22 กุมภาพันธ์ 2550 17:21 น.
เพชรพรรณราย
สายลมแว่วแผ่วไหวใจอ่อนหวิว
ลมผ่านผิวปลิวสะบัดพัดไม้ไหว
ยืนอ้างว้างกลางลมผ่านร้าวรานใจ
ลมรักไกลใจคิดหวนมิทวนคืน
เหงาเปล่าเปลี่ยวเดียวดายใจหายห่าง
เคยเคียงข้างมาร้างกันมันสุดฝืน
เหม่อมองฟ้าถามหาเจ้าเฝ้ากล้ำกลืน
สะอึกอื้นยืนเพรียกพร่ำร้องคร่ำครวญ
ร้องเพลงหวานผ่านสายลมจมห้วงเหงา
บทเพลงเก่าเราร่วมร้องฟ้องลมหวน
คำเอ่ยอื้อนเตือนความหลังฝังรัญจวน
ร่ำเพลงหวนทวนความหลังหลั่งน้ำตา
ฝากลมแว่วแผ่วไหวไปถึงเจ้า
ด้วยเพลงเก่าให้เจ้าหวนทวนมาหา
ทวงรักเก่าที่เจ้าเลือนเบือนสัญญา
ให้รู้ว่าข้าเฝ้าคอยด้วยน้อยใจ
ลมเจ้าเอ่ยเฉลยเพลงแห่งคิดถึง
ให้ติดตรึงซึ้งถ้อยร้อยหวั่นไหว
จงรับรู้ผู้เฝ้าคอยเจ้าเหงาเพียงใด
คืนหัวใจมาใกล้กันดั่งสัญญา
18 กุมภาพันธ์ 2550 11:58 น.
เพชรพรรณราย
คืนเดียวดายกายเปลี่ยวเปล่าแสนเเหงาหงอย
กับคนคอยน้อยใจหมองร้องเรียกหา
ทนรอรักที่พลัดพรากจากชีวา
ร่ำน้ำตาสัญญาไว้ก่อนไกลกัน
คืนเหน็บหนาวคราวนั้นวันที่จาก
รักนี้ยากหากหัวใจนั้นไหวหวั่น
ความเปลี่ยนแปลงแห่งเวลาพาชีวัน
รักคงมั่นอาจเปลี่ยนไปใจสองเรา
ยามสับสนจนใจให้จำไว้
เชื่อหัวใจในศรัธทาอย่าหมองเศร้า
ความรักมั่นผันแปรได้หากใจเบา
ความหงอยเหงาเราอ่อนล้าอย่าท้อใจ
หากคิดถึงเพียงมองฟ้าดาราจันทร์
มองหาฉันจากจันทร์ดาวคราวอ่อนไหว
หากท้อถอยพลอยอ่อนล้าลงคราใด
ฉันอยู่ใกล้เธอเสมอเหม่อมองดาว
แม้เป็นคืนยืนเดี่ยวดายกายเปลี่ยวเปล่า
ใจสองเราไม่เหงาหงอยคอยปวดร้าว
ถึงจะจากพรากไกลนักรักยืนยาว
สองเราก้าวด้วยรักมั่นในศรัทธา
16 กุมภาพันธ์ 2550 16:35 น.
เพชรพรรณราย
วาสนาหมาวัดน้อยแค่คอยเห่า
ได้แต่เฝ้าเห่าดอกฟ้าแก้วตาหวาน
มิเอื้อมอาจมาตรประสงค์แม่นงคราญ
ยากจะหาญโน้มดอกฟ้ามาเชยชม
ความรู้สึกลึกจากใจเก็บไว้อยู่
เพราะว่ารู้ไม่ควรคู่ดูขื่นขม
ได้เพียงมองฟ้องแววตาหมาวัดตรม
ห้วงอารมณ์ขมขื่นกลืนน้ำตา
ยุติธรรมคำไม่จริงสิ่งในโลก
หมาวัดโศกโชคซะตาพาต่อว่า
ความทัดเทียนเปี่ยมเสมอเพียงมายา
แค่วาจาค่าเพียงถ้อยแค่ร้อยเรียง
เป็นหมาวัดมันขัดสนจนทางออก
ต้องจนตรอกให้ชอกช้ำกำเนิดเบี่ยง
เกิดเป็นหมาค่าที่รู้ไม่คู่เคียง
ได้แต่เพียงเปล่งเสียงแค้นแสนน้อยใจ
ดอกฟ้าเจ้าเฝ้าอยากสอยด้อยแรงนัก
มีแค่รักต้องหักห้ามความหวั่นไหว
ปล่อยเขาชมระทมร้องหมองอาลัย
เพราะว่าไร้ในวาสนา..... แค่หมาวัด
11 กุมภาพันธ์ 2550 14:54 น.
เพชรพรรณราย
หนาวหัวใจไหวหวั่นเหงาแสนเศร้าหนอ
ใจที่รอก็ท้อถอยน้อยความหวัง
ความเหน็ดหนาวคราวเปลี่ยวเปล่าเพียงลำพัง
ทุกคราวครั้งชั่งร้าวรวดแสนปวดใจ
กายที่หนาวคราวเหมันต์เพียงผ้าห่ม
ใจระทมห่มห่อรักปกปักษ์ได้
เพียงแต่ฉันวันนี้ไม่มีใคร
จึงหวั่นไหวใจหนาวคราวเดียวดาย
กอดกายเปลี่ยวเหลียวหาใครให้ความรัก
ท้อใจนักยากหักห้ามยามห่างหาย
รักทั้งหวังครั้งลมหนาวร้าวใจกาย
หนาวใจกายมิวายว่างห่างน้ำตา
ลมหนาวพัดสะพัดพลิ้วผ่านผิวกร้าน
กายสะท้านหนาวสะบั้นพลันห่มผ้า
ลมหนาวใจไม่บรรเทาเหงาชีวา
แสนอ่อนล้าหารักห่มกลับตรมตรอม
หนาวใจจริงยิ่งหารักยากนักเล่า
ทุกคืนเหงาเฝ้าโหยหามาถนอม
รักเจ้าไกลใจสมหวังครั้งเปล่าปลอม
เพียงแต่ย้อมกล่อมใจหนาวคราวปวดใจ
8 กุมภาพันธ์ 2550 10:52 น.
เพชรพรรณราย
สุดสายตาฟ้าสีครามยามผิดหวัง
สุดลึกหยั่งดั่งนาวาพาหวั่นไหว
สูงสุดเขาลำเนาก้าวคราวร้าวใจ
ผ่านมาไกลใจหมองเศร้าเฝ้าคิดครวญ
หลังเป็นแผลยากแก้ไขได้ดังเก่า
ข้างกายเหงาเปล่าเปลี่ยวนักรักยากหวน
มองข้างหน้าว่ามืดมนทนรัญจวน
ใจเรรวนด่วนจะสิ้นดิ้นดับตาย
ยามสับสนยากพ้นความหม่นเศร้า
จำเก็บเอาความเหงาท้อต่อจุดหมาย
หนึ่งชีวิตลิขิตอยู่เพียงร่างกาย
เมื่อจุดหมายที่ปลายฝันมันเปลี่ยนแปร
คงเป็นกรรมนำชะตาพาให้หม่น
ลิขิตผลให้ทนเศร้าสู่เราแน่
ความเจ็บปวดรวดร้าวใจร้างใครแล
ให้ท้อแท้แพ้ทุกสิ่งทิ้งตัวตน
โลกหมุนไปอย่างไรไม่ขอรู้
ฉันขออยู่คู่ความเศร้าเฝ้าหมองหม่น
เมื่อชะตาฟ้ากำหนดกฏของคน
จึงยอมทนกลชะตาฟ้ากฏเกณฑ์