8 เมษายน 2552 14:39 น.
เพชรพรรณราย
กำเม็ดทรายค่อยคลายมือถือสัมผัส
สายลมพัดสะบัดปลิวพลิ้วเป็นสาย
ทรายล่วงหล่นคนยืนมองจ้องดูทราย
ร่วงเป็นสายคล้ายเม็ดฝนหล่นพร่ำพร่ำ
มองบนพื้นคลื่นซัดฝั่งยังชายหาด
คลื่นซัดสาดไม่ขาดเสียงสำเนียงร่ำ
ทรายไหวไหวไหลตามคลื่นในผืนน้ำ
เหมือนร่ายรำตามคำคลื่นเฝ้ายืนมอง
ดวงอาทิตย์สถิตฟ้าแจ่มจ้าแสง
ความร้องแรงแฝงรังสีที่ผันส่อง
ประเม็ดทรายชายหาดแห้งเมื่อแสงต้อง
เดินย่ำย่องต้องเร่งก้าวผ่าวผิวกาย
เมื่อน้ำหลากทรายมากมายก็หายลับ
หายไปจับกับน้ำฝนหล่นเป็นสาย
เกิดเป็นแอ่งแต่งชายหาดน้ำสาดทราย
น้ำแห้งหายทรายก็ปลิวลิ่วกับลม
หากชีวิตผิดหวังแม้ครั้งหนึ่ง
ให้มองซึ้งถึงเม็ด ทรายหมายสั่งสม
ปรับตัวเองให้เก่งค่าอย่าให้จม
สู้แดดลมแก้ปมข้อต่อชะตา
กำเม็ดทรายหมายปลุกแรงเพื่อแต่งฝัน
เมื่อฝ่าฟันหมั่นปรับแปลงแสวงหา
ค่อยเคลื่อนไปอย่าได้หยุดฉุดเวลา
ปรับแต่งค่าหาจุดยืนดังผืนทราย
8 เมษายน 2552 14:37 น.
เพชรพรรณราย
ลมเย็นเคลื่อนเลื่อนผ่านกายมิวายหนาว
แสนนานยาวราวจะสิ้นดินฟ้ากว้าง
ทอดสายตาหาความจริงยิ่งเปล่าทาง
ไร้กายร่างพรางเงาเฝ้าเมียงมอง
ทะเลหมอกระลอกใกล้ในสายลม
ค่อยไหลพรมผสมหนาวคราวพัดต้อง
มืดสลัวมัวหม่นสิ้นพื้นดินครอง
ลอยละล่องทั่วท้องนาป่าพงไพร
จนอาทิตย์สถิตฟ้าบนอากาศ
สีพลัดวาดพาดให้ขาวคราวหมอกไหล
สิ้นเหลืองแดงแต่งฟ้ามาทันใด
บริสุทธิ์สุดสดใสในตะวัน
อาทิตย์ขาวราวตะวันที่ผันส่อง
ยามเมื่อมองดังจ้องฟ้าราตรีผัน
หากเวลาทิวาใหม่ไร้ดวงจันทร์
ใช่สายัญที่ผันเปลี่ยนหมุนเวียนกาล
ลมเย็นเคลื่อนเลื่อนค่อยค่อยหมอกลอยลับ
หวนคืนกลับปรับท้องฟ้าคราหมุนผ่าน
คืนตะวันอันจ้าแจ่มแต่งแต้มตาม
ฟ้าสีครามยามแสงจ้าฟ้าเช่นเคย