24 สิงหาคม 2549 14:13 น.
เพชรพรรณราย
ยังจดจำย้ำตรึงคำนึงอยู่
เจ้ายอดชู้ยอดพธูผู้ไกลห่าง
วันเก่าเก่าเงาความหลังฝังใจวาง
ก่อนจะร้างห่างกันไปใจสองเรา
ใต้ขุนเขาเงาเมฆคล้อยลอยลมหนาว
ใต้ฟ้าพราวคราวฟ้าสางทางขุนเขา
ใต้แมกไม้น้อยใหญ่ให้ร่มเงา
เพียงสองเราลำเนาแคว้นแดนพงไพร
หมอกเจ้าคล้อยลอยเอื่อยเฉื่อยตามลม
จากพื้นพรมนั่งชมเขาสองเราใฝ่
หมอกเจ้าเคลื่อนเลื่อนมาบังยังภูใหญ่
ให้จับใจเมื่อได้มองกับน้องนาง
แสงอาทิตย์ทอแสงทองสู้ท้องฟ้า
ทอแสงมาสู่ผาภูดูฟ้าสาง
กระทบหมอกระรอกเงาเข้าทุกทาง
ม่านทองวางสร้างบนผาน่ายลชม
จึงฝากฝังยังคำมั่นสัญญารัก
จะพิทักษ์สลักไว้ไม่ให้ขม
ดั่งขุนเขากับหมองทองคล้องอารมณ์
อย่าให้ตรมระบมร้าวทุกคราวคืน
ให้สัญญา ภูผาม่าน คนขานกล่าว
ให้น้องสาวจงก้าวหน้าอย่าเป็นอื่น
สุขสมหวังดังตั้งใจที่ใฝ่ยืน
แล้วหวนคืนมาชื่นรักปักสองใจ
พี่จะรออยู่ตรงนี้ตรงที่เก่า
ที่สองเราเคล้าคลอคู่ดูเขาใหญ่
ในดินแดนแคว้นดอกคูณถิ่นพงไพร
รอหัวใจในเราสองมาครองเคียง
22 สิงหาคม 2549 12:31 น.
เพชรพรรณราย
ผืนแผ่นดินผืนน้อยคอยเพาะปลูก
ให้ลูกลูกปลูกฝังตนจนเติบใหญ่
หาวิชาพาความรู้เป็นคู่ใจ
เก็บไว้ใช้ในชีวิตลิขิตตน
พ่อสอนลูกผูกไว้ในสำนึก
ให้ตรองตรึงนึกสิ่งดีมีเหตุผล
อย่าพาตัวมัวเมาในทุกคน
แม้ใจจนอย่าสับสนจงทนไป
จนปีกกล้าขาแข็งมีแรงสู้
เผชิญสู้ดูโลกกว้างอย่างสดใส
จนเวลาพาล่วงเลยเผยความนัย
โลกกว้างใหญ่ไม่เหมือนบ้านที่ผ่านมา
เพราะคำสอนสนทรซึ้งตรึงใจอยู่
แม้อดสูจะสู้ทนค้นปรารถนา
หวังเอาฝันอันควรค่าที่จากมา
แต่ซะตาฟ้าลิขิตถูกลิดรอน
จึงต้องช้ำระกำหมองร้องร่ำไห้
เจ็บหัวใจหม่นไหม้ใจไหวอ่อน
ความผิดพลาดอนาจจริงสิ่งบันทอน
ใจถูกกร่อนแสนอ่อนแอพ่ายแพ้ตน
หอบความช้ำนำกลับดินถิ่นกำเนิด
ลาเสียเถิดโลกกว้างใหญ่ใจสับสน
เพียงแค่นี้ก็พอแล้วแก้วกมล
มันเจ็บจนทนไม่ไหวใจระอา
ยืนบนถิ่นดินของพ่อน้ำตาไหล
ขออภัยไม่สมหวังดังค้นหา
มีแต่ช้ำนำมาฝากที่จากมา
ร่ำน้ำตาแทบเท้าพ่อท้อเหลือเกิน
คำของพ่อต่อลูกน้อยผู้ด้อยค่า
หากผิดหวังมีน้ำตาอย่าห่างเหิน
กลับมาพักแผ่นดินพ่อท้อจะเดิน
จงอย่าเมินเดินบนทางอย่างที่ควร
เหมือนมีแรงแฝงนัยใจสำนึก
เปิดผนึกตรึกตราคราคืนหวน
คำของพ่อต่อลูกผูกใจครวญ
คิดทบทวนหวนอดีตกรีดน้ำตา
จะขอเอาแผ่นดินพ่อขอหลบพัก
ไม่นานนักก็จักเดินเผชิญหน้า
ขออภัยในตอนนี้ที่พลาดมา
แต่วันหน้าจะคว้าฝันนั้นมาครอง
21 สิงหาคม 2549 15:08 น.
เพชรพรรณราย
ล้านสายฝนหล่นพื้นทรายซึมหายแห้ง
ทั่วทุกแห่งแหล่งในไม่เคยอยู่
กับสายน้ำที่ฉ่ำฝนหล่นฤดู
ไม่เคยอยู่เป็นอู่น้ำตามพื้นทราย
แม้มีบ่อก่อร่างวางให้เห็น
ก็มิเว้นเกณฑ์กำหนดกฏมุ่งหมาย
ธรรมชาติวาดไว้มิเคยกลาย
ล้วนซึมหายผ่านทรายพื้นผืนทะเล
รักของฉันมันเหมือนฝนหล่นจากฟ้า
หล่นลงมาเติมรักมิหักเห
กับความรักปักใจไม่โลเล
ไร้คำลวงเสแสร้งไม่แกล้งทำ
มอบให้เธอผู้เพ้อรักปักคนอื่น
จึงกล้ำกลืนฝืนทนหม่นใจช้ำ
รักข้างเดียวเปลี่ยวเปล่าเศร้าระกำ
มันตอกย้ำทำใจเจ็บเหน็บมิวาย
เธอจึงเหมือนพื้นทรายน้ำแห้งขาด
ฝนที่สาดมิอาจอุ้มดินชุ่มหาย
กี่ร้อยฝนร่วงหล่นพื้นผืนบ่อทราย
ก็แห้งหายมลายไปในทันที
แต่สายฝนก็หล่นลงตรงพื้นทราย
แม้เหือดหายซึมทรายสลายหนี
เพียงหยดหนึ่งถึงทรายก็ยังดี
เพียงแค่นี้ก็ดีถมแม้ตรมตรอม
6 สิงหาคม 2549 14:30 น.
เพชรพรรณราย
อาจเพราะเราไม่เข้าใจใครเขาคิด
ยอมรับผิดจิตประวิงทิ้งสงสัย
จะลงดาบให้ซาบซึ้งให้ถึงใจ
ก็จะไม่ขัดขืนจะฝืนทน
เพียงเพราะซื่อถือคำสอนสุนทรซึ้ง
ที่ตราตรึงรำพึงหวนครวญใจหม่น
ความถูกผิดคิดชอบระบอบตน
ยากข้ามพ้นจนใจให้พลิกแพลง
เป็นลูกน้องของเจ้านายมิหมายรัก
งานแสนหนักมิปักใจให้เติมแต่ง
ไม่ไว้ใจทำอะไรให้ระแวง
พูดเสแสร้งแกล้งทำดีตีหน้าตาย
เกิดมาซื่อหรือจะผิดคิดหม่นไหม้
เพราะอะไรใครไม่ชอบตอบความหมาย
หรือเพราะซื่อคือเดือนร้อนมากร่อนกาย
จึงให้ร้ายขายคนอื่นยืนหยัดตน