12 ธันวาคม 2548 20:44 น.
เพชรพรรณราย
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
หนึ่งดวงฤทัยนี้จะภักดีบ่ร้างรา
หนึ่งใจแน่สัญญา.จะติดตรึงคะนึงนาน
ขอเอ่ยเฉลยความวจะมั่น ณ ดวงมาลย์
แม้มันมิชั่วกาล.ก็จวบปราณจะวางวาย
ว่าฉันจะ แม่นมั่น.. รักทุกวันรักจนตาย
จนสิ้นจิตห่างกาย.ละจากร่างมลายลง
เพียงหนึ่งประสงค์ไว้สถิตย์ในรักมั่นคง
คำจริงสัตย์ซื่อตรงบ่ลบความบ่ลืมเลือน
สัญญา ณ ด้วยใจ.จะจดไว้ทุกปีเดือน
ถ้อยคำจะย้ำเตือนทุกจิตเศร้าเมื่อเหงาใจ
สิ่งนี้เปรียบเราสองจะประคองร่วมสู้ไป
ขวากหนามมิหวั่นไหวร่วมฤทัยคู่เคียงกัน
จนกว่าชีพวายสิ้นธรณินทร์กลบชีวัน
เหลือเพียงจิตคงมั่นก็ผูกพันธ์นิรันดร ฯ
11 ธันวาคม 2548 11:21 น.
เพชรพรรณราย
สายน้ำไหลไปไม่หวนกลับ
ตะวันลับจับเวหาไม่คืนหวน
เวลาพาหมุนไปไม่เคยทวน
ทุกสิ่งล้วนเป็นไปในกฎเกณฑ์
รอยอดีตขีดไว้ในวันเก่า
ตัวของเราไม่อาจแก้แก่ทุกข์เข็ญ
ความเจ็บปวดรวดร้าวคราวลำเค็ญ
ยังคงเห็นเป็นรอยกรีดขีดหัวใจ
ก็เพราะเรามิอาจหวนทวนวันเก่า
ความซึมเศร้าเหงาหงอยรอยหวั่นไหว
แค่ผ่านมาค่าเท่านี้ที่ผ่านไป
เก็บมาไว้ให้หมองใจทำไมกัน
สิ่งสำคัญมันไม่ใช่ในวันเก่า
ไฉนเล่าเฝ้าเสียดายวันเก่านั้น
สิ่งสำคัญคือวันนี้ปัจจุบัน
ตัวท่านนั้นสันต์สุขหรือทุกข์ใจ
ทำวันนี้ให้ดีกว่าวานที่ผ่าน
ค่อยประสานผ่านความคิดผิดแก้ไข
อุทาหรณ์ตอนอดีตที่ผ่านไป
เก็บมาไว้ใช้ทวนอ่านผ่านชีวา
เพื่อปูทางวางอนาคตเป็นบทใหม่
สู้ต่อไปอย่าได้ถอยคอยวาสนา
คงจะมีสักวันมันพบพา
ปรารถนาค่าความฝันมันเป็นจริง
7 ธันวาคม 2548 06:27 น.
เพชรพรรณราย
เพราะคนเราเลือกกำเนิดเกิดไม่ได้
ต้องจำใจในชะตาวาสนา
มีรวยจนคนแตกต่างทางชีวา
แล้วแต่ฟ้ามากำหนดเป็นกฎเกณฑ์
ความเป็นคนใช่สินทรัพย์นับคุณค่า
หากเวลาพาทดสอบชอบใจเห็น
คนจะดีอยู่ที่ใจจะใฝ่เป็น
มิใช่เห็นเช่นภายนอกที่บอกความ
กิริยาท่าทางวางมาดมั่น
แต่งสีสรรพรรณผ่องยากมองข้าม
อีกชื่อเสียงเพียงเปลือกนอกบ่งบอกนาม
สิ่งดีงามตามจริงแท้คือจิตใจ
ใจสะอาดปราศมัวหมองมาต้องจิต
ไม่เคยคิดเบียดเบือนใครให้หม่นไหม้
หยิบยื่นสุขช่วยเหลือคนให้พ้นภัย
ทำดีได้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
ค่าของคนดูใจที่ใสซื่อ
ไม่ยึดถือชื่อเสียงเพียงเปลือกแผ่น
แม้ยากจนขันสนทรัพย์นับขาดแคลน
สุขในแดนแก่นแท้แห่งความดี
24 พฤศจิกายน 2548 06:02 น.
เพชรพรรณราย
โซซัดโซเซเถลไถล
เอนเอียงไหวไกวแกว่งอ่อนแรงฝืน
ฟ้าหมุนวนอลหม่านปานค่อนคืน
มิอาจยืนฝืนตนด้วยจนใจ
ล้มตัวนอนอ่อนระโหยโรยแรงสิ้น
บนแผ่นดินหินกรวดไม่หวั่นไหว
ไร้รู้สึกตรึกตราค่าอันใด
ระลึกได้เพียงลมแผ่วที่แว่ววน
จากสลัวมัวหม่นจนมืดมิด
แล้วความคิดเลือนรางห่างแห่งหน
จนไร้สิ้นทุกอย่างทางแห่งตน
แล้วมืดมนอนธการผ่านเวลา
นานเท่าไรไม่รู้ดูไม่ออก
ใจเริ่มบอกออกความคิดจิตค้นหา
ค่อยปริแยกแหวกม่านผ่านนัยน์ตา
แสงมันพร่าหันหน้าหนีลี้หลบพลัน
จากแสงพร่าค่อยราลงคงสลัว
ความหม่นมัวค่อยหายไปใจนึกหวั่น
สิ่งที่เห็นเป็นอะไรในสิ่งอัน
จริงหรือฝันอันใดเล่าเฝ้าเมียงมอง
เธอคือนางในฝันฉันตามหา
ทุกเวลานาทีที่หม่นหมอง
ใครสักคนมาสนใจร่วมใฝ่ปอง
คอยประครองคล้องคู่อยู่ด้วยกัน
ถ้อยวจีที่มากมายหลายคำกล่าว
ในเรื่องราวคราวหลังพลาดหวังนั้น
ความเจ็บปวดรวดร้าวคราวจาบัลย์
ในยามนั้นฉันคิดถึงซึ่งแต่เธอ
โผเข้ากอดหมายพรอดพร่ำให้ฉ่ำจิต
ใช่ดังคิดผิดถนัดเพียงเพ้อเจ้อ
กอดเพียงลมมิสมใจใฝ่ละเมอ
แล้วตัวเธอค่อยเลือนรางจางหายไป
ความสับสนวนเวียนเปลี่ยนความฝัน
หนาวสะบั้นในทันทีรู้สึกได้
ความอบอุ่นละมุ่นรักปักษ์หัวใจ
คงเหลือไว้เพียงความฝันที่ผ่านมา
จึงยันกายหมายลุกยืนฝืนร่างกาย
ตะเกียกตะกายซ้ายขวามือค้นหา
หยิบคอขวดเดินเซซัดสะบัดกายา
แล้วมุ่งหน้าพาร่างสู่เคหาตน
.
ถ้าใครไปในจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน
อาจจะเห็นชายคนหนึ่งมือถือขวดเหล้า
เดินโซซัดโซเซ..ร่ำรำพันถึงคนรัก
..ไปตามถนน..บนม้านั่ง..และทุก ๆ ที่..
.ที่เขาสามารถอยู่ที่นั่นได้..โดยไม่เดือนร้อนใคร
..
บางครั้ง..ความทุกข์ของใครบางคน..
เราอาจจะมองเป็นเรื่องบ้า ๆ ของใครคนนั้น..
เพราะเราไม่รู้ความจริงในที่สิ่งเขาพบเจอ..
เรื่องราวที่เขาพานพบ..หรือเหตุการณ์ที่เขาผ่านมา..
มันยังตามหลอนหลอนตอกย้ำ
..จนไม่อาจที่จะลืม..และต้องหาวิธีลืม..
..ตามวิธีแห่งตน..จนคนอื่นมองด้วยความชัง..
เหยียดหยาม..ประณาม..ซ้ำเติมให้เจ็บปวด..
..จนยากที่จะกลับไปเริ่มใหม่..
.ท้ายที่สุด.
ก็ต้องจบลงด้วยความเศร้าสลดใจ
23 พฤศจิกายน 2548 11:59 น.
เพชรพรรณราย
ความชั่วร้ายที่แฝงเร้นมิเห็นได้
ในหัวใจในความคิดจริตแฝง
รอเวลาพาให้เห็นเน้นแสดง
ความเสแสร้งแห่งความจริงสิ่งที่เป็น
ใต้ภวังค์ห้วงสำนึกตรึกตราอยู่
ไม่เคยรู้ความข้างในให้ได้เห็น
มองไม่รู้ดูไม่ออกนอกกฎเกณฑ์
ใจที่เร้นยากเฟ้นหาพารู้ความ
แค่รูปกายภายนอกบอกรูปร่าง
ใช่ทุกอย่างทางความคิดจิตเฝ้าถาม
อาจซ่อนเก็บความชั่วร้ายกายที่งาม
ความเลวทรามต่ำช้าค่าของใจ
จึงต้องใช้เวลามาช่วยค้น
ใจของคนวนวกสกปรกไหม
ดีหรือชั่วตัวเขาแสดงแถลงไป
ล่วงรู้ได้ในกลกาลผ่านเวลา