6 มิถุนายน 2552 15:57 น.
เพชรพรรณราย
นั่งหงอยเหงาเปล่ากายเดียวดายหม่น
น้ำตาหล่นบ่นเพ้อพร่ำรำพันหมอง
เหลียวหาใครปลอบใจถามยามร่ำร้อง
ไร้คนมองนองน้ำตาอุราตรม
มองต้นไม้ใบหญ้าป่าเงียบงัน
ตวงตะวันพลันลับฟ้าพาขื่นขม
ภูเขาใหญ่ไยชาเฉยเลยระทม
ใจระบมชมฟ้าเมื่อราตรี
จันทร์ค่อยเคลื่อนเลื่อนช้าช้าสุดฟ้าขอบ
ดาวล้อมกรอบคล้ายปลอบจันทร์รับขวัญพี่
ทิ้งฉันเหงาเศร้าคนเดียวเปลี่ยวชีวี
คล้ายโลกนี้มีเพียงเราเผ้าท้อทน
แสงจันทร์ส่องท้องน้ำใสให้เหหัก
เห็นดวงพักตร์ถักทอเงาดูเศร้าหม่น
น้ำตาแซมแก้มสองข้างอ้างว้างตน
ตาแดงข้นปนเลือดคล้ายสายน้ำตา
หรือเพียงเงาเท่านั้นมันเป็นเพื่อน
ที่ดูเหมือนไม่เลื่อนจากหากมองหา
ยามร้องไห้ใจช้ำระกำมา
เมื่อไร้ค่าล้าอ่อนแรงจะแข่งใคร
เพราะในยามไม่มีใครได้เคียงข้าง
ยามอ้างว้างว่างเปล่าเหงาหวั่นไหว
หากรู้สึกลึกร้าวหนาวหัวใจ
เก็บซ่อนไว้ให้แค้นคั่งเมื่อพังเพ
อย่างน้อยน้อยยามหงอยเศร้าเราหม่นไหม้
ร่วมร้องไห้ไม่หนีช้ำทำแสร้งเส
ยามที่ทุกข์ปลุกโศกนั้นวันรวนเร
ยังหักเหมาเห่ก้องร้องด้วยกัน
นั่งเหงาหงอยปล่อยน้ำตามารินหลั่ง
เงาก็ยังนั่งตรงหน้าพาโศกศัลย์
ความเจ็บปวดรวดร้าวกายมากมายนั้น
เงาของฉันมันร้องด้วยช่วยช้ำตรม
25 พฤษภาคม 2552 13:43 น.
เพชรพรรณราย
ทาบมือลงตรงแผ่นพื้นผืนดินเกิด
ช่วยลูกเถิดโปรดเปิดทางสร้างความฝัน
ด้วยทุกข์ยากลำบากแสนขาดแคลนกัน
จำต้องผันหันหน้ามุ่งสู่กรุงไกล
อฐิษฐานผ่านพระแม่แผ่ดวงจิต
โปรดประสิทธิ์พิศรักษาอย่าหวั่นไหว
ลูกจำจากพรากจรเว้าวอนไป
อยู่แห่งไหนให้รักษาอย่าคลาดคลา
ยกมือก้มพนมกราบทาบพื้นแผ่น
จำจากแดนแคว้นถิ่นเกิดกำเนิดข้า
ลาแม่พ่อขอพรฝากจากยายตา
แล้วมุ่งหน้าสู่ฟ้าไกลในต่างดน
ทุ่มแรงกายหมายด้วยหวังตั้งจากบ้าน
สู้กับงานไม่คร้านเกลียดรังเกียจแก่น
ป่าคอนกรีตขีดให้สู้อยู่เมืองแมน
เพราะแร้นแค้นบ้านแสนไกลจำใจทน
เหมือนบุญซ้ำกรรมกระหน่ำมาทำพิษ
เศรษฐกิจปิดทางหวังพังใจหม่น
มันโทรมทรุดฉุดงานหายหลายผู้คน
หนีไม่พ้นจนใจหวนทวนกลับคืน
เก็บกระเป๋าเข้าสะพายสายคาดบ่า
เดินก้มหน้าลาเมืองใหญ่ใจขมขื่น
กอดกระเป๋าเฝ้าตัดพ้อท้อกล้ำกลืน
สะอึกอื้นยืนมองบ้านผ่านน้ำตา
กราบตักแม่แค่นี้พ่อต่อไม่ไหว
ขออาศัยในบ้านป่านี้เถิดหนา
หัวใจพังหวังสิ้นหนอขอเยียวยา
ปีกที่กล้าลูกล้าหนักขอพักใจ
ทาบมือไว้ในอกแน่นแสนสะอื้น
กราบบนพื้นลูกคืนถิ่นสิ้นฝันใฝ่
ไม่เหลือแล้วแก้วแห่งหวังพังลงไป
มาอาศัยในพระแม่ลูกแพ้พัง
อฐิษฐานผ่านอีกครั้งฝังดวงจิต
ถึงพลาดผิดไม่คิดถอยพลอยสิ้นหวัง
แค่วันนี้ไม่มีโชคโลกใหญ่ยัง
เพียงมานั่งตั้งหวังใหม่ในบ้านนา
23 พฤษภาคม 2552 17:12 น.
เพชรพรรณราย
เหม่อมองจันทร์ที่ผันส่องท้องฟ้าไกล
ให้อ่อนไหวใจล่องลอยค่อยเบาหวิว
หากลมต้องคงล่องไปใจไหวปลิว
ไหวกายพลิ้วลิ่วสู่แสงในแรงจันทร์
จันทร์ดวงกลมขมกลืนคืนเดือนหงาย
เมื่อหนึ่งชายหมายคิดถึงรำพึงฝัน
ด้วยความรักที่หักห้ามตามคืนวัน
ที่พลักดันสู่วันเศร้าเหงาเดียวดาย
จึงจำต้องมองเหม่อเพ้อห่วงหา
เปรียบดวงหน้าค่าแสงจันทร์อันมุ่งหมาย
สองมือคว้าไม่ลาหยุดฉุดร่างกาย
ช่างเหมือนคล้ายชายขี้เหล้าเมาโซเซ
หากที่เมาใช่เหล้าแต่เมาหนัก
เมาดวงพักตร์ปักดวงจันทร์วันหักเห
เมื่อความรักถูกหักห้ามยามพังเพ
ใช่แสร้งเสโซเซซัดจัดท่าที
แสงจันทร์เสิ้ยวยังเทียวเมาเฝ้าคิดถึง
คืนดับหนึ่งถึงกระอักยากหักหนี
ไม่อาจสิ้นวิญญาณรักปักชีวี
จนใจนี้มีแต่เหงาเศร้าระบม
กี่วันผ่านานเพียงใดไม่สร่างสา
เหล้าโซดาไม่ช้านักเทียบรักล่ม
หากเมารักยากหักห้ามความขื่นขม
ร้าวระบมจมใจแค้นสุดแสนเมา
23 พฤษภาคม 2552 16:51 น.
เพชรพรรณราย
ขอนไม้ผุลุถึงฝังเมื่อครั้งสาย
เปื่อยสลายกลายเป็นซากยากคืนขอน
ทรายทับถมให้จมพื้นคลื่นบันทอน
ยากจะถอนจรจากไกลไปตามทาง
จะมีใครมาใส่ใจไม้ผุพัง
สิ่งมุ่งหวังตั้งใจหากลับลาห่าง
ความต้องหารผ่านอดีตขีดให้สร้าง
กลับทิ้งขว้างอย่างไร้ค่าไร้ราคา
เมื่อไม่รักไยเฝ้าให้เราหวัง
แค่ปากพลั้งช่างโง่เง่าเขลาหนักหนา
เป็นคำลวงยากทวงถามตามสัญญา
ที่ผ่านมาค่าแค่เพื่อนเตือนคำลวง
หลอกให้รักแล้วหักอกตกน้ำตา
หลอกใช้ค่าศรัทธารักชักใจพ่วง
หลอกให้หลงประสงค์ใฝ่ให้เราห่วง
ท้ายมาลวงร่วงหล่นรินกินน้ำตา
ไม้เปื่อยเน่าเขาหลอกใช้แล้วไกลจาก
เขาใช้ปากฝากคำหวานผ่านชิวหา
ให้ความหวังตั้งเงื่อนไขในสัญญา
สมปรารถนาก็ลาหนีตีหน้าตาย
8 เมษายน 2552 14:39 น.
เพชรพรรณราย
กำเม็ดทรายค่อยคลายมือถือสัมผัส
สายลมพัดสะบัดปลิวพลิ้วเป็นสาย
ทรายล่วงหล่นคนยืนมองจ้องดูทราย
ร่วงเป็นสายคล้ายเม็ดฝนหล่นพร่ำพร่ำ
มองบนพื้นคลื่นซัดฝั่งยังชายหาด
คลื่นซัดสาดไม่ขาดเสียงสำเนียงร่ำ
ทรายไหวไหวไหลตามคลื่นในผืนน้ำ
เหมือนร่ายรำตามคำคลื่นเฝ้ายืนมอง
ดวงอาทิตย์สถิตฟ้าแจ่มจ้าแสง
ความร้องแรงแฝงรังสีที่ผันส่อง
ประเม็ดทรายชายหาดแห้งเมื่อแสงต้อง
เดินย่ำย่องต้องเร่งก้าวผ่าวผิวกาย
เมื่อน้ำหลากทรายมากมายก็หายลับ
หายไปจับกับน้ำฝนหล่นเป็นสาย
เกิดเป็นแอ่งแต่งชายหาดน้ำสาดทราย
น้ำแห้งหายทรายก็ปลิวลิ่วกับลม
หากชีวิตผิดหวังแม้ครั้งหนึ่ง
ให้มองซึ้งถึงเม็ด ทรายหมายสั่งสม
ปรับตัวเองให้เก่งค่าอย่าให้จม
สู้แดดลมแก้ปมข้อต่อชะตา
กำเม็ดทรายหมายปลุกแรงเพื่อแต่งฝัน
เมื่อฝ่าฟันหมั่นปรับแปลงแสวงหา
ค่อยเคลื่อนไปอย่าได้หยุดฉุดเวลา
ปรับแต่งค่าหาจุดยืนดังผืนทราย