18 มีนาคม 2550 10:47 น.
เพชรพรรณราย
(ถ้าจะให้ดี อ่านติดสำเนียงหน่อย ๆ นะครับ )
อยากเมือบ้านอีสานเก่าเฮาอาศัย
อยากเมือไปใจคึดฮอดกอดความเหงา
อยากพบพ้อพ่อแม่น้องผองหมู่เฮา
อยากสิเว้าถึงความเหงาให้เจ้าฟัง
นานปีแล้วแผ้วถางทางย่างหาฝัน
พ้อแต่อันมันเจ็บเหน็บใจฝัง
ฮอดมื้อนี้ใจท้อถ้อยด้อยกำลัง
คึดหันหลังตั้งใจให้เมือบ้าน
ป่าดินดอนขอนแก่นแผ่นดินเฮา
ยังคือเก่าบ่หนอนี่ที่เคยผ่าน
แผ่นดินเกิดกำเนินก่อต่อเฮาท่าน
ถิ่นสถานบ้านหมู่เคยอยู่กิน
คึดฮอดต้นดอกจานหน้าบ้านเฮา
ผักกะเดาต้นเก่าก่อนย้อนคืนถิ่น
เถียงนาน้อยคอยหลบฝนยามหล่นริน
บ่เคยสิ้นถวิลหาบ้านบ้านป่าดอน
อีกบ่นานปานใดดอกบอกเมือหวน
เมือไปหม่วนทวนความหลังครั้งเก่าก่อน
สู่อีสานบ้านนาป่าเขาขอน
หวนไปย้อนคอนบ้านแสนนานเนา
ในตอนนี้มีแต่หวังฝากฝังไว้
รักษาใจคนไกลถิ่นดินบ้านเก่า
อย่าเจ็บไข้ภัยมาต้องให้หมองเศร้า
จนกว่าเฮาเมือบ้านไปใจเว้าวอน
***********************
ชื่อเพลง :: หนุ่มขอนแจ่น
ศิลปิน :: พี สะเดิด
http://www.baanmaha.com/forums/index.php/topic,14960.0.html
เป็นหนุ่มแจ่นขอน ขะหยอนเว้าไทย บ่ แฉ็ง
กกลิ้นบ่ค่อยมีแฮง พอเว้าไทยแฉ่งก็บหนุ่มเมืองไกล
พ้อหน้าผู้สาว อ้ายแคดแล้วลาวจนเป็นนิสัย
เหลือโตนชาติอ้านแน่สาวไทย
ผู้แก้มแดงใสคือบักเฉียเชีย
คึดพ้อหน้าครู ผู้สอนตอนเฮียนประถม
จับอ้ายออกไปอบรม ยืนหน้าซั่นหันลิ้นรอเรีย
จนฮอดมื้อนี้อ้ายยังเว้า บ่ ได้จักเที่ย
เห็นสาวไทยอ้ายใจละเหี่ย สิได้เมียกับเขา บ่ หนอ
*หลงฮักเจ้าหลาย ฝึกเว้าไทยจนเจ็บโผ่งแก้ม
หางตาเจ้ากะ บ่ แนม ตะแหล่มแต่มแต่มสาว กทม.
บ่ เจตนา มานั่งขัดพาพิซซ่าดอกหนอ
แต่เจ็ดวันที่ใจอ้ายรอ
หวังอยากสิพ้อหน้าเจ้าอย่างสูง
**คึดฮอดแจ่นขอน บึงแจ่นนครเหลือแสน
อยากขึ้นรถเมือขอนแจ่น แต่ บ่ มีแฟนไปอวดเพื่อนฝูง
คิดฮอดจานก้อน กีมบักหอยคุ้ยตำหมากหุ่ง
แต่ยังอยากจีบาสวกรุง ไผว่าใฝ่สูง.... กะซ่าง
ซ้ำ (*, **)
*********************
(ฟังเพลงนี้มันคิดถึงบ้านทุกที เลยเอามาฝากครับ)
17 มีนาคม 2550 11:24 น.
เพชรพรรณราย
พิพากษาหาความผิดสิทธิ์เอ่ยอ้าง
ใครขวางทางวางศัตรูสู่จุดหมาย
ไม่แยแสแก่ชีวิตคิดทำลาย
สละกายตายเพราะหลงคงมายา
หลายชีวิตผิดหรือถือเข่นฆ่า
เพียงศรัทธาค่าความต่างทางศาสนา
คิดแบ่งแยกแผกพื้นพสุธา
จนลืมค่าแห่งชีวิตถูกลิดรอน
สร้างรอยร้าวก้าวลำเค็ญเช่นเดนโฉด
เพลิงพิโรธดังโกรธกริ้วปลิวไฟฟ่อน
พรากวิญญาณผ่านศรัทธามาตัดรอน
แผ่นดินร้อนกร่อนใจคนทนระแวง
เพียงให้ตนพ้นสภาพที่หยาบกร้าน
ปลูกประสานผ่านสำนึกฝึกเติมแต่ง
ให้ซึมซับกับใจคนจนแสดง
จิตแอบแฝงแย่งยื้อสิทธิ์คิดครอบครอง
พิพากษาค่าคนอื่นยืนถือสิทธิ์
ยอมอุทิศคิดทำลายหมายจับต้อง
เพื่อแย่งยื้อถือเอาเข้าจับจ้อง
มิขัดข้องนองเลือดเนื้อเชื้อเดียวกัน
14 มีนาคม 2550 16:47 น.
เพชรพรรณราย
ใจอ้างว้างว่างเปล่าเศร้าเหงาหงอย
สายตาลอยปล่อยอารมณ์ความตรมหมอง
แขนอ่อนล้าขาอ่อนแรงแห่งใจปอง
เพียงร่ำร้องฟ้องน้ำตามาไหลริน
เหมือนโลกนี้มีเพียงเราเท่านั้นหนอ
น้ำตาคลอเฝ้าท้อถอยคอยถวิล
กลางผู้คนล้นหลามความเคยชิน
ไม่ยลยินสิ้นรสเสียงเพียงเดียวดาย
เฝ้ามองฟ้าหาใครเล่าใจเฝ้าถาม
ทุกชั่วยามตามหัวใจไร้จุดหมาย
โลกใบนี้มีอะไรตั้งมากมาย
น่าใจหายที่หมายนั้นมันไม่มี
เพียงเปลือยเปล่าเท่านั้นหรือคือความเหงา
ไม่หนักเบาเปล่าว่างไร้ทางหนี
อยู่โดดเดี่ยวเปลี่ยวกายาค่าชีวี
จึงไม่มีที่ให้สุขใจทุกข์ทน
เพราะนี่หรือคือเวลาพาความเหงา
ที่รุมเร้าเข้ามาพาหมองหม่น
ห้วงอารมณ์บ่มเรื่องราวปวดร้าวตน
เป็นเหตุผลคนหงอยเหงาเศร้าหัวใจ
11 มีนาคม 2550 12:23 น.
เพชรพรรณราย
ห้วงจาบัลย์วันอ้างว่างห่างความรัก
ยากห้ามหักผลักความเศร้าเหงาให้ห่าง
กอดกายเปลี่ยวยืนเดียวดายตามรายทาง
รักไกลห่างอ้างว้างหนอสุดท้อใจ
เหนื่อยหัวใจไปกับรักที่หักสิ้น
น้ำตารินถวิลหากลับมาใหม่
หากอดีตขีดผ่านแล้วแคล้วหวนไป
เพียงร่ำไห้ใฝ่หาด้วยอาวรณ์
เงาจันทร์ส่องแหงนมองฟ้าหาเพื่อนเหงา
ร้างไร้เงาเฝ้าเพรียกหาใจล้าอ่อน
ความเจ็บปวดนวดใจเหงาเฝ้าอ้อนวอน
ให้บั่นทอนผ่อนความช้ำระกำตรม
ใครสักคนผ่อนปรนหมองร้องเรียกพร่ำ
ช่วยผ่อนช้ำนำหนทางร้างขื่นขม
มาเติมต่อก่อความหวังฝังอารมณ์
ฉุดรักขมที่จมปรักรักมลาย
เพียงรอคอยน้อยใจในความหวัง
น้ำตาหลั่งยังรินไหลไม่ขาดสาย
ความเจ็บปวดรวดร้าวใจไม่เคยคลาย
ภายสุดท้ายหมายให้เห็น...รอยน้ำตา
4 มีนาคม 2550 19:39 น.
เพชรพรรณราย
เดินเหม่อลอยค่อยค่อยเคลื่อนเลื่อนกายร่าง
สองเท้าย่างตามทางเท้าเข้าวิถี
ไร้จุดหมายปลายทางหวังตั้งชีวี
บนทางที่มีฝูงชนคนมากมาย
กริ๊กกริ๊ง...กลิ้ง...นิ่งยืนมองจ้องจับจิต
เพ่งพินิจพิจารณาหาความหมาย
เหรียญหนึ่งบาทวาดให้เห็นเป็นประกาย
ใครทำหายก้มกายเก็บเหน็บมือกำ
เสียงดังพลัก..หน้าหักคว่ำคะมำล้ม
เพราะมัวก้มลมแทบใส่ใจระส่ำ
อะไรนี่โชคดีแล้วไม่แคล้วกรรม
นั่งพูดพร่ำคำสบถรันทดจริง
พอยันกายหมายลุกขึ้นกลับมึนหนัก
เซเสียหลักหักลงคลองของน้ำทิ้ง
ทนกลิ่นเหม็นแทบเป็นบ้ามาติติง
กึ่งเดินวิ่งให้ถึงห้องต้องจำทน
ถึงประตูดูนั่นมันซวยช้ำ
กุญแจเจ้ากรรมฉันทำหล่น
เจ็บปวดนักปักใจซึ้งถึงใจตน
ฉันเป็นคนแสนอาภัพนับกับวานวัน
จาดโชคดีมีที่ไหนใจเจ้าเอย
ไม่นึกเลยเคยจะสุขทุกแปรผัน
โชคชะตาพาแปรแก่ชีวัน
ให้ตัวฉันนั้นเคราะห์ร้าย...จำได้ดี