16 ธันวาคม 2549 08:15 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
แถบทิวสน ยาวไกล สุดสายตา
มองแล้วพา หัวใจ เศร้าหม่นหมอง
มองไปแล้ว ทำให้ น้ำตานอง
เจ้าคู่ครอง ของพี่ อยู่ที่ใด
ลมทะเล ถ่าโถม โหมเข้าฝั่ง
พี่คอยนั่ง คิดถึง เจ้ารู้ไหม
แม่นกน้อย กลอยใจ ที่อยู่ไกล
รู้บ้างไหม พี่คนนี้ คิดถึงเธอ
พี่อยู่ไกล แต่หัวใจ ยังใกล้ชิด
คงสนิท แนบแน่น และพร่ำเพ้อ
ว่าเมื่อไหร่ จะได้ พบกับเธอ
เกาะยอเธอ จำได้ไหม มาอย่างไร
รูสมิแล อยู่ห่างไกล ใจถวิล
หากโบยบิน ไปได้ อย่างใจหมาย
ชายน้ำเค็ม คนนี้ ถึงอยู่ไกล
จะเร่งไป อยู่เคียงข้าง นกตานี
หากแต่เพียง ครอบครัวเจ้า ยอมรับพี่
เราคงมี ครอบครัว อันสุขขี
เจ้าจากไป พี่เจ็บช้ำ ปวดชีวี
ไปเพื่อพี่ แต่พี่ช้ำ รอทุกข์ทน
วันหนึ่งหนึ่ง ได้แต่มอง ทะเลกว้าง
ที่เราสร้าง คำสัญญา ใต้เงาสน
จะเริ่มสร้าง ฐานะ จะอดทน
ไม่ให้คน ครหา ว่านินทา
ในตอนนี้ ฐานะ เริ่มดีอยู่
ไม่อดสู อย่างแต่ก่อน ไร้ปัญหา
ไม่มีคน ครหา ว่านินทา
แต่นั้นหนา ปัญหา อยู่ที่เรา
นกน้อยเอย เจ้าจากไป พี่คิดถึง
คอยคำนึง ถึงความหลัง อยู่ข้างเสา
ตรงตรงที่ เคยโยงเรือ ของสองเรา
ตอนพี่เอา ลูกสนร้อย ให้น้องไง
มองทะเล ยิ่งนึก ถึงความหลัง
อีกสักครั้ง จะได้พบ กันอีกไหม
อีกสักครา การรอคอย ของหัวใจ
เจ้าจากไป ไม่บอกลา กันสักคำ
บ้านของเจ้า ถ้าพี่รู้ พี่ไปแน่
ถ้าแค่แค่ พี่จะไป หางามขำ
แต่ว่าพี่ ไม่รู้ที่ หนทางคลำ
พี่ต้องจำ รอเจ้า ทุกเช้าเย็น
พี่มันคน สงขลา เจ้าก็รู้
ไม่เคยอยู่ ไปไกล กว่าที่เห็น
พี่มันจน อดยาก อย่างที่เป็น
แสนลำเค็ญ เพราะเจ้า ไม่บอกทาง
พี่อยากไป หาเจ้า ใจแทบขาด
เหมือนไฟราด กองสุม รุมที่หาง
อยากจะไป ทักทาย ก่อนจืดจาง
แต่ปลายทาง ของเจ้า อยู่ที่ใด
พี่เลยได้ นั่งคอย อยู่อย่างนี้
สักวันที่ บ้านของเจ้า หายสงสัย
สักวันนั้น พวกเขา จะเข้าใจ
ว่าทำไม พี่ถึงรัก นกตานี
อิจฉาคลื่น กระทบฝั่ง หาหาดทราย
อิจฉาไม้ ได้ลู่ลม แสนสุขขี
อิจฉาปลา ที่แหวกว่าย ในนที
อิจฉาที่ เขามีสุข ทุกคืนวัน
เมื่อตอนนี้ พี่ทำไร ก็ไม่ได้
ขอวอนให้ วาจาพี่ ถึงสวรรค์
อยากให้เจ้า เร่งมา คืนรังพลัน
อย่าให้ฝัน ของพี่ ต้องหลุดลอย
ฝากลมไป กระซิบ ข้างข้างหู
ยอดพธู ของพี่จ๋า อย่าให้คอย
พี่นั้นหนา รอการมา อย่างเศร้าสร้อย
เจ้านกน้อย ของพี่ รีบคืนรัง
ฝากดวงจันทร์ ที่เวิ้งฟ้า นภากาศ
อย่าให้พราก เปลี่ยนใจเจ้า ให้กลับหลัง
อยากเจอหน้า คนที่ สร้างพลัง
โปรดคืนรัง เถิดหนา นกตานี
จะกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี
ตัวของพี่ ชายชาวเล บ่าวคนนี้
จะรอเจ้า แม่นกน้อย ปัตตานี
รอตรงที่ สัญญารัก ของสองเรา
*******************************************
หึหึหึ....ได้ไอเดียตอนฟังเพลง สมิหลา รูสมิแลของมาลีฮววน่าค่ะ เนื้อเพลงประมาณว่า....ทิวสนยืนท้าลมแรง ล้อคลื่นสั่งทรายกระซิบคำหวาน ฝากคำที่พร่ำตามลม ขอฝากไปไกลมุ่งริมฟ้านั้น.....คนสงขลายังคอย แม่นกน้อยตานี ยังซาบซึ้งวจีที่เราสองสัญญา ไม่เคยลืมเลือน ย้ำเตือนใจรอ จะยื่นผ้าทอเกาะยอทักทาย ลองเอามาลงก่อนถึงตำนานแห่งดวงจันทร์น่ะคะ หึหึหึ
15 ธันวาคม 2549 04:36 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
วันนั้น . . . ที่เธอมาบอกลา
ฉันพรั่งพรูน้ำตา . . . หลั่งรินไหล
ปากพร่ำ พูดร้องขอ วอนเธอ อย่าไป
อยู่กับฉันต่อได้ไหม . . . ไม่ว่าอย่างไร ฉันจะทน
เธออ้างว่า . . . เธอกับฉัน เราเข้ากันไม่ได้
ขืนอยู่กันไป รังแต่จะ ฝืน
ฉันฟังเธอ . . . ให้เหตุผลอย่างกล่ำกลืน
และบอกเธอว่า . . . ฉันอยากฝืน สุดกล่ำกลืน ก็จะทน
ฉันพูดว่า . . . ฉันจะเปลี่ยน
ฉันจะเปลี่ยน . . .เป็นคนที่เธอต้องการสักหน
สิ่งบกพร่อง บอกฉันมา ฉันจะยอมอดทน
เพื่อจะได้เป็นดั่งคน . . . ที่เธอต้องการ
เธอบอกว่า . . . ฉันไม่ต้องเปลี่ยน
ที่ทำเป็นอยู่ อย่างนี้ ก็ดีมากล้น
ไม่ต้องมา ทำเพื่อเธอ ไม่ต้องมาอดทน
เพราะถึงอย่างไร เธอก็ไม่สนฉันอยู่ดี . . .
มาจากเมลล์น่ะคะ....เห็นเพราะดี..ตรงใจโจ๋มากเลย อิอิ
13 ธันวาคม 2549 02:29 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
ความรักเป็นเช่นใดใครรู้บ้าง
รักจักสร้างความสุขหรือทุกข์หนอ
ทั้งชีวิจของฉันนั้นเฝ้ารอ
ความรักจากออพ่อที่จริงใจ
แล้ววันหนึ่งฉันก็พบได้ประจักษ์
ว่าความรักเป็นอย่าไรหายสงสัย
ความรักนั้นสุดแสนหวานเกินจับใจ
ผูกพันในสัมพันธ์รักของสองเรา
และต่อมาฉันก้ได้รู้ความอีกอย่าง
มึนไม่สร่างกับรักแท้ของคุณเขา
เพราะว่าเราของสองเราเป็นเพียงเงา
ที่บางเบาบดบังความจริงใจ
เขานั้นรักสาวอื่นได้อีกหลาย
พ่อยอดชายมีรักแท้คอยแจกให้
ให้คนนั้นให้คนโน้น..รักจากใจ
แล้วรักใคร่ของราเขาไม่มอง
แม้นเรารักเขาก็รักช่างมากมาย
เขาเดินสายจ่ายแจกอีกเป็นกอง
รักของเขาเป็นของทั้งเราผอง
ไม่ใช่ของของใครจะอยู่เคียง
ถึงแม้เขาจะดูแลเราดีเหมือนเดิม
แต่ก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นฉุนเฉียว
เรื่องนี้นิดเรื่องนั้นหน่อยไม่ได้เชียว
พ่อโกรธเกรี้ยวไม่ยอมพูดกับเราไป
จนไม่นานสักประมาณหกเจ็ดเดือน
วันเดือนเคลื่อนจากวันที่สดใส
มันเป็นวันมรสุมอยู่กลางใจ
เมื่อเมียใครก็เมียเขาเริ่มโทรมา
ถึงเคยบอกเคยกล่าว่าไม่ใช่
แต่ทำไมตัวพี่ดันกลับกลอก
ได้อีกคนเป็นเมียแล้วยังมาหลอก
ทำมาบอกว่าแค่เพื่อนอย่าโวยวาย
โอ้ความรักเป็นอย่างไรในแก่นแท้
ไม่รู้แน่ว่าอะไรคือความหมาย
ว่ารักคือการสร้างหรือทำลาย
ฝันสลายเมื่อเมียอื่นมาระราน
คำว่ารักของคนอื่นฉันไม่รู้
ว่าอยากอยู่คู่เดียวหรือมากหลาย
เคยฝันไว้ว่าเราอยู่คู่ตายาย
ไม่เสื่อมคลายรักเราเพราะรักจริง
แต่ในเมื่อเมียอื่นเขามาท้วงสิทธิ์
ยอมรับผิดกับเราแล้วทำนิ่ง
เราไม่รู้ว่ารักเรามันแท้จริง
หรือแค่สิงห์หลอกวัวให้ตายใจ
..............
โอยยิ่งเขียนยิ่งช้ำน้ำตาไหล
สุดอาลัยความรักในหนนี้
ต่อไปนี้คงได้จบกันที
อย่าให้มีรักร้าวร้าวแบบนี้อีกต่อไป
12 ธันวาคม 2549 14:14 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
โอ้พี่เอย... ที่ผ่านมาน้องไม่เคยวอนขอสิ่งใด
ขอแค่ได้เฝ้าฝากรักฝากหัวใจ แต่ทำไมทำร้ายน้องได้ลงคอ
มัวไปจีบมัวไปคุยกับสาวอื่น รู้ไหมใจน้องขื่นขมมากแค่ไหน
แต่น้องรู้น้องก็ยอมปล่อยทำไป แต่หัวใจของพี่ไม่เคยพอ
แม้นน้องปล่อยให้พี่ตามสะดวก แต่พี่บวกความสบายตามที่หวัง
รู้บ้างไหมหัวใจน้องมันแทบพัง เมื่อได้ฟังคำบอกจากอีกเมีย
ความรู้สึกของน้องมันว่างเปล่า พี่มีสาวกีคนน้องไม่สน
แต่ทำไมพี่ต้องมีเมียอีกคน จำใจทนกลืนกล้ำความช้ำใจ
ถึงว่าน้องจะรักพี่มากแค่ไหน แต่หัวใจของพี่นั้นถมไม่หมด
น้องจึงยอมเป็นฝ่ายที่ถอยร่น แต่พี่ด้นให้น้องคืนกลับรักกัน
น้องใจอ่อนยังยอมพี่เพราะว่ารัก แต่พี่หักน้ำใจน้องที่ให้ไว้
น้องไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ต้องจำใจฝืนทนน้ำตาคลอ
ผิดใช่ไหมที่น้องรักมากอย่างนี้ แต่ตัวพี่ไม่เคยสนไม่เคยใคร่
พี่มักชอบให้สาวสาวเอาใจให้ สะสมไปไม่รู้อีกกี่คน
ตัดพ้อไปมันไม่มีสิ่งดีขึ้น มันอึมครึมทั่วใจพาเศร้าหมอง
ต้องทำใจเพราะยกให้คนอื่นครอง ตีตราจองเป็นเจ้าตัวเจ้าหัวใจ
8 ธันวาคม 2549 22:58 น.
เปเป้ซังแม่มู๋ผู้เดียวดาย
ทุกๆสิ่งอยู่เพียงปลายความคิด
ในนิมิตรของคุณว่าสิ่งไหน
จะดีร้ายก็ย่อมขึ้นอยู่กับใจ
ให้เป็นไปตามความคิดลิขิตคน
ในตอนนี้ตัวฉันปล่อยความคิด
ให้นิมิตรลอยล่องไร้จุดหมาย
อาจจะดูเหมือนฉันคล้ายคนตาย
แต่สบายตรงที่ความคิดไกล
ไม่ใช่ฉันอยากจะว่าคนอื่นๆ
แต่ฉันฝืนความคิดเก่าฉันไม่ไหว
ฝืนความคิดความรักที่ปักใจ
หักห้ามให้น้ำตาไม่หลั่งริน
ในวันนี้ที่ฉันปล่อยความคิด
ให้ดวงจิตปล่อยวางสง่าสม
ให้ความคิดปล่อยไปตามอารมณ์
ไม่ให้จมกับความเศร้าที่เผาใจ