21 มกราคม 2550 11:36 น.
เพชรพรรณราย
โลกหมุนเปลี่ยนเวียนตามกาลผ่านชีวิต
คู่จันทราอาทิตย์ลิขิตผัน
สิ่งทั้งหลายกลับกลายแปรแก่สิ่งอัน
ทุกสิ่งสรรค์ต่างผันไปในเวลา
สรรพสิ่งอุบัติก่อต่อชีวิต
ให้ลิขิตดิ้นรนต่างค้นหา
สิ่งปัจจัยได้อาศัยในโลกา
แสวงหาชีวาอยู่สู้ดิ้นรน
ความเปลี่ยนแปลงแฝงให้เห็นเป็นวัฏจักร
ด้วยนัยลักษณ์เกิดแก่ตายขยายผล
เพราะมิอาจหลบลี้ได้ในทุกคน
ยากข้ามพ้นจนแก่กฎกำหนดแปร
ดั่งหยดน้ำพร่ำฝนหล่นพื้นดิน
จากหลายถิ่นเป็นลำธารผ่านกระแส
สู่ลำนำน้ำใหญ่วางไว้แล
ในสมุทรสุดแท้หมายที่ปลายทาง
ปริศนาสายน้ำฝนกลชีวิต
ขีดลิขิตยากบิดเบือนเหมือนตัวอย่าง
กี่สายฝนหล่นจากฟ้ามาตามทาง
ถูกจัดวางให้ก้าวย่างทางเดียวกัน
ทุกชีวิตคล้ายสายฝนหล่นจากฟ้า
เพราะเกิดมาค่าเริ่มก่อต่อสิ่งสรรค์
มีเกิดแก่และเจ็บป่วยด้วยชีวัน
สุดท้ายนั้นมีความตายเป็นปลายทาง
20 ธันวาคม 2549 13:25 น.
เพชรพรรณราย
หรือแค่เพียงลมปากฝากไว้เปล่า
สัญญาเก่าเจ้าลืมเลือนเบือนใจหนี
รักเคยพร่ำน้ำคำหนักปักชีวี
ยากจะมีกี่สิ่งใดให้เทียมทัน
เป็นรักแท้มอบแก่กันมั่นสัจจะ
ศาลเพียงตาหน้าพระไทรไม่ไหวหวั่น
ต่อจากนี้ไม่มีใครในชีวัน
ฝากใจมั่นจากวันนี้ไม่มีแปร
แล้วตอนนี้คนที่เอ่ยเปรยอยู่ไหน
สัญญาไว้ทำไมหลอกยอกใจแย่
ก่อนมีเธอก็มีฉันหมั่นดูแล
วันนี้แย่แม้แต่เงาเจ้าไม่มี
รักแท้แท้แม้อะไรไม่เทียบสู้
แต่ที่รู้อยู่แค่ปากยากหลีกหนี
ตราบฟ้าเขาเจ้าทลายร้ายสิ้นดี
ไม่กี่ปีก็มีใหม่ใจของคน
แพ้ใจคนยอมทนเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
รักแท้หมายแค่ปลายฝันอันสับสน
เอาความเหงาเข้าเป็นเพื่อนเตือนใจตน
ดีกว่าคนมอบรักแท้แค่หลอกลวง
27 กันยายน 2549 15:29 น.
เพชรพรรณราย
ก่อนจะจากฝากถ้อยให้คอยพบ
จนเมื่อครบทบวันหวนคร่ำครวญหา
ยังคงรอต่อคำนำสัญญา
ถ้อยวาจาว่าให้รออย่าท้อใจ
คืนและวันผันไปไม่คืนกลับ
คงเฝ้านับกับวันผ่านนานเพียงไหน
กับคำรักสลักมั่นสัญญาใคร
ที่ฝากไว้ก่อนไกลห่างอย่างเดียวดาย
รอและรอต่อเธอเสมอมั่น
รอทุกวันจนผันไปให้ใจหาย
จากหนึ่งปีนี่ย่างเข้าสองปีปลาย
หรือหลอกชายขายสัญญาค่าสองเรา
สัญญาให้ใช่ลายลักษณ์เป็นอักษร
เพียงขอวอนสุนทรครั้งก่อนเก่า
มันไร้ค่าเพียงสัญญาว่าปากเปล่า
ไม่นานเล่าเจ้าลืมเลือนเบือนหายไป
เจ้าคงลืมคนบ้านนอกเคยบอกรัก
คอยพบพักตร์ปักใจไม่หวั่นไหว
ลืมบ้านนาลาทุ่งท้องหมองอาลัย
ลืมหัวใจใครสักคนที่ทนรอ
ฝากลมหนาวคราวฝนว่าคนหนึ่ง
ฝากถ้อยถึงซึ่งสัญญาค่าตั้งต่อ
ย้ำคำมั่นวันเก่าเราเกริ่นก่อ
ว่ายังรอไม่ท้อถอยคอยแก้วตา
22 กันยายน 2549 13:09 น.
เพชรพรรณราย
แสนเปล่าเปลี่ยวเดียวดายกายหมองเศร้า
นั่งกอดเข่าเฝ้ามองฟ้าหาเพื่อนเหงา
มีกี่คนเล่าจนใจจักเหมือนเรา
อยู่กับเศร้าเราอ้างว้างกลางค่อนคืน
มิได้หลับจับจิตครุ่นคิดหวน
ใจคร่ำครวญรัญจวนหมองฟ้องใจตื่น
ดังโลกนี้มีแต่เราเฝ้ากล้ำกลืน
แสนขมขื่นยืนมองฟ้าน้ำตานอง
แหงนมองฟ้าหาเพื่อนใจอยู่ไหนหนอ
ก้มหน้าท้อต่อวันผ่านกาลหม่นหมอง
หนาวหัวใจไร้กำลังตั้งประครอง
เพียงร่ำร้องกับท้องฟ้ายามราตรี
มิอายฟ้าดาราเดือนเพื่อนยามท้อ
เพียงอยากขอต่อเจ้าอย่าไกลหนี
ให้ฉันนั้นมั่นใจในชีวี
ที่ยังมีดาวเดือนเป็นเพื่อนใจ
ปลอบใจน้อยละห้อยเหงาบรรเทาหม่น
ยามสับสนอับจนหมองร้องร่ำไห้
ความอัดอั้นมันสับสนหนทางไป
ฝากไปให้ได้รับรู้หมู่เดือนดาว
อยู่กับฉันทุกคืนเมื่อกลืนช้ำ
ให้ฉันพร่ำย้ำวจีที่ปวดร้าว
เป็นเพื่อนเหงายามเราท้อมาขอกล่าว
เล่าเรื่องราวคราวหลังประทังใจ
22 กันยายน 2549 12:36 น.
เพชรพรรณราย
เมื่อฝนมาฟ้าครึ้มเมฆวิเวกเหงา
ความหมองเศร้าเข้ามาถามยามฝนหลั่ง
ความเจ็บปวดรวดร้าวคราวหวังพัง
กอดเข่านั่งหลังพิงฝาน้ำตานอง
ใจเจ้าเอยมิเคยลบจบอดีต
ตามคอยกรีดเฉือนใจให้หม่นหมอง
ความท้อแท้สุดแก้ไขเมื่อใฝ่ปอง
นั่งร่ำร้องพ้องกับฝนหล่นลงดิน
น้ำตาฟ้าน้ำตาคนร่วงหล่นพื้น
สุดสะอื้นคืนวันเก่าเราถวิล
คืนและวันผันผ่านมาน้ำตาริน
เพราะมันสิ้นผินไปในวันวาน
คราวฝนตกยากปกปิดความผิดพลาด
เหมือนมีดบาดวาดแผลเป็นเห็นรอยผ่าน
ใจของฉันมันมีแผลแต่ก่อนกาล
ให้ร้าวรานผ่านสายฝนปนน้ำตา
ทุกสายน้ำที่ฉ่ำเย็นเป็นฉันเศร้า
ป่าลำเนาเขาสดชื่นยืนก้มหน้า
วันฟ้าหม่นฝนหล่นร่วงดวงชีวา
ฉันกลับหาพาแต่ทุกข์ท้อระทม