31 มกราคม 2555 01:23 น.
เปลวเพลิง
โอ้บ้านนั้นคือมหาอาณาจักร
อันมีรักกรองข่ายสายใยเหนียว
คล้องกมลคนในให้กลมเกลียว
เป็นหนึ่งเดียวแนบแน่นดินแดนใจ
บ้านจะเป็นแดนสวรรค์ดั้นเหาะถึง
หากไม่ขึ้งเคียดกันแม้นวันไหน
มีปรานีแทนตอบมอบอภัย
รู้จักให้โอบเอื้อเกื้อกูลกัน
ทั้งปู่ย่าตายายได้อิ่มอาบ
ยามเห็นภาพหลานเหลนเล่นสรวลสันต์
พ่อแม่ปลูกคุณธรรมอันสำคัญ
สอนลูกหมั่นก้าวย่างสู่ทางดี
อวลอบอุ่นใต้หลังคาอาณาจักร
เป็นที่พักบรรเจิดเฉิดฉวี
เสียงหัวเราะเริงร่าครายินนี้
ต่อชีวีหวานได้อีกหลายวัน
หากเมื่อใดรักแยกแตกจากขั้ว
บ้านจักรั่วร้ายรุกทุกข์มหันต์
คงเหลือเพียงเสียงพร่าเศร้าจาบัลย์
สะท้อนลั่นเลื่อนมาเป็นอาจิณ
และตราบที่รัก หวัง ยังล้นเหลือ
คนบ้านเจือใจเย็นเป็นนิจสิน
รวมพลังรักพร่างสร้างชีวิน
สุขจักผินผกมาแต่ฟ้าไกล
อาณาจักรของเราแค่เท่านี้
แต่เป็นที่เป็นถิ่นอันยิ่งใหญ่
ที่ซึ่งคำว่า ครอบครัว ยังยั่วใจ
ให้เราทำอะไรอะไรได้ทั้งนั้น
27 มกราคม 2555 22:10 น.
เปลวเพลิง
วันนี้กระผมได้ท่องโลกอินเตอร์เน็ต
แล้วบังเอิญไปเจอบทกวีของ อ.จินตนา ปิ่นเฉลียวมาบทหนึ่ง
เนื่องด้วยความชอบฝีมือชั้นครูของท่านเป็นการส่วนตัว
จึงอยากนำมาแบ่งปันให้ชาวกวีทุกท่านได้อ่านกันครับ
โหมโรงกรีดคีตกรซ่อนปริศนา
เกริ่นคถามุขกราวกร้าวกระด้าง
ถึงสัตว์หนึ่งซึ่งเยื่อเนื้อหนังบาง
ไร้เล็บเขี้ยวเขาอย่างสัตว์ทั้งปวง
อาวุธที่เลื่องระบือคือ..ความคิด
ซึ่งมีพิษมีภัยอย่างใหญ่หลวง
มีสมองตรองฉลาดวาดเล่ห์ลวง
และมีดวงใจหาญทะยานนัก
แต่ปางบรรพ์ลั่นนามความเป็นใหญ่
ชนะน้ำลมไฟได้แหลมหลัก
สำรวจครบภพสามตามพิทักษ์
จนประจักษ์ว่าประเสริฐเลิศสัตว์ใด
จึงขนานนามว่า...มนุษย์ชาติ
ผู้ผงาดท้าทุกยุคสมัย
จากเถื่อนถึงอารยธรรมล้ำหน้าไกล
ทว่า...ใจ...เท่านั้นมีอันตราย
สมญา...คน...ล้นฤทธิ์พิชิตทั่ว
แต่ใจตัวไม่พิชิตผิดความหมาย
ปล่อยชั่วต่ำย้ำถ่วงดวงใจกาย
มือทำลายมนุษย์คือ...มือมนุษย์
โหมโรงวอนอ่อนพ้อให้ข้อคิด
เพลงชีวิตซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อคนเริ่มก้าวไปจนไกลรุด
กลัวเหลือเกิน...กลัวมันหยุดที่...จุดทราม
.............................................................
โดย จินตนา ปิ่นเฉลียว
ปล.ชาวกวีท่านใดทราบชื่อบทกวีบทนี้
ช่วยกระซิบบอกระผมด้วยนะครับ
อยากทราบชื่อเหลือเกิน
หนังสือรวมบทกวีของ อ.จินตนา ก็หายากมากๆด้วย
และหวังว่าทุกท่านจะได้ข้อคิด และมีความสุขกับ
บทกวีดีๆบทนี้นะขอรับ
12 มกราคม 2555 21:13 น.
เปลวเพลิง
กลิ่นดอกไม้แห่งความหลังยังซาบซึ้ง
เตือนนึกถึงวัยวันที่ผันผ่าน
ชื่นชีวิตเช่นนั้นอนันตกาล
สุมามาลย์มนัสนันท์นิรันดร
ดุริยางค์ความหลังฟังอ่อนไหว
กล่อมหัวใจให้หลับฝันกับบรรจถรณ์
ดื่มดนตรีมีมนตร์ปนอาวรณ์
สื่อซับซ้อนซ่อนในหัวใจเรา
ซึ่งอดีตหวานขมอารมณ์รส
คือสวยสดไปตามความเงียบเหงา
ทุกข์สุขแต้มสีแสงแห่งวัยเยาว์
สร้างรูปเงาเอาไว้ในทรงจำ
ให้ชีวิตเมื่อพลังหวังสลาย
จงกลับกลายปลาบปลื้มโดยดื่มด่ำ
ข้ามหุบเหวกักขฬะ ถ่อย ระยำ
มีแรงย่ำเดินทางข้างหน้าไกล
ให้ชีวิตจงหวานด้วยความหลัง
ดลชีพยังปรากฏความสดใส
มธุรสกลั่นกรองลำยองใย
แทนมาลัยมอบขวัญบรรณาการ
กลิ่นดอกไม้แห่งความหลังอันซาบซึ้ง
ติดตราตรึงบูชิตชีวิตหวาน
ปลอบดวงใจล้นหลั่งยั่งยืนนาน
ให้พ้นผ่านสรรพภัยใดใดเทอญ
.......................................................
คิดถึงความหลังแล้วมีความสุข
ถึงจะมีทั้งสุขทั้งทุกข์ปะปนกันไป
ก็ทำให้ชีวิตได้เรียนรู้โลก
และในปัจจุบันหากเจอปัญหา
เมื่อลองมองกลับไปในอดีต
ก็จะพบว่ามีตั้งหลากหลายปัญหาที่เรา
สามารถผ่านมันมาได้
มีหรือที่ครั้งนี้และครั้งต่อๆไป
จะไม่สามารถฝ่าฟัน...
11 มกราคม 2555 00:09 น.
เปลวเพลิง
เส้นพรมแดนถูกสร้างไว้ขวางกั้น
บอกบ้านเธออยู่นั่น-ฉันอยู่นี่
บอกเราต่างภาษาพูดวาที
ต่างวิถีชีวิตประจำวัน
บนแผ่นดินผืนซึ่งไม่มีเส้น
ขีดแบ่งเป็นพื้นที่ด้วยสีสัน
เราไม่แผกเพื่อนพ้องพี่น้องกัน
ใต้สูรย์จันทร์โอบหล้าฟ้าอำไพ
ต่างเชื่อชาติ ศาสนา ภาษา ถิ่น
ชลาสินธุ์ไมตรียังรี่ไหล
ไหวแววตาเธอ-ฉันยังมั่นใจ
หวานรอยยิ้มละไมยังซ่านทรวง
ฉันอยู่นี่-เธออยู่นั่นมันไกลห่าง
มิตรภาพยังก่อร่างเป็นทางหลวง
ทอดผ่านฟ้าผ่านแว่นแคว้นทั้งปวง
เกี่ยวก้อยควงเปิดม่านธารแสงดาว
เส้นพรมแดนถูกสร้างไว้อย่างไร
คงไม่อาจกั้นใจเมื่อเหินหาว
ติดปีกรักอิสระกระพือกราว
บินหาฉันบางคราว-เธอบางครา
ฉันอยู่นี่ขณะที่เธออยู่นั่น
มิตรภาพเรานั้นยังพร้อมหน้า
ข้ามขอบฝันกระโจนโพ้นขอบฟ้า
ไร้อาณาเขตขวางระหว่างเรา
ปล.จากประสบการณ์หนึ่งเดือนในต่างประเทศ
กับเพื่อนใหม่ที่ได้รู้จัก
แม้จะพูดกันคนละภาษา
แต่ก็ไม่สามารถกั้นขวางมิตรภาพได้
.......................................................