19 มีนาคม 2555 20:50 น.
เปลวเพลิง
วันนี้มีเรื่องสาธกยกเล่าเพื่อน
ถึงความเหมือนที่เขาเทียบเปรียบให้เห็น
เรื่องของการปิดทองพระผ่องเพ็ญ
ซึ่งคนเน้นปิดด้านหน้าทุกคราไป
แต่นั่นแหละเขาบอกไว้มิใช่หรือ
พระก็คือพระทั้งองค์อย่าสงสัย
จักสวยสมงามกระจ่างได้อย่างไร
ถ้าคนไม่นำทองปิดที่ปฤษฎางค์
ประหนึ่งว่าสังคมสุขสมนั้น
คนมุ่งมั่นแต่ให้เห็นเป็นแบบอย่าง
ทำความดีหวังหน้าประชาพลาง
ไม่มีทางสร้างสังคมสุขสมจินต์
หากจะต้องอุทิศชีวิตนี้
ทำสิ่งดีทั้งหลัง-หน้าอย่ารู้สิ้น
ดีลับหลังอาจไร้ใครยลยิน
โศลกรินรักอาบฉาบชีวา
แต่โลกก็สวยสะคราญนานนักแล้ว
ด้วยดวงแก้วความดีที่ล้ำค่า
จากผู้ปิดทองหลังพระปฏิมา
สังคมน่าอยู่ขึ้นอีกหมื่นปี
มอบความดี ความงามและความรัก
สอดสลักลงเห็นเป็นสักขี
ผู้สร้างคุณไม่หวังหน้าประชาชี
เปรียบผู้ที่ปิดทองหลังพระนั่นไง
ตรองเถิดเพื่อนเรื่องนี้ที่มาเล่า
สังคมเฝ้าปรารถนามาแต่ไหน
พระจะงาม โลกจะรอด อยู่ปลอดภัย
ตราบความดีปิดทองไว้ทั่วใจคน
.................................................
19 มีนาคม 2555 20:33 น.
เปลวเพลิง
“หากพื้นดินไม่มีที่ให้อยู่
เราจะกู่ร้องหาชายคาไหน?”
สาระของข่าวเช้าน่าเศร้าใจ
ดินแดนไทยถูกต่างชาติกวาดจับจอง
หนึ่งในสามของพื้นถิ่นดินทั้งหมด
นั้นปรากฏฝรั่งเข้าเป็นเจ้าของ
หาดทรายสวย รวยทรัพย์นับเนืองนอง
คนนอกครองเอาเพียบเรียบร้อยแล้ว
สวมรูปแบบโน่น นั่น นี่ ที่น่ารัก
มาตวงตักผลกำไรได้คล่องแคล่ว
งัดการยุทธ์กระบวนท่ามาทุกแนว
เรานั่งแกร่วมองเฉยเลยมันไป
แล้วถ้าหากไม่มีที่ให้อยู่
เออ! จะกู้พสุธาไหนอาศัย
บรรพชนป้องแผ่นดินจนสิ้นใจ
ลูกหลานใช้ทิ้งขว้างอย่างเลือดเย็น
เศรษฐกิจ กฎหมาย จ่ายช่องว่าง
หลายช่องทาง-ทุด! เราดูไม่รู้เห็น
โลกวิวัฒน์ ซัดเงินทุน หมุนกระเด็น
ไล่เราเผ่นสู่ยุคทุกข์ทวี
เพียงยินข่าวหวั่นไหวหัวใจเศร้า
เฮ้อ! บ้านเราเจอะภัยอะไรนี่
กลัวนักว่าจากนี้ไปไม่กี่ปี
จะไม่มีที่ดินให้คนไทยครอง
สุดแผ่นน้ำ คามพิสัยกว้างไพศาล
ผลาหาญ ทรัพย์ในดินสิ้นทั้งผอง
จงสำนึกรักษาตั้งตาปอง
ก่อนจะต้องอยู่อาศัยในทะเล
....................................................
19 มีนาคม 2555 15:18 น.
เปลวเพลิง
ฉันพักกายที่นี่นะที่รัก
นอนหนุนตักหญ้างามคลายความหมอง
ห่มกายด้วยรังสีสุรีย์กรอง
ฟังไผ่พร้องดุริยศัพท์ขับคีตกานท์
เพลงลูกทุ่งผิวแผ่วแว่วมาโน่น
รวงข้าวโอนระเนนลู่ดูอ่อนหวาน
โอบอ้อมแขนขุนเขาเนาสราญ
แช่มชื่นบานถ้วนทั่วทั้งหัวใจ
แม้เพียงเอนหลังเพลินบนเนินหญ้า
ก็สุขแล้วยิ่งกว่าเวลาไหน
ที่รักจ๋า...ถ้าเหนื่อยเมื่อยเกินไป
แนบหทัยไสยาเถิด...อย่าติง
ณ แผ่นดินถิ่นซึ่งฉันพึงรัก
ได้รู้จักและสุขกับทุกสิ่ง
ผืนแพรทองผ่องไผทไม่ทอดทิ้ง
ซื่อสัตย์ยิ่งคงมั่นจนวันตาย
ก่อนหันกลับสู่เมืองที่เรืองรุ่ง
ขอบฟ้าปรุงแต้มแต่งแสงเฉิดฉาย
แหงนสบเนตรจันทรา ดาราราย
ดื่มความหมายชีวิต สิทธิ์เสรี
ฉันพักกายที่นี่นะที่รัก
อย่าห่วงนักและอย่าเมินหน้าหนี
ต่อรุ่งเช้าสว่างฟ้าทาบธาตรี
ฉันจะกลับสู่วิถีกาลีเมือง
ปล.บทนี้เป็นบทที่ต่อจาก พิมานทอง ครับ
8 มีนาคม 2555 06:13 น.
เปลวเพลิง
ฉันกลับมาที่นี่แล้วที่รัก
คิดถึงนัก-ดอกไม้และใบหญ้า
ผีเสื้อโบกปีกร่ายอย่างทายท้า
ต้อนรับการกลับมาอีกคราคราว
หลังจากที่เหนื่อยยากลำบากยิ่ง
กับการวิ่งฝ่าประจญทนความหนาว
หวังลบภาพเมืองซึ่งสะพรึงคาว
หลบความฉาว โฉด ชั่ว หัวใจคน
กับความเครียดมากมายอีกหลายอย่าง
ฉันอยากวางใจพักลงสักหน
กลับมาเติมพลังประทังตน
สู่แดนชนบทอันฉันเกิดกาย
อา! บ้านนาแห่งนี้เป็นที่รัก
พร้อมให้ตักตวงสุขทุกเช้าสาย
อยู่กับอากาศอันไร้อันตราย
ความเรียบง่ายสร้างค่าอิฏฐารมณ์
ขอสู่แดนแผ่นดินถวิลหา
ซึ่งไร่นา ดิน น้ำ ร่ำกลิ่นฉม
ทิ้งความเหนื่อยลอยลับกับสายลม
ทอดตาชมธรรมชาติปราศพิษภัย
จากเมืองฟ้ามาสู่ประตูทุ่ง
ลอดโค้งรุ้งใต้หลังคาท้องฟ้าใส
ฉันหลับแล้วกับฝันอมรรตรัย
พักกายใจในบ้าน-พิมานทอง
......................................................
ปล.ปิดเทอมแล้ว กลับบ้าน!