12 มีนาคม 2550 19:32 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
ค่ำคืน เหว่หว้า เดียวดาย
ดวงดาว พร่างพราย เต็มฟ้า
จันทรา ส่งแสง นวลตา
ลมพา หนาวสั่น จับใจ
น้ำค้าง พร่างพรม ลงหญ้า
เมฆา เลื่อนลอย อ่อนไหว
เหม่อมอง สุดสาย ฟ้าไกล
ในใจ หวั่นหวั่น สั่นรัว
เหตุการณ์ ร้ายร้าย คาใจ
ทับถม จนน่า เวียนหัว
ทุกอย่าง เกิดขึ้น จากตัว
ใจมัว มุนงง หลงไป
ต้องลืม ให้สิ้น ที่อย่าง
ก้าวย่าง ผ่านทุกข์ ทนไหว
ลมเย็น ปะทะ กับใจ
ไร้ใคร กอดฉัน ใต้จันทร์
กอดกับ อ้อมกอด ตัวเอง
บรรเลง ลำนำ ไหวหวั่น
กระชับ แขนเข้า รำพัน
นึกวัน ฉันอยู่ เดียวดาย
เรียนรู้ โลกเก่า เคยทิ้ง
อุ่นอิง ความเหงา ไม่หาย
อุ่นเหงา หนาวทุกข์ ในกาย
สลาย ให้สิ้น อาวรณ์
ครานี้ อยู่เพื่อ ตัวเอง
ห้ามเกรง รักยาก ถอดถอน
รักง่าย รักหน่าย จากจร
ต่อกร ความเศร้า ในทรวง
จันทร์ฉาย by มาลีฮวนน่า
...คิดถึงคืนผ่าน เหตุการณ์ที่มันร้ายๆ ...
...ร้ายจนแผดเผาใจไหม้หมองเกรียม...
...ต้องเป็นคนผิดด้วยความจำยอม ...
...กลั้นน้ำตานอง ค่ำคืนสะอื้นอารมย์...
...วันคืนผ่าน เหตุการณ์ที่มันรวดร้าว ...
...ร้าวจน..เกินใจจะทนไหว...
...รอยแยกแปลก แตกตรงกลางใจ...
...ขอฝันของฉันเคียงข้างเธอ...
...เรียนรู้โลกใหม่ โอบกอดตัวเอง ...
...ภายใต้เสียงเพลง คืนจันทร์ฉาย...
...แม้ไร้ใคร...เป็นเงาเคียงกาย...
...ล่วงเลยผ่าน...ผ่านเลยไป...
...ทอฝันของฉันเป็นมาลัย...
...คล้องให้เธอภายใต้จันทร์ฉาย...
...รอฝันของฉันเคียงคู่เธอ...
...เรียนรู้โลกใหม่ จะเคียงข้างเธอ ...
12 มีนาคม 2550 06:37 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
ชะตาชีพ มิอาจ มีใครรู้
ว่าไปสู่ หนทาง ซึ่งแบบไหน
แต่ลงท้าย ดีเลว ยากบอกไป
วิถีกรรม ชักให้ รู้ได้เอง
สิ่งต่างต่าง อาจเดา คำตอบได้
ประหนึ่งไซร้ กร้านกร้าว ทำข่มเหง
บทจบลง ตรงความผิด ของตัวเอง
ย่อมอยู่เกรง กลัวกรรม คอยซ้ำเติม
แต่บางคราว บางชั่ว บางขณะ
ยากปล่อยละ ความรู้สึก อยากแต่งเสริม
ความสุขกาย สุขใจ มากกว่าเดิม
ใจอยากเพิ่ม ขวนขวาย หารตี
ต้นรักนั้น ออกดอก แต่ตอนไหน
ไม่มีใคร ทราบได้ จริงไหมนี่
ใครเพาะเม็ด รดน้ำ ในฤดี
ทราบอีกที เมื่อดอกรัก เริ่มเบ่งบาน
แต่ใครรู้ ว่าดอกรัก อยู่ทนไหม
แล้ววันไหน จะร่วงโรย ไร้แรงขาน
หรือดอกรัก จะเติบโต ได้ไม่นาน
ยากเกินการณ์ จะคิด คาดเดาดู
ทุกสิ่งใน โลกา มีจุดสิ้น
แตกดับดิ้น ฟังดู ไม่รื่นหู
แต่ความจริง ผลที่เกิด นับเป็นครู
ให้ลวงรู้ เหตุการณ์ อาจมาเจอ
Only Time by Enya
Who can say
Where the road goes,
Where the day flows?
Only time
And who can say if your love grows
As your heart chose?
Only time
Who can say why your heart sighs
As your love flies?
Only time
And who can say
Why your heart cries when your love lies?
Only time
Who can say
When the roads meet
That love might be
In your heart?
And who can say
When the day sleeps
If the night keeps
All your heart?
Night keeps all your heart
Who can say if your love grows
As your heart chose?
Only time
And who can say where the road goes,
Where the day flows?
Only time
Who knows? only time
Who knows? only time
11 มีนาคม 2550 12:16 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
ที่ผ่านมา ฉันไม่เคย จะรับรู้
ความเป็นอยู่ ของเรา มันแบบไหน
แม้ฉันรัก เธอแล้ว จนหมดใจ
แต่เธอไซร้ ไม่รักกัน ให้หวังลม
จนคนนั้น เขามา ในชีวิต
เธอจึงถึง รักมั่น ถวัลย์สม
ไปครองคู่ กับเขา ชื่นอารมณ์
ปล่อยฉันตรม ลำพัง กับน้ำตา
ตลอดมา ฉันเป็นเพียง คนไร้เงา
เมื่อมีเขา เธอจึง ไม่เรียกหา
ไร้ตัวตน ดั่งเงาจันทร์ ที่พร่างพรา
รู้ไหมว่า แม้เป็นเงา แต่มีใจ
จะมีไหม ใครสักคน มองเห็นฉัน
จะมีวัน ที่ได้พบ วันสดใส
ในวันนั้น เกิดตัวตน สมดังใจ
จะมีไหม ใครสักคน ที่ฉันรอ
ไม่เคย [Never]
อาจจะเจอหน้าเธอ อาจจะได้คุยกัน
แต่ละวันผ่านไปดูเหมือนเธอมีใจ
แต่ไม่รู้ทำไม ว่าลึกๆ ข้างใน
มันปวดร้าวและรู้สึกได้กับความเฉยชา
ที่เธอมีให้กัน ให้กับฉันมานาน
สิ่งที่เหมือนจะหวานแต่กลายเป็นภาพลวง
เธอไม่คิดจริงจัง เหมือนที่ฉันจริงใจ
ยิ่งนานเท่าไหร่ในใจยิ่งรับรู้ความจริง
ว่าฉันไม่เคยได้อยู่ในชีวิตของเธอ
เป็นอยู่เสมอก็แค่คนที่ไม่เคยมีตัวตน
ในความฝันของเธอ แค่ผ่านมา และผ่านไป
ก็ได้แต่ช้ำเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ฉันหวังมานาน
มันเป็นแค่จินตนาการของคนโง่งมงาย
เจ็บแทบตาย...แต่ทั้งใจก็ยังรักเธอ
10 มีนาคม 2550 18:20 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
โลหิตหลั่ง เท่าไหร่ จึงจะหมด
หมดใจคด คิดกินเมือง น่าเวียนหัว
เห็นแก่ลาภ เห็นแก่โลภ จนน่ากลัว
หลงเมามัว จมดิ่ง อำนาจพา
สิ้นชีวิต กี่ศพ กันแล้วหนอ
จึงจะพอ เซ่นสังเวย แก่ตัณหา
จิตละโมบ ไม่เคยพอ กลืนพารา
ทั่วธารา ปฐพี แดนนี้ฤา
เสียงระงม แห่งน้ำตา การร่ำไห้
แปลบในใจ คนทั้งหล้า เขาผิดหรือ
อาจจะผิด ที่ไร้เงิน ให้หารือ
สิ่งยึดถือ คือความรัก และห่วงใย
10 มีนาคม 2550 17:41 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
หลับตาลง คราใด ยังรู้สึก
ในส่วนลึก หัวใจ ยังสั่นไหว
ยังตราตรึง ติดประทับ ลงที่ใจ
ราคีไว้ จากเดนคน ลอบเชยชม
เสียงกรีดร้อง ระงมงัน พลันกลับเงียบ
เมื่อมันเลียบ ประชิดตัว หวังสู่สม
ยิ่งกรีดร้อง ยิ่งหลีกหนี มันชื่นชม
ท้องจุกลม ทุกครั้ง ที่ชกมา
มือหยาบใหญ่ กำแน่น กระแทกท้อง
เสียงร้องก้อง พลันหาย ปวดหนักหนา
เมื่อมันก้ม หวังประโลม เสพกามา
รวบแรงพา กายดิ้น โดนซ้ำรัว
เจ็บจุกจน หมดแรง เกินจะสู้
เหมือนมันรู้ ยิ้มเย้ยแสร้ง ขอเป็นผัว
กระชากสิ้น กี่ชิ้น ที่ปิดตัว
อารมณ์ชั่ว จากชายโฉด ช่างบาปกรรม
หัวใจหญิง ร่ำไห้ อาลัยนัก
สิ่งสุดรัก จะสูญสิ้น ยากขันขำ
แม้ยกมือ วิงวอน ให้หยุดทำ
อย่าก้าวล้ำ พรหมจรรย์ โปรดเห็นใจ
คนอุบาทว์ ชาติสัตย์ ไม่ยั้งคิด
บอกขอนิด หน่อยนั้น จะได้ไหม
ขอเป็นผัว เธอสักครั้ง จะเป็นไร
เดี๋ยวชินไป จะร้องบอก ต่ออีกที
ว่าแล้วพลาง ลุกล้ำ กล้ำกายา
อ่อนแรงล้า เกินกว่า จะดิ้นหนี
จากรอยช้ำ ที่โดนชก และตบตี
ไอ้ใจผี มันยีย่ำ แสนปร่าใจ
กี่สัมผัส กี่ครั้ง ที่ชำแรก
ที่มันแทรก ตัวล้ำ เจ็บแค่ไหน
เจ็บทั้งตัว ปวดไปหมด แลหัวใจ
กรีดร่ำไห้ เพราะสัตว์ป่า ในคราบคน
แม้เหตุการณ์ จะผ่าน ลุล่วงแล้ว
โอใจแก้ว ยังแตกยับ นับพันหน
ภาพและเสียง ยังติดตรึง อลวน
ในใจตน ยังปวดแปลบ ดั่งถูกทำ