26 กันยายน 2551 10:28 น.
เพชรพรรณราย
ลมฝนพัดสะบัดไม้ปลิวไหวว่อน
ฟ้าครึ้มค่อยอ่อนแสงสีที่ผันส่อง
เสียงคละโครมโถมสนั่นพลันฟ้าร้อง
แผดเสียงก้องพ้องสายแสงสำแดงตน
หยดน้ำใสในอากาศค่อยวาดสาย
จากประปรายกลายมืดหมอกระลอกฝน
สาดตามลมโชยชมชื่นพื้นบัดดล
ทั่งแห่งหนจนฉ่ำน้ำนองนา
จนค่อยค่อยกระปอยปิดหยดนิดน้อย
ค่อยเป็นฝอยอ่อยอ่อยย้อยไหลบ่า
ฟ้าเริ่มจางลางลางแสงแฝงเมฆา
ค่อยเปิดฟ้าพาสีครามยามฝนไกล
รุ้งเจ็ดสีมีให้เห็นเด่นเวหา
เมื่อฝนซาฟ้าสิ้นฝนคนเห็นได้
เป็นโค้งครึ่งตรึงจับประทับใจ
ขอบฟ้าใสให้สะท้อนก่อนฝนลา
นามีน้ำปลาดำว่านสายฝนหลั่ง
กบเขียดคลั่งสั่งเป็นเสียงสำเนียงหา
เข้าจับคู่กู่ก้องร้องตามท้องนา
ใกล้ต้นกล้านาปีที่หว่านดำ
จากเคยแล้งแห้งเหือดเลือดท้องทุ่ง
ฝุ่นคละคลุ้งทุ่งระแหงแล้งน่ำฉ่ำ
มาบัดนี้มีฝนหล่นลงพร่ำ
ชาวนาร่ำย่ำเท้าเข้าลงแรง
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินสิ้นฝนผ่าน
คืนสู่บ้านอีสานแคว้านแดนหนแห่ง
กลับสู่นาหาแม่พ่อต่อเติมแต่ง
มาเบาแบ่งแรงงานสืบสานตน
ถึงกายเหนื่อยเมื่อยล้าพาเปื้อนเหงื่อ
ใจยังเอื้อเมื่อสู่ถิ่นดินขัดสน
ถึงยากไร้ใจก็สุขทุกทุกคน
ดีกว่าทนจนท้อในต่างแดน
ฟ้าหลังฝนให้คนสู้ไม้รู้ถอย
เพราะมีรอยฝอยอดีตขีดเป็นแผ่น
จากปู่ย่าตายายสร้างร่างวางแก่น
มรดกแดนแผ่นพื้นยืนภาคภูมิ
26 กันยายน 2551 10:08 น.
เพชรพรรณราย
ระยิบยิบริบหรี่สีแสงน้อย
บินล่องลอยค่อยขยับปรับปีกผัน
ฝ่าลมหมอกระลอกคลื่นฝืนบินพลัน
ด้วยหมายมั่นไม่หวั่นไหวในเส้นทาง
เพียงเพราะหมายเคียงฟ้านภาเด่น
ขอยอมเป็นเช่นดาวก้าวเคียงข้าง
หิ่งห้อยน้อยจึงค่อยบินสู่ฟ้าจาง
ให้แสงลางเคียงข้างฟ้าไม่ราไกล
ใกล้รุ่งสางแสงลางเงาเข้าก้อนเมฆ
เอ้กอีเอ้กเหวกก้องร้องขันไก่
ฟ้าค่อยเคลื่อนเลื่อนเปลียนเวียนสีไป
สู่วันใหม่ใต้แสงแห่งตะวัน
แสงน้อยน้อยค่อยหายวายริบหรี่
ว่าตรงนี้ที่เคียงฟ้าพาฝันใฝ่
จึงแหงนมองท้องฟ้าด้วยล้าใจ
เพราะอะไรไปไม่ถึงซึ่งฟ้างาม
เหนื่อยจะบินสิ้นแสงจะแข่งขัน
เมื่อตะวันผันเคียงฟ้าพามองข้าม
จำต้องหลบจบฝันอันวับวาม
เข้าซ่อนตามใต้ใบไม้ในร่มเงา
หิ่งห้อยหรือชื่อจะเทียบเปรียบอาทิตย์
แม้สักนิดแค่คิดขบจบด้วยเหงา
ยอมเสียใจไม่หาญสู้คู่นงเยาว์
ขอทนเศร้าเฝ้าร้องไห้ในชะตา
20 กันยายน 2551 10:53 น.
เพชรพรรณราย
เสียงแว่วหวานผ่านลมแผ่วแนวใจซึ้ง
เพลงคะนึงคิดถึงกันใจหวั่นไหว
ว่าความรักถักหวังตั้งหัวใจ
ไม่หมองไหม้ได้สุขสมอารมณ์ปอง
ทุกห้องเพลงบรรเลงร่ำย้ำรักแน่
ที่ไม่แปรแก่ใครอื่นให้ยืนหมอง
เพียงสองเราเฝ้าฝ่าฟันสู่วันทอง
มีเราสองครองคู่ไม่รู้โรย
ยินเสียงร้องพ้องทำนองของความสูข
ไยฉันทุกข์ยุคแค้นแสนหาโหย
รักของฉันมันพังแพ้ร้องโอดโอย
ถูกขโขยโกยเอารักหักอกกัน
เสียงแว่วหวานหักหาญใจร้องไห้เจ็บ
ซึ้งกับเจ็บเหน็บหนักรักแปรผัน
จังหวะรักหักสะอื้นคืนจาบัลย์
ร้องพร้อมกันมันเหมาะเพาะน้ำตา
ขอได้โปรดหยุดเพลงบรรเลงรัก
ด้วยอกหักรักเป็นแผลแย่จริงหนา
หยุดเพลงซึ้งรำพึงรักปักชีวา
ขอเวลาพาเงียบเหงาเฝ้าทำใจ
20 กันยายน 2551 10:05 น.
เพชรพรรณราย
เหนื่อยหัวใจทำไมหนอจึงท้อถอย
ฝันที่คอยพลอยเลือนหายมลายหนี
เหมือนสิ้นแรงจะแข่งขับปรับชีวี
คล้ายโลกนี้มีแต่หมองนองน้ำตา
มองท้องฟ้าว่าสวยสดไม่อดเศร้า
ความหงอยเหงาบรรเทาท้อต่อปรารถนา
แม้ดาวเดือนทอแสงงามตามนภา
ยังก้มหน้าพาร่ำร้องหมองระทม
ทำไมหนอการรอต่อบางสิ่ง
นานเข้าจริงยิ่งห่างไกลไม่สุขสม
สิ่งที่หวังผุพังเรื่อยเปื่อยอารมณ์
ร้องไห้ห่มจมทุกข์ยุคโรยรา
โลกใบนี้ที่อยู่รู้หรือไม่
ว่ามีใครไม่สมหวังยังโหยหา
ขอวิงวอนพรใดในนภา
ช่วยนำพาความล้าใจให้หวนคืน
ให้หัวใจได้มีแรงยื้อแย่งฝัน
โปรดนำวันที่ผันเปลี่ยนเลื่อนขมขื่น
ส่งแรงใจให้สู้ใหม่ได้ลุกยืน
ปลุกให้ตื่นคืนมาสู้กู้ฝันงาม