23 กรกฎาคม 2550 18:59 น.
"เพชรสังคีต"
...มันจำเจ็บจำจากจำจรสุข
มันคละทุกข์คละเคล้าเฝ้าถนอม
มันเจ็บใจเจ็บกายมิวายตรอม
มันอัดอั้นอดยอมพรั่งพร้อมใจ
ระทมถั่งท้นท่วมธาราหลั่ง
ระทมดั่งอกเราเผามอดไหม้
ระทมกลบเกลื่อนฟ้านภาลัย
ระทมใจจากนางมาร้างชม
น้ำตาหลั่งท่วมฟ้าจันทราดับ
ดาราลับลี้หายพายขื่นขม
ดินร้างแดดร้างไพรร้างสายลม
ปลาสิ้นลมตมทับดับชีวา
แม้นเกิดใหม่รักใหม่ในชาติอื่น
หากไม่ชื่นขื่นชมตรมดั่งว่า
อย่าได้เกิดมาอยู่คู่โลกา
จงร้างฟ้าร้างลาสถาพร ฯ
22 กรกฎาคม 2550 19:33 น.
"เพชรสังคีต"
...โอ้ว่า ณ เวลาป่านฉะนี้
น้องของพี่คงขุ่นข้องหมองหมาง
นับจากวันจำพรากจากนวลปราง
พี่ระคางเช่นน้องหมองฤทัย
ย่ำค่ำแล้วหริ่งหรีดพิไรร้อง
ดังเสียงน้องของพี่ระรี้ไหว
กลิ่นยมโดยโชยมาให้อาลัย
ประหนึ่งน้องกรายใกล้ให้ได้ชม
ลมหนาวพลิ้วม่านพลัดสะบัดสบิ้ง
ดุจน้องหญิงชื่นชม้ายสยายผม
ตรลบเครื่องหอมเอยเคยพิรมย์
ยามดอมดมนึกภาพน้องกรองมาลี
พลางขึ้นหย่องลองซอประสานเสียง
กังวานเพียงขับไม้ไม่สดศรี
โอ้ซอเอ๋ยฤทัยข้ามีราคี
มโหรียังไม่สู้ชู้จำนรรจ์
พร่ำรำพึงลำพังเป็นสังคีต
จะสีดีดดังไกลไปสวรรค์
ให้ปวงไท้เทวาอ่าคนธรรพ์
ช่วยปลอบขวัญมณีน้องอย่าหมองรา
พี่จะคอยเคล้าคู่อยู่ที่นี่
ยามยุพดีหวนชื่นคืนมาหา
จะสอดเสียงเสกสรรปั้นวาจา
เป็นเพลงพากล่อมหอล้อทรามเชย ฯ
20 กรกฎาคม 2550 16:51 น.
"เพชรสังคีต"
"ขิมเสน่ห์"
...ยินเสียงขิมแว่วมาใครหนาเล่น
ไม่คุ้นเช่นที่เคยชมสมสนาน
พิเคราะห์ดูเพิ่งรู้ว่านงคราญ
คงเริ่มผ่านเรียนมาน่าชื่นชม
เจ้าเข้ามาอยู่ใหม่ในคณะ
เจ้าสวยสะเหนียมอายสยายผม
เจ้าสบตาครานั้นพลันชื่นชม
เจ้าคายคมข่มซ่อนอ่อนระรวย
ยามเจ้ายิ้มพริ้มพรายชะม้ายชะม้อย
ยามเจ้าคล้อยลอยเหม่อเออช่างสวย
ยามเจ้านั่งอ่อนอดระทดระทวย
ยามเจ้าช่วยอาจารย์สคราญนัก
"จันทร์โลม" เพลงนั้นที่เราเล่น
เหมือนดังเป็นรอยเพิ่มเริ่มสลัก
เจ้าตีขิม พี่ตีทุ้ม ฉ่ำชุ่มนัก
พี่เพ่งพักตร์สบตาพากันอาย
เจ้าคงไม่คิดไปเท่าไรดอก
แต่พี่ชอกเพราะรักแล้วแก้วปองหมาย
อยากให้เจ้าหยั่งรู้ดูใจชาย
ที่ตรอมกายเพราะเจ้าเฝ้าคนึง
พี่ชะเง้อรอเจอทุกค่ำเช้า
โอ้น้องเจ้ารู้ไหมนี่พี่คิดถึง
แม้เจ้าไม่ใฝ่ฝันพันรำพึง
ต่างพี่ซึ่ง พึงรำพัน ฝันทุกครา
เสียงขิมเจ้ายังแว่วในแก้วหู
กายดั่งรู้ประดิพัทธิ์กำหนัดบ้า
อยากยินเสียงขิมเสน่ห์ทุกเวลา
ร้อนอุราถึงครานี้พี่นี่เอย ฯ
************************************
20 กรกฎาคม 2550 15:35 น.
"เพชรสังคีต"
พี่วอน
...โอ้ว่ายามเมื่อรักสลักจิต
ดั่งศรพิษปักกลางพลางสับสน
ดวงฤทัยเวียนว่ายคล้ายวกวน
ในกงกลแห่งรักที่ปักใจ
กามฤทธิ์ประสิทธิ์มาหรือว่ารัก
แปลกใจนักจักแท้หรือแค่ไหน
พิษสวาทบาดตาหรือว่าไร
โอ้ดวงใจอยากแลหรือแค่นี้
มันคลั่งคล้ายควายถึกที่คึกคลั่ง
โถมกำลังพักคอกออกขยี้
ด้วยพละอัดอั้นตันฤดี
โอ้ชีวีสับสนจนหนทาง
ป่านฉะนี้นี่หนาข้านี่เอ๋ย
กระไรเลยครวญคราพาหมองหมาง
คำว่า "รัก" เป็นฉันใดใยอำพราง
ฉันระคางอยากรู้ดูสักที
แค่อยากให้เจ้าสอนวอนให้เห็น
ว่ามันเป็นเช่นไรในใจพี่
ไม่รู้จักรักเร้าเศร้าฤดี
ยุพตีพี่อยากรู้อยู่ในใจ ฯ
**************************************
20 กรกฎาคม 2550 15:07 น.
"เพชรสังคีต"
อยากอยู่ด้วยน้อง
๐ โฉมนางหยาดจากฟ้า แดนใด แม่เอย
โฉมผ่องผุดผาดพราย ยิ่งแล้ว
โฉมนวลกว่านวลใน จันทร์แจ่ม
โฉมแม่ดุจเพชรแก้ว ส่องฟ้าส่องสวรรค์
*
๐ ตกภวังค์พร่ำเพ้อ ครวญตาม แม่นา
พลอยพรั่นแลหวั่นหวาม อกเต้น
รำพึงแต่นงราม นวลแก้ว นาแม่
ยามนี่คงซ่อนเร้น หลบห้วงฤดีเสนอ
*
๐ จักทอดตัวพี่นี้ ฤๅไฉน
คราพี่อึดอัดใจ เช่นนี้
โปรดเถิดเปิดหทัย ของแม่
รับพี่ไปเปนหนี้ รักแท้สักหน
*
๐ จงเผยพักตร์แห่งเจ้า แลมา
มาปะทะสายตา พี่แก้ว
จะวอนส่งอุรา รักยิ่ง
โอบแม่ในจิตแพร้ว สู่ห้วงสุขสรร
************************************************
๐ ครวญครางใครใคร่ค้อน อัญขยม
จักไม่เคืองคำชม สักน้อย
ดวงใจใคร่ชิดชม เพียงหนึ่ง
เพียงแม่มาลาสร้อย หนึ่งนี้นางเดียว
************************************************
ช่วงนี้เขียนอะไรออกมาก็จะเป็นแนว "สัลลาปังคพิไสย์" ไปเสียหมด
โธ่....