14 พฤศจิกายน 2551 12:44 น.
"เพชรสังคีต"
เมฆวิปผุชชิตา ๑๙
มโนน้อมบังคมองค์ศรีพชรกลยา ซึ่งเสด็จมา
ณ กรุงไกร
ละแมนสรวงอันสมบูรณนครไท้ สู่นครไทย
สถิตองค์
ธ ทรงจากแดนฟ้ามาจุติหฤทยประสงค์ เป็นพระพี่ยง
ยศาเกรียง
ณ เพลานี้จำกลับสู่รตนสุรเวียง ส่งพระเพียงเสียง
ประชาครวญ
ฉบัง ๑๖
ยอกรกึ่งเกล้ารัญจวน เพียงดวงใจหวน
อารมณ์อาลัยพี่นาง
อุตส่าห์ทิ้งภพสุรางค์ มาทรงสำอางค์
อยู่ในสยามธานี
จุติเป็นปิ่นเกศี ปกเกล้าเมาลี
ประชาทั่วทุกตัวคน
พี่นางองค์ภูมิพล อานันทมหิดล
ทั้งสองศรีอนุชา
ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา สารพันนานา
ล้นเหลือจะกล่าวรำพัน
แบ่งเบาชนกชนนีอัน งานหนักทั้งนั้น
ไม่เผยโอษฐ์บ่นลำเค็ญ
ตามเสด็จหนทางยากเย็น ทุกข์ท้นแสนเข็ญ
ลืมเหนื่อยเพราะช่วยประชา
รับช่วงราชกิจแม่มา คือแพทย์อาสา
เยี่ยมเยือนทุกดินถิ่นฐาน
โอ้เจ้าหญิงเมืองไหนปาน ด้าวไทยสำราญ
ชื่นด้วยเสโทนางเธอ
เกิดในวังฉ่ำบำเรอ ควรได้ปรนเปรอ
เป็นเอกนางจอมคน
หาใช่ทรงงานหนักล้น แต่ทรงยอมทน
ทุกข์เข็ญแลกสุขประชา
สุรางคนางค์ ๒๘
ราชวงศ์จักรี
เกิดนางแก้วศรี วิไลโสภา
ซึ่งจำจรจาก ภพสวรรค์มา
เปลื้องทุกข์ประชา นคราแดนไทย
ลำบากตรากตรำ
ไม่สมขมคำ ดินดำย่ำไป
ให้รู้ว่าแห่ง ที่แหล่งถิ่นใด
แสนลำบากไซร้ ยาตรไปทันที
กระนี้หรือควร
ดวงใจศรีนวล แห่งวงศ์จักรี
อันได้เกิดใน เศวตฉัตรโสภี
ทุกข์ทับชีวี แลกสุขปวงชน
โอ้พระพี่นาง
คือจอมสุรางค์ อันได้จรดล
จุติมาจาก เมืองฟ้าเวหน
เป็นปิ่นมณฑล ปกเกศเภทภัย
อันสุรางค์นั้น
ซึ่งจากสวรรค์ นานวันเกินไป
ท้าวเธอจึงเล็ง ทิพเนตรศรีใส
ให้นางฟ้าไทย กลับด้าวถิ่นเดิม
พระกลับสู่สวรรค์
เศร้าหมองสารพัน จะได้กล่าวเติม
อีกจิตยินดี ปิติส่งเสริม
หม่อมคืนถิ่นเดิม แดนรมณีย์
กมล ๑๒
วรนาถนครไทย จรไป ณ ภพที่
วนิดานราศรี สถิต์คือพิมานชัย
กรกราบสิปราณต บทเรศพระนางไทย
จรคืน ณ กรุงไกร ปิติในประชาเอย ฯ
14 พฤศจิกายน 2551 12:39 น.
"เพชรสังคีต"
....นิราศเดือนสิบสอง
๏ นิราศร้อยถ้อยคำทำอักษร
พอเล่าเรื่องตามใจให้เป็นกลอน
ไม่สุนทรวอนว่าอย่ารำคาญ
เดือนสิบสองปีชวดแสนปวดร้าว
จึงขอกล่าวกลอนมาพอว่าขาน
สุดอัดอั้นตันใจเจียนวายปราณ
ต้องพบพานเคราะห์กรรมช้ำชีวา
สงสารนุชสุดสวาทเพียงขาดจิต
เข้าใจผิดไม่ฟังเจ้ากังขา
จนกระทั่งนงเยาว์เจ้าจากลา
เพราะพี่ยาห่างเหินเมินอารมณ์
จะงอนง้อเท่าไรไม่หวนคิด
เหมือนดวงจิตเจ็บฝืนไม่คืนสม
ยิ่งเหน็บคำค่อนว่ามาคมคม
ต้องชวดชมพิศวาสอนาถครัน
จะกล่าวไขข้อข้องที่หมองหมาง
ที่ระคางเคืองจิตไม่คิดฝัน
พี่ห่างเหินเมินมิใช่ไม่สำคัญ
ด้วยงานหนักหักรันประจัญตัว
งานดนตรีพี่ทำแสนลำบาก
ก็เพราะอยากเกื้อกูลแม่ทูนหัว
ห่างทางนี้ดูจะผิดก็คิดกลัว
ด้วยเป็นหัวหน้าเขาเราต้องพร้อม
ทั้งผู้ใหญ่ไม่สบอารมณ์พี่
ทุกวันนี้กินไม่ได้จนผ่ายผอม
ดีที่ลูกน้องว่าอย่าไปยอม
ถึงอับจนทนกรอมคงมีชัย
เขาว่าพี่ตั้งตัวเป็นหัวหน้า
ไปมองข้ามเกศาพวกผู้ใหญ่
ใช้อารมณ์ข่มเหงไม่เกรงใคร
ดูเถิดนะทรามวัยเขาใส่ความ
อันลูกน้องแสนรักประจักษ์แจ้ง
ไม่กินแหนงข้าเอ็งต่างเกรงขาม
ไปหนใดมวลมิตรก็ติดตาม
หรือผู้ใหญ่ครั่นคร้ามขามวิญญาห์
เกรงจะสูญเสียอำนาจชาติมนุษย์
มันไม่สุดโลภมากไม่อยากว่า
แต่ช่างเถอะความดีไม่มีมา
ไม่ได้เป็นหัวหน้าเขาดอกนุช
บางคนอยากมีอำนาจดูบาทใหญ่
เที่ยวข่มเหงเบ่งไปไม่สิ้นสุด
ใครใครเห็นไม่สมเขาถ่มทุด
ระวังซวยม้วยมุดเข้าสักวัน
ทำถือศีลนั่งสมาธิประหลาดนัก
เขาอยากจักบินได้หรือไรนั่น
ถือไว้ใยศีลธรรมมาทำกัน
ไม่ได้ซึมแทรกสรรไปสักน้อย
บุราณว่ามือถือสากปากถือศีล
เหลือแต่ตีนเหยียบความชั่วตัวแสนถ่อย
แต่ช่างเถิดคนบ้าว่าลอยลอย
เหมือนไม่ค่อยกลัวกรรมไม่นำพา
ฝีปากดีมีคารมเข้าข่มขู่
ด่าไม่ได้ก็จู่ลู่กระทบว่า
อยู่เงียบเงียบไม่ได้หรือไรนา
หรืออุรามันจะแตกแหลกเป็นจุณ
ด่าตรงตรงไม่กล้าด่าประชด
เขารู้สิ้นระบิลหมดทั้งนายขุน
กลัวคารมข่มรานของท่านคุณ
ไม่มีใครถือบุญคุณการุณแล้ว
นี่แหละความตามว่ามาทั้งหมด
มันน่าเศร้าสลดไหมน้องแก้ว
ทั้งคนในก็ไปบอกออกเป็นแนว
ด้วยหลงแกวผลผลาสารพัน
ยังไม่สิ้นเรื่องหมางระคางจิต
โรครุมเร้าเอาชีวิตปลิดอาสัญ
แต่บุญกรรมทำมานานาอัน
จึงช่วยคุ้มประคองขวัญไม่ทันม้วย
สิบห้าค่ำย่ำบ่ายไข้ขึ้นหนัก
จึงนอนพักหักใจให้หายป่วย
สักพักลมตีรวนป่วนระรวย
เจ็บปวดหัวสมองด้วยดิ้นแดยัน
คุณหม่อมย่าว่ารอคุณหมอก่อน
แล้วซับหัวตัวร้อนดูอ่อนขวัญ
ครั้งถึงช่วงเวลาหาหมอนั้น
จึงนั่งรถออกพลันไปทันใด
พอมาถึงซึ่งคลินิคบำรุงชีพ
ต่างเร่งรุดฉุดรีบไม่ช้าได้
เขาบอกว่าหมอไม่มาแสนอาลัย
สุดปวดหัวช้ำใจที่ไคลคลา
หม่อมย่าจึงให้ไปโรงพยาบาล
ครั้นไปถึงรอนานเป็นหนักหนา
ยังดีที่เพื่อนใจได้ตามมา
ช่วยดูแลพี่ยามาแต่เย็น
เมื่อหมอมาถามว่าชื่ออะไร
หาตอบเขาได้ไม่ด้วยไข้เข็ญ
ยินเขาว่ายังหนุ่มน้อยไม่ค่อยเป็น
ไข้สูงมากหากวัยเช่นเด็กคงชัก
ยินเขาว่าหากมาช้ากว่านี้
รักษายากเต็มทีอะเหลื่ออะหลัก
ยินหมอว่าจะฉีดยาก็ล้านัก
ด้วยลิ้มรสเข็มปักต่อนักแล้ว
โดนสองเข็มเต็มทีพอดีขึ้น
แต่เมามึนฤทธิ์ยาอุราแผ่ว
พอมีแรงเช็ดหน้าตาบ้องแบว
คลำปากดูแห้งไม่แคล้วเหมือนดินดาน
ได้กลับบ้านนอนพักหนึ่งราตรี
พอมีแรงฤทธีมาว่าขาน
เขียนนิราศอนาถใจไม่ประมาณ
เกือบตักษัยวายปราณดังกล่าวมา
มิใช่เรื่องเล่าเล่นให้เห็นใจ
แค่เขียนไว้พอรู้เหตุอาเพทว่า
เดือนสิบสองหมองหม่นปนน้ำตา
เกือบชีวาตักษัยบรรลัยเอย ฯ
11:00 13/11/2551
14 พฤศจิกายน 2551 12:35 น.
"เพชรสังคีต"
ลอยกระทงปีชวด
พระจันทรจรแจ่มกระจ่างเนตร
เหมือนมีเวทย์มนต์ชวนจิตหวนหา
เดือนสิบสองต้องใจให้ไคลคลา
ชมกระทงในธาราน่ารื่นรมย์
จะพาน้องประคองแนบแอบเย้าหยอก
สัพยอกยียวนพอสรวลสม
พระจันทรร่อนไกลไม่บรรทม
จรัสแสงแสร้งนิยมท่านชมเรา
ขอษมาพระแม่คงคาทิพย์
ที่ยื่นหยิบมอบชีวามาแต่เก่า
คุณานนท์ล้นใจไม่ดูเบา
อย่าถือโทษโกรธเราผู้เขลานัก
โปรดจงช่วยอำนวยพรสุนทรศรี
ทั้งปัญญาพาทีให้แหลมหลัก
ไปที่ใดคนชมนิยมรัก
ให้ประจักษ์เร็วไวในวจี
ขอความรักรุ่งเรืองเหมือนเฟื่องฟ้า
สดใสดั่งสุริยาสง่าศรี
ให้เราสองรักกันกว่าวันนี้
เสร็จขอพรแม่นทีเท่านี้แล้ว
เหลือบมาเห็นพักตร์น้องละอองเปล่ง
รับบุหลันวันเพ็งจริงน้องแก้ว
แสงประทีบฉายกลอกระลอกแนว
สะท้อนรับจับแววนัยนา
งามดวงเนตรเหนือเนตรมฤคิน
งามลำแขนเหนือกินรินบินถลา
งามปากอิ่มจิ้มลิ้มกว่าชาดทา
งามทั่วทั้งกายาสารพางค์
จะหางามสามโลกบ่งามสม
แม้ชวดชิดจิตตรมระทมหมาง
สิบสีดาไม่เท่าใจอาลัยนาง
ร้อยบุษบาลาร้างไม่ห่างนวล
ศกุนตลายาใจไม่เทียมทัด
รจนานางกษัตริย์ไม่ปั่นป่วน
จันท์สุดานารีไม่มีครวญ
สุวิญชาไม่หวนมาเหลียวเลย
ไม่อยากให้นวลใยไปไกลพี่
นี่จะคิดไฉนดีนะอกเอ๋ย
แม้สายลมพรมพักตร์เจ้ารำเพย
เหมือนพระพายย้ายเย้ยมาลอบชม
ใคร่จะโอบเจ้าไว้ที่ในตัก
จะอิงอุ้มฟูมฟักเอารักห่ม
เกรงแสงแดดแสงดาวจะพราวพรม
ให้ขวัญอ่อนนอนชมแต่พี่ยา
รัญจวนคิดจิตครวญให้หวนโหย
น้องหยิกไหล่ร้องโอยพี่เจ็บหนา
แต่คว้าไขว่ไม่เห็นเพ็ญโสภา
ร้องอุ๋ยหน่า...หลับฝันรำพันครวญ ฯ
20:31 11/11/2551