29 กันยายน 2555 00:38 น.
เปลวเพลิง
จะร้อยพจน์กวีวรรณ
ผจงกลั่น ณ ดวงใจ
สลักจิตสถิตไว้
ณ แผ่นพื้นธราดล
ประอรดังสุมาลย์มาศ
และโอภาสสถาผล
วิเวกหวานพิชานชน
บ่สร่างสิ้นสุคันธา
เสน่ห์นิ่มมโนมัย
สนิทใจและตรึงตรา
เสมอขวัญวิเลปน์ฟ้า
ชโลมที่ฤดีชน
สว่างเพียงพระเพลิงฉาน
ระรื่นปานละอองฝน
จรัสเริงเถกิงกล
ประดับไว้ ณ โลกา
กระผมเพียรเพราะใจรัก
บุชิตศักดิภาษา
ถวัลย์ยศสวรรยา
พิรามคู่บุรีเทอญ
.............................
ลองแต่งฉันท์ครั้งแรก
ยากจัง!
พยายามออกมาแล้วได้แค่นี้จริงครับ
เอามาให้ลองอ่านและติชมกันครับ
14 กันยายน 2555 01:15 น.
เปลวเพลิง
ตอนมอปลายเรียนสายวิทย์-คณิต
แต่แหม! ดันเลือกผิดไปนิดหน่อย
คำนวณเลขเราก็หลงเข้าดงดอย
เหมือนยิ่งถอยหลังลงคลองน้ำครำ
ฟิสิกส์ก็ยิ่งร้ายเข้าไปใหญ่
ไม่รู้เรื่อง-เรียนอะไรวันยังค่ำ
สูตรหลากหลายอยากเก่งต้องเร่งจำ
เราแสนช้ำ-จำอะไรไม่ได้เลย
เคมีมีสมการเบิกบานจ้า
แทบน้ำตาไหลพราก-ไม่อยากเอ่ย
ผสมสาร ตวง ชั่ง ยังไม่เคย
ยามเกรดเผยนี่ละ-จะเป็นลม
โอ้ชีววิทยานั้นขั้นดีหน่อย
ดลให้ค่อยเริงร่าสง่าสม
ระบบนิเวศ เขตป่า สัตว์ น่าชม
พอภิรมย์ได้บ้างไม่ห่างไกล
ภาษาอังกฤษหรือก็พอไถถู
การเรียนอยู่ในขั้นออกงานได้
สังคมโลก ศาสนา น่าพอใจ
เราสอบไม่เคยตกสักยกเดียว
ภาษาไทยเรานั้นเข้าขั้นรัก
ยิ่งเรียนจักยิ่งโอภาสฉลาดเฉลียว
คำประพันธ์ชอบเขียนเพียรเป็นเกลียว
คาดว่าเดี๋ยวมหาลัย-ไปทางนี้
แต่จับพลัดจับผลูไม่รู้ได้
เลือกสอบไล่นิติศาสตร์ปราชญ์วิถี
ผ่านตลอดปลอดโปร่งโล่งฤดี
ทั้งทั้งที่ไม่คิดฝันจะผันตน
หวังเรียนครูภาษาไทย-ไม่ได้แล้ว
จะนั่งแกร่วก็เห็นไม่เป็นผล
ทั้งอยากเป็นนักเขียนเพียรผจญ
ดูเหมือนยลดาวพรายปลายนภา
เอาเถอะน่าช่างมัน-เมื่อวันนี้
มีหน้าที่นับร้อยรอคอยท่า
ปัจจุบันทำให้เข้มเต็มอัตรา
วันข้างหน้าเป็นอย่างไร-ไว้คอยดู
13 กันยายน 2555 00:48 น.
เปลวเพลิง
แผ่นดินแห้งแล้งเกินจะเดินข้าม
ฟากฟ้าครามที่ไร้แววสายฝน
คือเพื่อนยากแห่งเหล่าเราคนจน
ผู้ทำนาเลี้ยงชนม์คนทั่วแดน
ไม่อาจรู้สวรรค์สาปบาปใดหนอ?
แค่น้ำพอหว่านหวังยังหวงแหน
ดินจะหยั่งชีวาตม์ยังขาดแคลน
พบเพียงแค้น ขุกเข็ญ ใครเห็นใจ?
นามเราคือ ชาวนา ผู้หน้าคล้ำ
เคยไถ ดำ ปลูกข้าวราวพันไร่
จากเขียวสดเป็นรวงเหลืองเรืองอุไร
แล้วคมเคียวเกี่ยวไกวให้ปรีดา
ข้าวเราเจือเหยื่อหยาดหมาดผิวกร้าน
ไล้มือด้านดำที่มากมีค่า
เหนื่อยแสนเหนื่อยทุกทีที่ทำนา
แลกราคาข้าวซึ่งต่ำถึงดิน
กับฟ้าฝนก็เหมือนไม่เป็นใจหนอ
บางปีบ่อแห้งผากเหมือนฟากหิน
น้ำขอดคลองหมดนาน้ำตาริน
ปถพินแตกระแหงแล้งเต็มทน
บางปีก็ฝนมาน้ำป่าหลาก
ไหลท่วมฝากน้ำนองเสียหมองหม่น
นาเราท่วมจมสิ้น-เหมือนสิ้นชนม์
หวังมีคนช่วยเหลือเพื่อลี้ภัย
รอแผ่นดินมีหญ้าให้ฝ่าข้าม
และฟ้าครามโปรยฝนหล่นหลั่งไหล
ชุบชีวิตวิญญาณ์ชาวนาไทย
ผู้ถือเคียวเกี่ยวไกว-ให้ชีวิต!
.......................................................
แต่งให้กระดูกสันหลังของชาติทุกคนครับ
เพราะบรรพบุรุษผมได้ดีมาจนถึงวันนี้ได้ก็เพราะ
อาชีพชาวนานี่แหละ