17 กุมภาพันธ์ 2550 21:46 น.

กรุณามาอ่านเถอะ

เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย

ได้Fwd mail ดีๆมาอีกแล้ว....ความนี้ไม่ใช่สุขภาพแต่อยากชวนมาทำบุญกัน
ส่วนเป้ก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง ที่แน่ๆกะว่าจะไปบวชกะเพื่อนสัก9วันแต่ยังไม่กำหนดวันเวลาแน่นอน

ขอให้บุญรักษาทุกๆคนนะคะ

****************************************

มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ 

1. นั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ 15 นาที(หรือเดินจงกรมก็ได้) 
      อานิสงส์ --- เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า 
                        เพื่อจิตใจที่สว่างผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย 
                        จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ 
                        ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน 
                        ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรง 
                        เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล 

2. สวดมนต์ด้วยพระคาถาต่างๆอย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน 
      อานิสงส์ --- เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง 
                        ชีวิตหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า 
                        เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง 
                        จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว 
                        แนะนำพระคาถาพาหุงมหากา , พระคาถาชินบัญชร , 
                        พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น 
                        เมื่อสวดเสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง 

3. ถวายยารักษาโรคให้วัด , ออกเงินค่ารักษาให้พระตามโรงพยาบาลสงฆ์ 
      อานิสงส์ --- ก่อให้เกิดสุขภาพร่มเย็นทั้งครอบครัว โรคที่ไม่หายจะทุเลา 
                      สุขภาพกายจิตแข็งแรง อายุยืนทั้งภพนี้และภพหน้า 
                      ถ้าป่วยก็จะไม่ขาดแคลนการรักษา 

4. ทำบุญตักบาตรทุกเช้า 
      อานิสงส์ --- ได้ช่วยเหลือศาสนาต่อไปทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ขาดแคลนอาหาร 
                        ตายไปไม่หิวโหย อยู่ในภพที่ไม่ขาดแคลน ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ 

5. ทำหนังสือหรือสื่อต่างๆเกี่ยวกับธรรมะแจกฟรีแก่ผู้คนเป็นธรรมทาน 
      อานิสงส์ --- เพราะธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง ผู้ให้ธรรมจึงสว่างไปด้วยลาถยศ 
                      สรรเสริญ ปัญญา และบุญบารมีอย่างท่วมท้น เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ 
                      ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่คาดฝัน 

6. สร้างพระถวายวัด 
      อานิสงส์ --- ผ่อนปรนหนี้กรรมให้บางเบา ให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง 
                        สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง ครอบครัวเป็นสุข 
                        ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาตลอดไป 

7. แบ่งเวลาชีวิตไปบวชชีพรามณ์หรือบวชพระอย่างน้อย 9 วันขึ้นไป 
      อานิสงส์ --- ได้ตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่ 
                        ผ่อนปรนหนี้กรรมอุทิศผลบุญให้ญาติมิตรและเจ้ากรรมนายเวร 
                        สร้างปัจจัยไปสู่นิพพานในภพต่อๆไป ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนา 
                        จิตเป็นกุศล 

8. บริจาคเลือดหรือร่างกาย 
      อานิสงส์ --- ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพแข็งแรง ช่วยต่ออายุ 
                        ต่อไปจะมีผู้คอยช่วยเหลือไม่ให้ตกทุกข์ได้ยาก เทพยดาปกปักรักษา 
                      ได้เกิดมามีร่างกายที่งดงามในภพหน้า ส่วนภพนี้ก็จะมีราศีผุดผ่อง 

9. ปล่อยปลาที่ซื้อมาจากตลาดรวมทั้งปล่อยสัตว์ไถ่ชีวิตสัตว์ต่างๆ 
    อานิสงส์ --- ช่วยต่ออายุ ขจัดอุปสรรคในชีวิต 
                      ชดใช้หนี้กรรมให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยกินเข้าไป ให้ทำมาค้าขึ้น 
                      หน้าที่การงานคล่องตัวไม่ติดขัด ชีวิตที่ผิดหวังจะค่อยๆฟื้นคืนสภาพที่สดใส 
                      เป็นอิสระ 

10. ให้ทุนการศึกษา , บริจาคหนังสือหรือสื่อการเรียนต่างๆ , อาสาสอนหนังสือ 
    อานิสงส์ --- ทำให้มีสติปัญญาดี ในภพต่อๆไปจะฉลาดเฉลียวมีปัญญา 
                      ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนอย่างรอบรู้ สติปัญญาสมบูรณ์พร้อม 

11. ให้เงินขอทาน , ให้เงินคนที่เดือดร้อน(ไม่ใช่การให้ยืม) 
    อานิสงส์ --- ทำให้เกิดลาภไม่ขาดสายทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ตกทุกข์ได้ยาก 
                      เกิดมาชาติหน้าจะร่ำรวยและไม่มีหนี้สิน ความยากจนในชาตินี้จะทุเลาลง 
                      จะได้เงินทองกลับมาอย่างไม่คาดฝัน 

12. รักษาศีล 5 หรือศีล 8 
    อานิสงส์ --- ไม่ต้องไปเกิดเป็นเปรตหรือสัตว์นรก 
                      ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐครบบริบูรณ์ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง 
                        กรรมเวรจะไม่ถ่าโถม ภัยอันตรายไม่ย่างกราย เทวดานางฟ้าปกปักรักษา 

                              




อานิสงส์ 10 ข้อของการไม่กินเนื้อสัตว์ 

1. เป็นที่รักของบรรดาเทพ พรหม ตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย 
2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น                             
3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเครียดแค้นในใจลงได้ 
4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย 
5. มีอายุมั่นขวัญยืน 
6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเทพทั้งปวง 
7. ยามหลับนิมิตเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นสิริมงคล 
8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน 
9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสพระนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสูอบายภูมิ 
10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตจะมุ่งสู่สุคติภพ 




อานิสงส์การจัดสร้างพระพุทธรูปหรือสิ่งพิมพ์อันเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนเป็นกุศลดังนี้ 

1. อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ 
2. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สรรพภยันตรายสลาย ปวงภัยไม่มีคนคิดร้ายไม่สำเร็จ 
3. เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติแต่ปางก่อน เมื่อได้รับส่วนบุญไปแล้วก็จะเลิกจองเวรจองกรรม 
4. เหล่ายักษ์ผีรากษส งูพิษเสือร้าย ไม่อาจเป็นภัยอยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย 
5. จิตใจสงบ ราศีผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล รุ่งเรืองก้าวหน้าผู้คนนับถือ 
6. มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฏ ( เกินความคาดฝัน) ครอบครัวสุขสันต์ 
  วาสนายั่งยืน 
7. คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา หนี้สินจะหมดไป 
8. คนโง่สิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ 
  สตรีจะได้เกิดเป็นชายเพื่อบวช 
9. พ้นจากมวลอกุศล เกิดใหม่บุญเกื้อหนุน มีปัญญาล้ำเลิศ บุญกุศลเรืองรอง 
10. สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็นเป็นเนื้อนาบุญอย่างเอนกทุกชาติของ         
ผู้สร้างที่เกิดจะได้ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าปัญญาในธรรมแก่กล้าสามารถได้อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ 





                                อานิสงส์การบวชพระบวชชีพรามณ์ 
                ( บวชชั่วคราวเพื่อสร้างบุญ , อุทิศให้พ่อแม่เจ้ากรรมนายเวร ) 
1. หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตามปรารถนา 
2. เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรม หนี้กรรมในอดีตจะคลี่คลาย 
3. สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย 
4. เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในภพต่อๆไป 
5. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนหนักเป็นเบา 
6. จิตใจสงบ ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต 
7. เป็นที่รักที่เมตตามหานิยมของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่าเทวดา 
8. ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงินไม่ขาดสายไม่ขาดมือ 
9. โรคภัยของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและรักษาหาย 
10. ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้เต็มที่สำหรับผู้ที่บวชไม่ได้เพราะติดภาระกิจต่างๆ 
    ก็สามารถได้รับอานิสงส์เหล่านี้ได้ด้วยการสร้างคนให้ได้บวชสนับสนุนส่งเสริมอาสาการให้คนได้บวช 

          ทั้ง หมด นี้เป็นเพียงตัวอย่างบุญที่ยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงอานิสงส์ที่ท่านพึงจะได้รับจงเร่งทำบุญเสียแต่วันนี้ เพราะเมื่อท่านล่วงลับท่านไม่สามารถสร้างบุญได้อีกจนกว่าจะได้เกิด หากท่านไม่มีบุญมาหนุนนำแรงกรรมอาจดึงให้ท่านไปสู่ภพเดรัจฉาน ภพเปรต ภพสัตว์นรกที่ไม่อาจสร้างบุญสร้างกุศลได้ต่อให้ญาติโยมทำบุญอุทิศให้ก็อาจไม่ได้รับบุญ   ดังนั้นท่านจงพึ่งตนเองด้วยการสร้างสมบุญบารมีซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ท่านจะนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติเสียแต่วันนี้ด้วยเทอญ 

*** การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง***				
12 กุมภาพันธ์ 2550 03:10 น.

เทรนด์ร้ายภัย"กิ๊ก" คำเท่ๆ ของคนมีชู้

เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย

02114_002.jpg

จากข่าวเหตุการณ์อาชญากรรมเกี่ยวข้องกับครอบครัวที่ปรากฏทางสื่อมวลชน ส่วนหนึ่งสะท้อนว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีความผูกพันและสัมพันธ์ของคนในปัจจุบันมีน้อยลง ใครที่มีผู้หญิงมากกว่า 1 คน หรือมีผู้ชายมากกว่า 1 คน กลายเป็นเรื่องโก้ และเป็นเทรนด์ใหม่ที่คนจำนวนมากพยายามอยากเลียนแบบ และขยายวงไปสู่กลุ่มวัยรุ่น 

ดร.จิตรา ดุษฎีเมธา ประธานโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าคนในปัจจุบันมีภาวะเครียดมาก บางครอบครัวพ่อบ้านหรือแม่บ้านไม่เข้าใจกัน บวกกับกระแสสังคมยอมรับ ทำให้เรื่องอย่างนี้บานปลายออกไป กระแสการมีกิ๊กยังลงไปสู่กลุ่มวัยรุ่น เพราะเขามองว่าใครมีกิ๊กมาก มีคู่หลายคนถือเป็นความภาคภูมิใจแสดงให้เห็นว่าคนๆ นั้นมีสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปร่างหน้าตา ตลอดถึงฐานะ ยิ่งโลกปัจจุบันเป็นโลกแห่งการสร้างภาพ ทุกคนชอบของสวยๆ งาม ดูดีแทบทั้งสิ้น 

"คนจำนวนมากที่ยอมรับการมีกิ๊กจะมองคนที่มีกิ๊กได้หลายๆ คนว่าเท่ และถ้ายิ่งต้องหลบๆ ซ่อนๆ ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เร้าใจ การนำไปสู่การมีกิ๊กยังมาจากสังคมทุกวันนี้ทำให้คนเหงามากขึ้นกว่าเดิม บางครอบครัวแต่งงานแล้วก็แยกออกมาเป็นครอบครัวเดี่ยว อยู่กันสองสามีภรรยา มีความซ้ำซาก จำเจ ประกอบกับคุยกับคนที่บ้านไม่รู้เรื่อง จึงทำให้ตัดสินใจออกไปหาความหลากหลายนอกบ้าน 

จะเห็นว่าทุกวันนี้พฤติกรรมการมีกิ๊กขยายวงไปสู่คนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น คนหนุ่มสาววัยทำงาน หรือคนที่มีครอบครัววัยผู้ใหญ่ คนแต่ละคนจะถูกตาต้องกายต้องใจถึงขั้นนอกใจอีกฝ่ายหนึ่งได้นั้นมาจากการได้เห็นรูปร่างหน้าตา บุคลิกลักษณะของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นสำคัญ" ดร.จิตรากล่าว

ประธานโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ กล่าวต่อว่า จะเห็นว่าผู้ชายจำนวนมากเริ่มนอกใจภรรยา หรือภรรยาเริ่มนอกใจสามี มาจากการอยากมีคนคุย อยากมีใครสักคนที่คอยเป็นที่ปรึกษา สร้างความสบายกายสบายใจให้กับตัวเอง เพิ่มความชุ่มชื่นใจให้กับชีวิต ลักษณะที่ว่านี้อาจเริ่มต้นจากการพูดคุยที่เข้าใจ เริ่มจากสัมพันธ์ทางใจกันก่อน แต่ถ้ามีจังหวะ สถานที่ มีเวลา โอกาสที่เหมาะสม ความสัมพันธ์ก็ค่อยๆ ขยับมากขึ้นจากที่ไม่มีอะไรกันก็เริ่มเป็นความสัมพันธ์ทางกายและท้ายที่สุดลงท้ายลงด้วยการมีเพศสัมพันธ์กัน 

"บางครอบครัวสามีไปมีกิ๊กกับผู้หญิงคนอื่น หรือภรรยาไปมีกิ๊กกับผู้ชายคนอื่น เป็นคำที่ฟังแล้วไม่แรงเท่ากับคำว่า "ชู้" หลายคนจึงพยายามใช้คำว่ามี "กิ๊ก" และเชื่อว่าการมีกิ๊กไม่ผิด เป็นการใช้คำพูดที่ป้องกันตัวเองให้ดูดีขึ้น ในเชิงจิตวิทยาถือเป็นการป้องกันตัวเองเพื่อให้ตัวเองไม่ผิด มีความรู้สึกที่ดีขึ้น การมีกิ๊กบางคู่อาจจะไม่ต้องส่งเสีย หรือไม่มีพันธะผูกพันใดๆ ทั้งสิ้น แต่สำหรับบางคู่ต้องเลี้ยงดูและรับผิดชอบด้วย" 

ดร.จิตรากล่าวอีกว่า ถ้าครอบครัวไหนรู้ความจริงว่าสามีหรือภรรยาตัวเองไปมีกิ๊กหรือนอกใจไปมีคนอื่น ไม่มีใครทำใจได้ ขณะที่กระแสของการมีกิ๊กเป็นที่ยอมรับได้ในคนกลุ่มหนึ่ง แต่คนที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้สังคมก็ไม่ยอมรับ เพราะลักษณะนี้ถือเป็นการนอกใจ เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรู้ความจริงจึงต้องคุยกันเพื่อให้เกิดความกระจ่าง ท้ายที่สุดลงท้ายด้วยการทะเลาะกัน การมีกิ๊กทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้ คือเกิดการมั่วเพศ เกิดโรคติดต่อ สร้างความร้าวฉานในครอบครัว เกิดการทำร้ายร่างกายและที่สุดแล้วบางครอบครัวเกิดการหย่าร้าง ในบางครอบครัวที่ตกลงกันไม่ได้อาจนำพาไปสู่การแก้ปัญหาที่รุนแรง มีการฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งจากนั้นฆ่าตัวเองตาม นำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม 

"แนะนำว่าการสร้างความสัมพันธ์อันดีขึ้นภายในครอบครัวหรือคู่รักเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นมาก ทำอย่างไรจึงจะมีภูมิคุ้มกันครอบครัวตัวเองให้ห่างไกลพฤติกรรมกิ๊ก เป็นเรื่องของคนสองคนต้องช่วยกัน" ดร.จิตรากล่าวทิ้งท้าย				
11 กุมภาพันธ์ 2550 22:25 น.

valentine day

เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย

t_16248.jpg

             สมัยดั้งเดิมนั้นชาวโรมันนับถือ พระผู้เป็นเจ้าและเทวดาหลายองค์ ต่อมาศาสนาคริสต์เข้ามาเผยแพร่ในกรุงโรม ทางรัฐบาลกรุงโรมเล็งเห็นว่าเป็นลัทธิที่อันตรายต่อสังคมชาวโรมันเป็นอย่างยิ่ง ผู้ใดนับถือศาสนาคริสต์ก็จะถูกจับตัวไปลงโทษอย่างรุนแรงในที่สาธารณชน เช่น ให้สัตว์ป่ากัดจนตาย ตรึงไม้กางเขน หรือเผาทั้งเป็น เป็นต้น ผู้คนที่นับถือศาสนาคริสต์จึงต้องคอยหลบซ่อนตัว ไม่เปิดเผยว่าตนเป็นคริสต์ศาสนิกชน แม้เวลาทำพิธีกรรมทางศาสนา ก็ต้องแอบหนีลงไปทำพิธีในอุโมงค์ที่ใช้บรรจุศพ นอกกรุงโรม 
             สมัยกษัตริย์ Claudiusที่ 2 แห่งกรุงโรม ได้ออกกฎ ห้ามให้มีการแต่งงาน ในเมืองของพระองค์ เพราะกษัตริย์ทรงต้องการทำศึกสงคราม ทรงต้องการให้ผู้ชายทุกคนไปเป็นทหาร พระองค์เชื่อว่าถ้าไม่มีการแต่งงานผู้ชายจะสนใจกับการรบมากขึ้น
             นักบุญวาเลนไทน์เป็นเป็นชาวโรมัน แต่นับถือศาสนาคริสต์ มีนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ (St.Valentine) เป็นผู้กล้าหาญและคอยช่วยเหลือคนที่นับถือศาสนาคริสต์อยู่เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ถูกทางราชการของกรุงโรมจับไปขังคุกหรือเอาไปทรมาน นอกจากนี้นักบุญวาเลนไทน์ขัดบทบัญญัติแห่งกฎหมายของกษัตริย์ด้วยการเป็นบาทหลวงในพิธีแต่งงาน ให้หนุ่มสาวที่ต้องการแต่งงานอย่างลับ ๆ...และแล้ววันหนึ่งข่าวการประกอบพิธีสมรสของนักบุญวาเลนไทน์ ก็รู้ถึงหูของพระเจ้า Claudius พระองค์จึงสั่งให้ทหารจับเขาไปขังคุกรอการประหารชีวิต 
เมื่อนักบุญวาเลนไทน์ถูกจับอยู่ในคุก มีผู้คุมชื่อ อัสเตริอุส (ASTERIUS) เป็นผู้มีจิตใจเมตตา และคอยให้ความช่วยเหลือมิให้เดือดร้อน ระหว่างที่นักบุญวาเลนไทน์ติดคุกอยู่นั้น ลูกสาวผู้คุมคนหนึ่งตาบอดทั้ง 2 ข้าง เธอนำอาหารให้และช่วยติดต่อกับคนนอกคุก ที่นับถือศาสนาศริสต์ให้แก่นักบุญวาเลนไทน์ นักบุญวาเลนไทน์ได้แสดงอภินิหาร ด้วยการทำให้ตาทั้งสองข้างของลูกสาวผู้คุมหายเป็นปกติ และได้อบรมเกลี้ยกล่อมผู้คุมทั้งลูกสาวให้นับถือศาสนาคริสต์ด้วย 
               หลังจากนักบุญวาเลนไทน์ติดคุกมาเป็นเวลา 1 ปีพระเจ้าจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ก็มีคำสั่งให้นักบุญเข้าเฝ้า เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นนักบุญก็รู้สึกต้องพระทัยในกริยามารยาท ความสำรวมและความมีสง่าราศีของนักบุญ จึงตรัสเกลี้ยกล่อมให้นักบุญเลิกนับถือศาสนาคริตส์เสีย แล้วกลับมานับถือพระเจ้าของชาวโรมันต่อไปตามเดิม แล้วพระองค์จะพระราชทานอภัยโทษให้ แต่นักบุญวาเลนไทน์ก็ปฏิเสธ ไม่ยอมเลิกนับถือศาสนาคริสต์ มิหนำซ้ำยังสั่งสอนอบรมพระเจ้าจักรพรรดิให้ทรงเห็นดีเห็นชอบ และหันมานับถือศาสนาคริสต์ พระเจ้าจักรพรรดิกริ้วมาก จึงมีรับสั่งให้นำตัวนักบุญวาเลนไทน์ไปทุบตีด้วยไม้กระบอง แล้วเอาก้อนหินทุ่มจนถึงแก่ความตาย 
               นักบุญวาเลนไทน์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ในปี 296 A.D. ในคุกแห่งนั้นเอง ก่อนตายท่านได้ฝากข้อความสั้น ๆ ถึงเพื่อนและลูกสาวผู้คุม โดยลงท้ายว่า "Love from your Valentine"... 
                มีการคาดคะเนกันว่า วันแห่งความรักน่าจะมาจากประเพณีโรมันโบราณที่เรียกว่า ลูเปอร์คาเลีย (Lupercalia ) ซึ่งตรงกับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นการบูชาเทพธิดาจูโน ซึ่งชาวโรมันถือว่าเป็นเทพธิดาแห่งสตรีและการแต่งงาน และเทพบุตรแพน ซึ่งเป็นเทพบุตรแห่งธรรมชาติ ชาวโรมันฉลองวันลูเปอร์คาเลียเป็นประเพณีแห่งความรักของหนุ่มสาว ชายหนุ่มและหญิงสาวจะเลือกคู่สำหรับประเพณีนี้โดยการเขียนชื่อตนใส่กล่องและจับฉลากเพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงความรัก และมีสัมพันธ์กัน เป็นเวลานานหลังจากประเพณีนี้ผ่านไปแล้ว หลายคู่ก็จะลงเอยด้วยการแต่งงานกัน 
                 หลังจากที่ศาสนาคริสต์เผยแพร่หลายออกไปในหมู่ของชาวโรมันแล้ว ผู้ที่นับถือศาสนาแล้วพยายามให้วันนี้มีความสำคัญทางศาสนามากขึ้น ดังนั้นในปี ค.ศ. 496 สันตะปาปาเกลาซิอุส ( Pope Gelasius )ได้เปลี่ยนวันฉลองเทศกาลลูเปอร์คาเลียจากวันที่ 15 กุมภาพันธ์ มาเป็นวันนักบุญวาเลนไทน์ ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงคุณความดี ความกล้าหาญ และความเสียสละของนักบุญวาเลนไทน์.. แต่ในความรู้สึกผู้คนกลับรู้สึกว่าเป็นวันแห่งความรักจนถึงปัจจุบัน 
                 ประวัติของการฉลองวันวาเลนไทน์ ราวๆ ปี ค.ศ. 1700 ได้กล่าวว่า มีกลุ่มหนุ่มสาวไปพบกันที่บ้านผู้ดีในคืนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ และจะมีการจับฉลากชื่อหญิงที่ตนรัก เมื่อจับฉลากมาได้แล้วจะติดกระดาษที่มีชื่อผู้หญิงนั้นไว้ที่แขนเสื้อเป็นเวลาหลายวัน ด้วยเหตุนี้เองจึงมีสำนวนภาษาอังกฤษว่า " He wears his heart on his sleeve" ซึ่งหมายความว่า "เป็นคนรักใครไม่เลือก" ซึ่งคงจะมาจากประเพณีอันนี้ ชายหนุ่มมักจะให้ของขวัญแก่ คนรัก ของตนเองในวันวาเลนไทน์ บางแห่งจะให้ถุงมือเป็นของขวัญแก่หญิงสาว ส่วนในครอบครัวที่ร่ำรวย พวกผู้ชายจะจัดงานเต้นรำเพื่อเป็นเกียรติแก่คนรักของตน ประเพณีนีได้แปรเปลี่ยนไปในระยะต่อมาและมีการส่งบัตรอวยพร วันวาเลนไทน์แทนการให้ของขวัญราคาแพง 
                  ในสมัยปัจจุบัน วาเลนไทน์กลายเป็นวันแห่งความรักไปทั่วโลก วัยรุ่น หนุ่มสาว และแม้กระทั่งคนมีอายุก็ยังมีการส่งข้อความ ส่งการ์ด มอบดอกไม้ ดอกกุหลาบ ให้ช็อกโกแล็ต ให้ของขวัญ จนกลายเป็นเทศกาลที่มีการจับจ่ายใช้สอยกันอย่างมากมาย เพื่อแสดงความรักของตนให้เป็นที่ประจักษ์แก่คนที่เรารัก				
Calendar
Lovers  3 คน เลิฟเปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
Lovings  เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย เลิฟ 6 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
Lovings  เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
Lovings  เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย