18 กรกฎาคม 2550 17:17 น.
"เพชรสังคีต"
เสน่ห์สาวเหนือ
...โอ้กรรมใดมาหนุนให้ครุ่นคิด
พาดวงจิตใฝ่ฝันกระสันหา
หลงรอคอยน้องเจ้าทุกเวลา
เจียนเป็นบ้าเสียเพราะรักให้หนักใจ
หอมเจ้าเอยแพรดำหล่อนร่ำอบ
กลิ่นตรลบทั้งเคหาที่อาศัย
ไม่เท่ากลิ่นโศกรักสลักใน
ดวงฤทัยพี่ยาในครานี้
ลำดวนเอ๋ยเคยบานประสานกลิ่น
ยามยุพินนวลละอองประคองที่
ใยโรยร้างห่างสิ้นกลิ่นมาลี
สุคนธีเคยหอมกลับตรอมไป
โอ้กรรมใดมาซ้ำให้จำจาก
ต้องพลัดพรากจากดวงจิตพิศมัย
กาเหว่าครวญแว่วดังวังเวงใจ
คนึงใครมิเท่าสาวสารภี
สิเหน่หาสาวเหนือต้องเชื่อแล้ว
โอ้ดวงแก้วแม่งามนงรามศรี
จะอิ่มองค์ก็คงอิ่มโศกโศกี
จะอดนี้ก็อดเชยสังเวยกรรม ฯ
18 กรกฎาคม 2550 16:25 น.
"เพชรสังคีต"
"ไร้เดียงสา"
ทีละหน่อยทีละหน่อยค่อยค่อยชิด
ทีละนิดทีละนิดเข้าชิดหน่อย
เจ้ากิ้งกือไร้เดียงสาขาน้อยน้อย
จะพาเจ้าค่อยคล้อยสู่พงไพร
ให้กอหญ้าเป็นป่าพนาชัฎ
กระทัดรัดพรางตาใต้ฟ้าใหญ่
ใบเรียวนั่นคือร่มน้อยคอยคุ้มภัย
รอแสงทองวันใหม่ได้ส่องมา
ขาของเจ้า ขานั้น นั้น นั้น นั้น
สิบ ร้อย พัน ปั่นมะงุมมะงาหรา
เดี๋ยวยืดออก...ชิดเข้า...ทุกเวลา
ไร้เดียงสา ใต้ฟ้าใส คงใจลอย
ขยับอีก ทีละหน่อยค่อยค่อยชิด
ขยับเข้า ทีละนิดเข้าชิดหน่อย
เจ้ากิ้งกือไร้เดียงสาขาน้อยน้อย
คงเดินย่ำซ้ำซอยตามรอยบรรพ์ ฯ
14 กรกฎาคม 2550 13:22 น.
"เพชรสังคีต"
"ครวญ ณ คืนนั้น"
เมฆวิปผุชชิตา ฉันท์ ๑๙
...ระเมียรจันทราผ่องพินิศฺพฺสุซ้อง
เมฆฺลำยอง พิมลไป
...ศิธรจรแจ่มรัตฺนฺจฺรุญฺใส
ดาษฺดาวไกล สโมสร
...สิพาหวนไห้หวั่นกฺมฺลฺจะนิวรณ์
ด้วยบ่หลับนอน ณ ราตรี
...คนึงถึงนวลนางศศิวิมฺลฺศรี
อยู่วนาลี จะจรตาม
...มโหรีบรรเลงรฺสฺดุริยหวาม
พี่และนงราม บ่เคยตรม
...ละอองแป้งร่ำฟุ้งทิพฺยฺรฺสฺฉม
แสงชวาลารมย์ สะท้อนใจ
...พระพายโชยเกสรกุสุมฺรฺติไซร้
ดุจจะทรามวัย สนิทครัน
...ฤทัยรำพึงถึงวฺรฺนุชฺกระสัน
ครวญ ณ คืนวัน นิราศนาง ฯ
14 กรกฎาคม 2550 13:13 น.
"เพชรสังคีต"
"สุนันทราตรี"
...สุนันทราตรี กรณี ณ แขไข
อัมพรระเมียรไป ดุจฺแต่งกระบวรมา
....แสร้งวาดกุสุมสร้อย ขณะพร้อย ณ เวหา
เกิดสิ่งทุการา ผิจะนิ่งไม่ชื่นชม
....โน่นโน่นแน่ะนวลภาพ กชอาบละอองฉม
ใต้แสงศศีพรม ปทุมานิศายาม
....แว่วแว่วดุรียา รสพาฤทัยหวาม
คลุ้งกลิ่นบุหงางาม วรป่าพนาไพร
....สุนันทราตรี กรณี ณ แขไข
อัมพรระเมียรไป พุฒิไกลนิรันดร ฯ
13 กรกฎาคม 2550 22:17 น.
"เพชรสังคีต"
...อันความรักหนักนักมักเป็นบ้า
กังวลพาจิตใจไม่สุขสม
มักจะเล่นเกินบทประชดอารมณ์
ก็ขื่นขมในหทัยที่ใฝ่รัก
เมื่อวันนั้นฉันเธอบำเรอใคร่
ใจจ่อใจสู่สมภิรมย์สลัก
คำต่อคำจำนรรจ์นั้นหวานนัก
สองสมัครร่วมกายไว้ด้วยกัน
มาวันหนึ่งเธอฉันนั้นต่างคิด
ให้หลงผิดแผกไปพาใจสั่น
เธอก็คิดฉันก็คิดสารพัน
ว่ารักนั้นมีสองให้หมองใจ
เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวปานเกลียวคลื่น
ที่ห้ำหื่นซัดคลั่งฝั่งไศล
ฝั่งไม่โต้โมโหเลวดั่งเปลวไฟ
ถั่งโถมใจให้เร่าร้อนอาวรณ์ครัน
ต่างใฝ่หารักใหม่มาไว้แนบ
เพื่ออิงแอบสมกายหายกระสัน
ด้วยอารมณ์เหลืออดประชดกัน
แต่ใจพรั่นห่วงรักเก่าให้เศร้าตรม
ที่จริงแล้วเธอฉันนั้นหลงผิด
ต่างมัวคิดระแวงไปให้ขื่นขม
ด้วยจิตใจจ่อจดประชดอารมณ์
หลงเริงรมย์กามายั่วให้มัวเมา
เมื่อทิฐิจางหายในวันนี้
ก็ช้ำที่จิตใจได้โง่เขลา
เพราะหลงผิดริษยาปัญญาเบา
จำสองเราเศร้าอนาถคลาดรักเอย ฯ