31 ธันวาคม 2547 14:02 น.
เพชรพรรณราย
สลักร้อยถ้อยอักษรเป็นกลอนหวาน
แทนดวงมาลย์ประสานสร้อยร้อยภาษา
เรียบเรียงร่างสร้างสรรคำจากตำรา
สื่อภาษาน่าหลงใหลในทำนอง
สู่ดวงใจใฝ่หวังที่ตั้งจิต
สู่ความคิดลิขิตใจไม่หม่นหมอง
จากคนหนึ่งซึ่งต่ำต้อยด้อยใฝ่ปอง
เพื่อพี้น้องผองเรานี้ที่พบพา
เป็นบทกลอนอวรพรท่านวันปีใหม่
คิดสิ่งใดให้สมมาตรปรารถนา
สุขสมหวังดังตั้งใจทุกเวลา
ภัยอันใดอย่าใด้มีมากร้ำกราย
ให้แคล้วคลาดปราศจากสิ่งมัวหมอง
งานทั้งผองรองเรืองรุ่งถึงจุดหมาย
ให้เบิกบานสำราญใจไม่วางวาย
ทุกข์ทั้งหลายมลายร้างห่างสิ้นเทอญ
21 ธันวาคม 2547 10:58 น.
เพชรพรรณราย
อยากหมุนเปลี่ยนเวียนเวลาพาหวนคืน
ไปในวันอันขื่นขมตรมไม่หาย
ก่อนที่ทุกข์ท้อทนจะกร้ำกราย
ก่อนที่หมายจะสิ้นดิ้นดับไป
อยากแก้ไขในสิ่งเก่าที่เราสร้าง
แก้ไขทางที่ร้างห่างอย่างหมองไหม้
หลีกจากการณ์ที่ผ่านผันวันท้อใจ
แล้วลิขิตทางใหม่ดังใจปอง
แต่เวลาพาไปไม่คืนหวน
จึงคร่ำครวญรัญจวนใจให้หม่นหมอง
มีแต่ช้ำระกำน้ำตานอง
อยู่แห่งใดใจหมองหม่นปนน้ำตา
ทำไมเล่าเราแพ้แก้ไม่ได้
เหตุอันใดใยจึงเป็นเช่นนี้หนา
สิ่งต่างต่างที่ย่างไปในเวลา
ทำให้ใจอ่อนล้าพาท้อทน
อยากจะลืมคืนวันอันเจ็บปวด
ที่ร้าวรวดปวดหัวใจให้สับสน
อยากจะลบรอยเก่าเราอับจน
หากไม่พ้นดิ้นรนกลับจนทาง
คงต้องจมตรมกับทุกข์แห่งอดีต
และคงกรีดหัวใจไม่หายห่าง
คงกัดกร่อนดวงใจนี้ไม่วายวาง
จนกว่าร่างร้างกายวายชีวี
24 พฤศจิกายน 2547 18:48 น.
เพชรพรรณราย
อยากถามฟ้าว่าเคยเหงาเศร้าบ้างไหม
ยามที่ไร้ดวงดาวคราวจันทร์หาย
หากต้องอยู่ผู้เดียวเปลี่ยวใจกาย
อยู่เดียวดายเมื่อสิ้นแสงแห่งดารา
อยากมีเพื่อนเตือนใจไม่ให้เหงา
เหมือนฟ้าเจ้ามีดาวพราวเวหา
หากตอนนี้ฉันไม่มีที่พึ่งพา
เหมือนที่ฟ้ามาคู่ค่าดาราเคียง
อยากให้ใครสักคนมาเข้าใจ
ร่วมเดินไปในหนทางไม่ร้างเลี่ยง
เหมือนฟ้าดาวพราวแสงใสในวังเวียง
หากฉันเพียงเหงาหงอยคอยผู้คน
ใครกันเล่าเขาจะมารู้จัก
มาเอ่ยทักปักใจคลายสับสน
ใครเล่าจะเข้าใจคราวอับจน
กลางวังวนไร้หนทางมาข้างเรา
ฟ้าเอ่ยฟ้าน่าอิจฉาฟ้าไม่หมอง
แต่ฉันนองน้ำตาอุราเหงา
ฟ้ามีเพื่อนเป็นเดือนดาวในลำเนา
แต่ฉันเศร้าใครเข้าใจนั้นไม่มี
ฉันทุกข์ทนจนไม่ไหวทำไมหนอ
มีแต่ท้อต่อไปไร้ทางหนี
มีแต่แพ้แม้เพียรไปในชีวี
เมื่อไม่มีพี่เพื่อนพ้องประคองไป
มีแต่ฟ้าเท่านั้นไม่ผันหาย
ไม่วางวายเข้าใจความหมายได้
ถึงฟ้าเจ้าไม่รับรู้ดูเข้าใจ
แต่ให้ใจคลายเหงาบ้างบางเวลา
9 พฤษภาคม 2547 15:42 น.
เพชรพรรณราย
ท่วงทำนองท่องท่าพาเคลื่อนไหว
หมุนเปลี่ยนไปในกลกาลที่ผ่านผัน
ทักสับเปลี่ยนเวียนรุกรับสารพัน
มีอาจรู้เล่ห์กลนั้นที่ผันแปร
ซ้ายหรือขวาขวาหรือซ้ายหมายที่ใด
ข้างหน้าไหมให้รู้สึกนึกไว้แน่
หรือข้างหลังชั่งใจคิดจิตเฝ้าแล
ทางไหนแน่แก้อย่างไรในทำนอง
รุกเข้ามาหลากสรรปั้นท่าใส่
รับคราดใดใจไหวสั่นผันเป็นสอง
จำต้องเจ็บด้วยเรานี้ที่เป็นรอง
มิอากป้องท้องท่าถาโถมมา
จำหาทางสร้างเชิงเราเฝ้านึกอ่าน
หากเนิ่นนาผ่านไปเราเสียท่า
ใช้กลถ่วงห่วงเอาไว้ในเวลา
เพื่อคิดหาพาโต้กลับปรับกระบวน
ใช้ความนิ่งประวิงจิตคิดอ่าน
ตาประสานอ่านท่วงท่าหาทางสวน
ใช้ความนิ่งสงบท่าพาคร่ำครวญ
แล้วทิ้งทวนท่าโต้ตอบที่ชอบใจ
มาอย่างไรไปอย่างนั้นนึกพลันแก้
ล้วนแล้วแพ้แก่ความนิ่งไม่ติงไหว
ใช้สิ่งนี้สยบเคลื่อนเตือนทันใด
มาไม้ไหนไม่มีแพ้แก่สิ่งใด
หากใจนิ่งต่อสิ่งใดใยกลัวแพ้
นิ่งแล้วแก้ด้วยปํญญาพาเคลื่อนไหว
พร้อมสติไหวพริบดีที่นำชัย
และด้วยใจที่ไม่ท้อต่อศัตรู
9 พฤษภาคม 2547 15:10 น.
เพชรพรรณราย
แว่วลมครวญรัญจวนใจในลมสาย
เสียงจากชายที่พ่ายแพ้แก่ความฝัน
เสียงแสนเศร้าเคล้าสะอื้นทุกคืนวัน
ใจไหวหวั่นอัดอั้นไว้ในหัวใจ
เหมือนวันนี้ตรงนี้มีแต่เศร้า
มันสุดเหงาเปล่าเปลี่ยวทนความหมองไหม้
เหมือนความสุขลาจากพรากแสนไกล
ส่งหัวใจให้สลายแทบวายปราณ
ความท้อถอยคอยตอกย้ำซ้ำใจนัก
สิ้นทางรักหักทางหวังตั้งประสาน
ไม่อาจยืนฝืนร่างสู้กู้ร้าวราน
เพราะทุกกาลผ่านเวลาพาอ่อนแอ
หากเดินไปใจแสนกลัวตัวผิดซ้ำ
แล้วจะทำซ้ำทำไมให้เจ็บแผล
หากเดินไปในเส้นทางอย่าง ผู้แพ้
ก็มีแต่จะเจ็บเปล่าเล่าหัวใจ
รอชิวิตปิดชะตาอุราตรม
ความขื่นขมให้จมสิ้นดิ้นดับได้
หากแต่จบลบชีวิตลิขิตไป
ทุกข์หมองไหม้ให้มันร้างเมื่อร่างลา
อยู่ก็เศร้าเหงาทุกข์ทนจนไม่ไหว
สุดปวดใจไม่หายห่างไม่สร่างสา
ช้ำแสนช้ำระกำหมองนองน้ำตา
สุดเยียวยาจำลาจากขอพรากไป