18 เมษายน 2550 02:04 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
เย็นวันหนึ่ง อากาศร้อน ตอนฝนตก
ตื่นตระหนก เจ๊เอาของ มาอวดโฉม
หลังจากที่ ตอนกลางวัน เดินเหงื่อโทรม
พวงพโยม เที่ยวเล่น เจเจมา
โยนหัวพืช มาให้ สองสามหัว
บอกเร็วรัว ว่าโน่นนี่ ได้จักหา
หัวมันแกว หัวหอมใหญ่ อีกแห้วนา
แล้วงงว่า ทำไม มันคล้ายกัน
เจ๊เจ๊เจ๊ ทำไม ถึงรู้ได้
ดูยังไง แยกประเภท ให้ผกผัน
พืชหัวนี่ รูปร่าง มันคล้ายกัน
กลมกลมมัน มีรากนิด ตลกดี
และสุดท้าย ความจริง ก็บรรจบ
ให้ได้พบ สัจธรรม ในที่นี้
ความเป็นพี่ เป็นน้อง นี่ตัวดี
ตุ๋นได้ที่ พาซื่อ หลงคิดตาม
หลังจากเจ๊ ร้องก๊าก ดังลั่นบ้าน
เง็งกบาล บอกหน่อย อยากจะถาม
เจ๊ตอบก่อน ไอ้เด็กโง่ ไม่ได้ความ
ดันคิดตาม ได้ไง มันไม่จริง
นี่มันหัว แบบเดียวกัน ไม่รู้หรือ
ช่างซื่อบื้อ เสียกระไร อย่าทำนิ่ง
นี่มันหัว เพ็ททูเนีย เป็นของจริง
ไอ้พวกขิง แห้วมันแกว ฉันหลอกแก
17 เมษายน 2550 03:29 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
ตี๊ด...ตี๊ด.....ตี๊ด.... สวัสดีค่ะ ทำ'ไรอยู่
วันนี้หนู โทรมา รบกวนไหม
ตอนนี้พี่ กำลังยุ่ง หรืออย่างไร
ขอโทษใน ความผิด คิดรบกวน
ที่โทรมา วันนี้ เพราะคิดถึง
ยังคงซึ้ง ในเยื่อใย จึงให้หวน
ความสัมพันธ์ ที่ให้กัน มันรัญจวน
ยังใคร่ครวญ ในหัวใจ ทุกเวลา
บอกหมดแล้ว ความในใจที่เก็บอยู่
อาจจะดู หน้าหนาไป อย่ากังขา
เพราะวันนี้ อยากจะบอก ถึงเวลา
สองคำว่า..... รักและคิดถึงมากนะ สุดหัวใจ
โทรมา...ว่ารัก By บี้ เดอะสตาร์
เธอคงจะเคยสงสัย ในบางอาการ ที่ฉันเป็น
เธอคงจะงง ที่ฉันชอบมาให้เห็น แล้วก็ไป
เธอคงงงๆ ว่าฉัน ทำไมอยากรู้ เรื่องเธอมากมาย
นับตั้งแต่วันนี้ไป เธอจะเข้าใจที่ฉันทำ
เพราะข้างใน เสียงหัวใจ
มันบอกมากล้าๆ กลัวๆ อยู่
เธออาจจะไม่รู้ เก็บความลับเอาไว้ทำไม
อยากให้เธอรู้เอาไว้
ฉันโทรมาเพื่อจะบอกว่ารัก
ถึงเวลาที่ต้องบอกสักที
ไม่กลัวแล้วจะดูไม่ดี นาทีนี้ต้องพูดไป
เสียงข้างในดังออกมา
มันแสดงออกมา ว่ารักแล้วให้ทำไง
วันนี้หัวใจ มันกำความลับไว้ไม่อยู่ซะแล้วเธอ
อะไรที่เคยสงสัย ไม่ต้องข้องใจแล้วเธอ
แต่ที่ต้องถามใจเธอ ก็คือแล้วเธอคิดยังไง
ขอโทษจริงๆ ที่ฉันต้องใช้เวลาให้แน่ใจ
ว่าไม่มีใครสำคัญ กับใจฉันเท่าเธอ
แล้วข้างในใจ เสียงหัวใจ
ก็บอกมากล้าๆ กลัวๆ อยู่
เธออาจจะไม่รู้ เก็บความลับเอาไว้ทำไม
อยากให้เธอรู้เอาไว้
ฉันโทรมาเพื่อจะบอกว่ารัก
ถึงเวลาที่ต้องบอกสักที
ไม่กลัวแล้วจะดูไม่ดี นาทีนี้ต้องพูดไป
เสียงข้างในดังออกมา
มันแสดงออกมา ว่ารักแล้วให้ทำไง
วันนี้หัวใจ มันกำความลับไว้ไม่อยู่ซะแล้วเธอ
ฉันโทรมาเพื่อจะบอกว่ารัก
ถึงเวลาที่ต้องบอกสักที
ไม่กลัวแล้วจะดูไม่ดี นาทีนี้ต้องพูดไป
เสียงข้างในดังออกมา
มันแสดงออกมา ว่ารักแล้วให้ทำไง
วันนี้หัวใจ มันกำความลับไว้ไม่อยู่ซะแล้วเธอ
17 เมษายน 2550 02:49 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
รักของฉัน อาจเหมือน ปราสาททราย
ที่หลากหลาย หอสูง ดูสดใส
บรรจงสร้าง แต่งเติม แต้มลงไป
ก่อเกิดให้ ครบทั้งหลัง ปราสาทงาม
แต่พอเมื่อเมื่อ ฉันยืนมอง ชื่นชมอยู่
มีลมลู่ กรรโชก น่าหวั่นหวาม
ฟ้ามืดดำ เปลี่ยนจาก เมฆฟ้าคราม
คลื่นมาตาม ลมกระหน่ำ น่าหวั่นใจ
ฉันก้มลง ปกป้อง ด้วยสองมือ
แม้ลมหือ กระโหมพัด เร่งผลักไส
แต่ว่าฉัน จะป้องกัน ดีเท่าไร
น้ำเซาะให้ ปราสาททราย ทลายลง
เพลง ปราสาททราย By สุรสีห์ อิทธิกุล
กว่าจะรวมจิตใจ....
เก็บทรายสวยๆ มากอง ก่
อปราสาทสักหลัง
ก่อกำแพงประตู ก่อสะพานสร้างเป็นทาง
ทำให้เป็นดังฝัน
ก่อนที่ฉันจะได้เห็นทุกอย่าง
อย่างที่ฝันที่ฉันทุ่มเท
น้ำทะเลก็สาดเข้ามา
ไม่เหลืออะไรเลย แหลกสลายลงไปกับตา
เหลือเพียงทรายที่ว่างเปล่า กับน้ำทะเลเท่านั้น
ไม่เหลืออะไรเลย จากที่เคยมีความใฝ่ฝัน
ไร้กำลังจะสร้างใหม่ให้เหมือนเดิม
ทีละเล็กละน้อย ที่คอยสะสมความดี มีให้เธอเท่านั้น
ก่อเป็นความเข้าใจ แต่งเติมความหมายด้วยกัน
คอยถึงวันที่หวัง ก่อนที่ฉันจะได้พบความสุข อย่างที่ฉันฝันไว้ทุกวัน
เธอก็พลันมาจากฉันไป ไม่เหลืออะไรเลย
(ไม่เหลืออะไรเลย) แหลกสลายลงไปกับตา
เหลือเพียงใจที่ว่างเปล่า กับฉันคนเดียวเท่านั้น
จะเอาแรงพลังจากไหนไว้เติมแต่งฝัน
จะเอาวันและคืนจากไหนให้พอทำใจ ไม่เหลืออะไรเลย
จากที่เคยมีความใฝ่ฝัน ไร้กำลังจะสร้างใหม่ให้เหมือนเดิม
จะเอาแรงพลังจากไหน ไว้เติมแต่งฝัน
จะเอาวันและคืนจากไหน ให้พอทำใจ ไม่เหลืออะไรเลย
จะเอาแรงพลังจากไหนไว้เติมแต่งฝัน
จะเอาวันและคืนจากไหนให้พอทำใจ ไม่เหลืออะไรเลย
จากที่เคยมีความใฝ่ฝัน ไร้กำลังจะสร้างใหม่ให้เหมือนเดิม
จะเอาแรงพลังจากไหน ไว้เติมแต่งฝัน
จะเอาวันและคืนจากไหน ให้พอทำใจ ไม่เหลืออะไรเลย
10 เมษายน 2550 00:33 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
งามเอยงาม งามงด จรดหล้า
ดั่งเมืองฟ้า แดนสวรรค์ เปรียบใดเหมือน
งามพฤกษา พฤกษชาติ ทั่วบ้านเรือน
ชวนให้เยือน ใจพัก สงบลง
ดอกชมพู- พันธ์ทิพย์ เต็มต้นแล้ว
ดั่งแก้มแก้ว ของน้อง ที่ใหลหลง
ขาวระเรื่อ ปนชมพู ดั่งใจจง
ใบปลดปลง เหลือเพียงดอก ชูช่องาม
นั่นอีกเล่า ราชพฤกษ์ สาวแดนแคน
ช่างงามแสน อ่อนช้อย จนใจคร้าม
พวงสีทอง ห้อยระย้า โยกลมตาม
เหมือนใจราม จะย่างเยื้อง ตามลมไป
นี่สอดแสม แต้มกิ่ง เหลืองแสดชาด
ดั่งเพลิงราด รดริน วันหวั่นไหว
แม่นกยูง สีแดงเพลิง ซ่อนความนัย
ดั่งในใจ ยูงเจ้านั้น จักยั่วยวน
แลถัดไป เห็นสาวใต้ ดอกประดู่
ยืนเคียงคู่ ดอกศรีตรัง ยิ้มแย้มสรวล
แม้แม่ศรี จะผลัดดอก ตามลมครวญ
ผลัดแก้มนวล ชวนประดู่ ทองงามตา
เดินถัดไป นี่กระไร ม่วงชมพู
งามเลิศหรู ดอกมะเหมี่ยว ช่างเสาะหา
ดอกกระจาย พรายพริ้ว เมื่อลมพา
หาคู่ตา ยาใจ แม่ลอยลม
ใกล้ใกล้กัน โมกขาว พราวไสว
หอมกลิ่นใจ กระจายอ่อน มิขื่นขม
ดั่งได้หอม แก้มสาว ชื่นอารมณ์
มิแกล้งชม เยินยอ เพียงพ่นไป
นั่นตะแบก ก็ผลิดอก ออกมาแข่ง
เจ้าแสดง ช่อชูงาม แลไสว
ม่วงมะปราง ชมพูงาม อวดกันไป
ประหนึ่งไซร้ สาวแข่งงาม ให้ตามชม
ยังมีอีก มากมาย หลากหลายดอก
สัพยอก ออกไป คนอาจขรม
ด้วยวจี ที่อ่อนหัด ไร้อารมณ์
ต้องชื่นชม ด้วยสองตา ค่าควรมอง
เมืองสวรรค์ ชั้นฟ้า ดั่งกรุงเทพ
ควรค่าเสพ ความงาม มิใช่หมอง
ไม้งามตา คุณค่า ชวนเมียงมอง
โปรดควรตรอง ก่อนเมินจาก พรากสายตา
8 เมษายน 2550 17:33 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
สายธารา เรี่ยระ ลมแผ่วเบา
ปัดความเศร้า จากใจ ให้หมดสิ้น
เย็นลมเรื่อย คลุ้งคละ กับกลิ่นดิน
หวนคืนถิ่น แดนมอญ แสนสุขใจ
อันเกาะเกร็ด ตั้งตระหง่าน กลางลำน้ำ
ดั่งรามัญ สาวเจ้า ไม่ไปไหน
นั่งเล่นน้ำ ยวนยั่ว ในฤทัย
ทั้งดวงใจ โดนเจ้า เฝ้าครอบครอง
ก้าวขึ้นเกาะ ก้าวแรก ก็เจอวัด
งามส่วนสัด พระพุทธะ มิมีหมอง
แย้มยิ้มรับ ชนกราบไหว้ อันเนืองนอง
ที่คงครอง ธรรมะ ในจิตใจ
เดินเล่นเรื่อย ตามทาง เลาะริมเกาะ
ลำนำเพราะ เสนาะหู เรื่อยรินไหล
มองเครื่องปั้น สองข้างทาง อันยาวไกล
ความเกริกไกร ความงามงด จรดแผ่นดิน
สองมือปั้น กอบดิน ขึ้นเป็นรูป
น้ำโลมลูบ ตามทักษะ จักเสกศิลป์
ศิลปะ ที่ปั้นแต่ง จากผืนดิน
ยังมิสิ้น จากถิ่มมอญ ย้อนให้จำ
อีกทั้งนั้น ดอกมะเหมี่ยว เริ่มร่วงแล้ว
คล้ายพวงแก้ว กัลยา แม่งามขำ
สีชมพู บนปากเรียว ให้จดจำ
ด้วยเวรกรรม จำพรากจาก ตัวนาง