรักษายิ่งล้ำ มาลี
เหลืองดั่งบุษรามณี แอร่มหล้า
พระพุทธขจัดราคี งามยิ่ง แล้วเฮย
วอนพุทธรักษ์นิ่มหน้า แน่งน้อยเรียมสงวน ฯ
เข็มตูมเติมแต่งแต้ม ธาตรี
เพียงทิ่มตำดาลฤดี ร่ำไห้
เข็มดอกนั่นแลมี ความก่อน เรียมเฮย
เพียงนุชทัดขัดไว้ ปิ่มให้ฤทัยโหย ฯ
นอกชานฟูเฟื่องฟ้า หลากสี
ในอกเรียมก็มี กว่านั้น
โศกฟูเฟื่องใจทวี หมองหม่น ยิ่งแล
งามเฟื่องเสียดฟ้ากั้น บ่กั้นโศกตรม ฯ
หอมลำดวนเกดแก้ว จำปี
ยี่สุ่นโศกสารภี กล้วยไม้
พิกุลจามจุรี โคมญี่ ปุ่นเฮย
มิเท่าหอมนุชให้ พี่เคล้าคลึงชม ฯ
***รีบเขียนขอรับ เวลาจำกัด ขออภัยถ้าบทไหนไม่สู้จะไพเราะขอรับ***