21 มีนาคม 2555 00:53 น.
เปลวเพลิง
ฝีมือเขาแคล่วคล่องว่องการยุทธ์
อันประทุษร้ายคนได้ล้นหลาม
โดยแป้นพิมพ์เจือรสพจน์พิราม
ซ่อนรูปนามเขาไม่ให้ใครยล
แรงด้วยฤทธิ์ทศกัณฐ์อันมาดหมาย
จ้องทำลายใครใคร-เขาไม่สน
ผรุสวาท เสียดสี อัปรีย์ปน
เขามาพ่นสนุกสนานสำราญใจ
วางมาดเป็นจอมภพจบสวรรค์
มุ่งลงทัณฑ์คนด้วยจิตคิดสาไถย
ตาจับจ้องหน้าจอรีรอไว้
พบผู้ไม่ถูกชะตาก็ฆ่ามัน
เขามีสรรพาวุธประดุจเทพ
และเขาเสพความจงเกลียด ความเดียดฉันท์
ทรงยศด้วยชื่อแฝงแกร่งกล้านั้น
แล้วเริ่มวันด้วยการพาลเฉโก
วิจารณ์เรื่องชาวบ้านย่านโน้น-นี้
สาดเทสีดำใส่อีกหลายโหล
แผลงเดชแล้วรอเวลาพาเฮโล
ชะ! ช่างโก้ ทันสมัยหาใดปาน
แต่แปลกที่เขาไม่ให้ใครเห็น
ร่างซ่อนเร้นเคหาสน์นิวาสถาน
เพื่อเขาจะคืนกายกลายเป็นมาร
วิจารณ์เรื่องชาวบ้านผ่านหน้าจอ
อา! เขาคืออสุรายุคฟ้าใหม่
รอจุดไฟเผาฟางอย่างเร็วปร๋อ
ไม่มีคนบนโลกนี้ที่ดีพอ
ให้เขายอนิยมด้วยคมคำ
เขาอาจเป็นเยาวภาที่น่ารัก
หรืออาจจักเป็นบุรุษสุดคมขำ
แบ่งร่างภาคฉกาจร้ายร่ายระบำ
ออกเที่ยวพร่ำ สบถบ้า ท่องธาตรี
เขาเป็นผู้ปราดเปรื่องเรื่องการยุทธ์
ซึ่งสมมติบทผ่านกาลวิถี
เพียงจะปราบจะพิชิตตามทฤษฎี
ของเรานี้-คงเป็นไปไม่ได้เลย
...................................................
ปล.เดี๋ยวนี้นักเลงคีย์บอร์ดเยอะเหลือเกินครับ
19 มีนาคม 2555 21:16 น.
เปลวเพลิง
ปั้ง ปั้ง ปั้ง เสียงปืนขานเปิดม่านแล้ว
ระเบิดแว่วดังสนั่นกันตูมใหญ่
เชิญกรีดร้องพร้องเพลงครื้นเครงใจ
ทิ้งร่างไร้วิญญาณนี้ต่างคีตกร
มัจจุราชสาดแสดงแสง สี เสียง
บทจำเรียงเป็นมนุษยานุสรณ์
เพื่อดับชีพ ดับฝัน นิรันดร
ลงม้วยมรณ์แทบเท้าเจ้าชีวิต
เมื่อม่านเปิดตัวละครเริ่มฟ้อนร่าย
มอบความตายด้วยอาวุธสุดอำมหิต
โหด ระยำ ทรงไว้ในความคิด
ให้การปลิดชีพนั้นมันง่ายดาย
แค่คะนอง แข็งแรง แกร่งฉกาจ
ก็สามารถเป็นขบถต่อกฎหมาย
ตอบสนองสัญชาตญาณแห่งมารร้าย
เข้าทำลาย ตายล้นหลาม ตามตามกัน
พระเอกเล่นสมบทบาท-น่าหวาดไหว
นางเอกไล้เลือดนองสยองขวัญ
พระรองและนางรองประลองพลัน
ตัวประกอบก็ห้ำหั่นยับบรรลัย
ตูม เปรี้ยง ปั้ง ไฟโหมบรรโลมล่อง
นักแสดงต้องตายเกลื่อน บ้านเรือนไหม้
จบด้วยฉากที่(น่าจะ)ประทับใจ
คือล้วนแล้วไม่มีใครได้ชัยชนะ
.......................................................
19 มีนาคม 2555 21:09 น.
เปลวเพลิง
คนเขียนกลอนหลายหลากจากความคิด
เสรีสิทธิ์ตามใจที่ใฝ่หา
หลั่งอารมณ์น้อมถวิลจากจินตนา
ใส่วิญญาณ์แต่ละรสลงบทกวี
ข้อคิดซึ่งแฝงไว้ในกลอนนั้น
อาจพบมันเด่นชัดถนัดถนี่
หรืออาจต้องตรองตรึกนึกอย่างดี
กว่าพบที่แสดงไว้ในเนื้องาน
ความรู้สึกลึกล้ำเกินกำหนด
เกินออกกฎปิดมุมมองของผู้อ่าน
เราซ่อนดอกไม้ไหวละไมมาน
ท่านอาจพานพบน้ำฉ่ำชลนัยน์
เพราะพลังจินตนาการอันบรรเจิด
สามารถเกิดเกินกำลังหยั่งรู้ได้
ไม่มีหรอกโลกนี้ไม่มีใคร
จำกัดในอรรถรสบทตายตัว
ทุกครั้งที่เขียนกลอนสะท้อนภาพ
ความคิดอาบอิสราเป็นค่าหัว
สองมือสร้างสรรค์ตามไม่คร้ามกลัว
และไม่มัวหวั่นไหวให้เสียดาย
จากความคิดมุ่งรุดไม่สุดสิ้น
กลอนหวานลิ้นหวานหูอย่ารู้หาย
วจีทิพย์วรรคทองก่องประกาย
แทรกความหมายดาษดื่นให้ชื่นชม
คนเขียนกลอนหลายหลากจากความคิด
ดลด้วยฤทธิ์สมองขลังแรงสั่งสม
ทุกชีวิตอักษรซ่อนเงื่อนปม
เชิญภิรมย์ตามความคิดสิทธิ์ท่านเอง
.......................................................
19 มีนาคม 2555 21:04 น.
เปลวเพลิง
ยุคนางทาสอวสานนานแล้วจ้า
บ้านเมืองรื่นชื่นประชามานานโข
ถึงบัดนี้เจริญล้นคนคุยโว
บ้านช่องโตอย่างกับวังครั้งโบราณ
เทคโนโลยีก้าวล้ำนำสมัย
คนขึ้นไปเหยียบพระจันทร์อันไพศาล
แสนสะดวกตอบสนองความต้องการ
หลากหลายงานพลันเสร็จสำเร็จไว
ชนจึงเริ่มยึดติดเหมือนมิตรซื่อ
ใช้ต่างมือ ต่างเท้า เข้านิสัย
และบ่มเพาะอิทธิฤทธิ์เหนือจิตใจ
ชวนหลงใหลเล่ห์สุขยุคเจริญ
ความสบายก่ายกองต้องมาสู่
เงินเชิดชูบูชาน่าสรรเสริญ
ปรนเปรอทุกปรารถนาพาเพลิดเพลิน
จนเชื้อเชิญความเป็นทาสวาดชีวัน
ยุคนางทาสเช่นเดิมเริ่มอีกแล้ว
คงไม่แคล้วจะต้องครองโศกศัลย์
ในเรือนเบี้ยตกเป็นทาสอาตมัน
สนุกแค่ไหนนั้น...ท่านรอชม
ประกาศิตจากโลภ โกรธ และหลง
ช่วยสาปส่งสู่ภาวะระกำขม
นี่ยุคใหม่คนเป็นข้าของอารมณ์
เราไม่ข่ม...มันก็ข่มเราจมดิน
ทาสยุคเก่าอวสานนานแล้วจ้า
คนถ้วนหน้าอยู่ร่มเย็นเป็นนิจสิน
ทาสยุคใหม่โผล่กายมาเร่หากิน
เอ้า! หวานลิ้นไหมรสชาติ...ทาสอัตตา?
...........................................................
19 มีนาคม 2555 21:02 น.
เปลวเพลิง
อดทนเถิดเพื่อนจ๋า...อย่าร้องไห้
เมื่อโรคภัยแห่ห้อมล้อมตัวอยู่
เมื่ออดอยากจ่อท่าหน้าประตู
เมื่อทุกข์จู่โจมใจไม่เว้นวาง
เมื่ออากาศหนาวเหน็บเจ็บกระดูก
เมื่อชีพถูก ข้าวของแพง แล้งทุกอย่าง
เมื่อมีหนังเท้าหนา-หนังหน้าบาง
เมื่อเส้นสายรายทางนั้นไม่มี
เมื่อเกิดมาหมองหม่นคนเหยียบย่ำ
เมื่อเวรกรรมสร้างวิบากยากถอยหนี
เมื่อกุศลแพ้ราคาเงินตราตี
เมื่อความดีถูกฆ่าบูชามาร
เมื่อรักโรยกลีบบางปูทางเท้า
เมื่อโศกเศร้าเริงรุกสนุกสนาน
เมื่อเลือดหลั่งถั่งโถมชโลมธาร
เมื่อรสหวานชีวาสร่างซาไป
เมื่อสิ้นหวังว่าจะมีที่ดีกว่า
เมื่ออิ่มหนำคราบน้ำตาซึ่งบ่าไหล
เมื่อโลกล้นหุบเหวเลวบรรลัย
เมื่อหทัยปี้ป่นเกินทนแล้ว
อดทนเถิดเพื่อนจ๋า...อย่าร้องไห้
สิทธิ์เราได้ถูกจำกัดอย่างชัดแจ๋ว
กลางสังคมขีดเส้นลงเน้นแนว
อา! เพื่อนแก้ว...คือชีพเข็ญอันเป็นจริง
...............................................................