26 กุมภาพันธ์ 2554 02:22 น.
เปลวเพลิง
ร้อนเอยร้อนร้อนแสงแดดแรงกล้า
กลางเมษาฯดินระแหงแห้งเป็นผง
ป่ายางผลัดใบถมดิ่งลมลง
ดลพื้นพงเสียงกรอบเกรียบเมื่อเหยียบย่าง
ธารน้ำเป็นธารโคลนข้นเหลือหลาย
หลากปลาว่ายดิ้นคว้างอยู่ข้างล่าง
เมื่อชลไร้-ร้อนรุกทุกตาราง
คงต้องตายรายทางใต้โคลนตม
มีบ้างไหมสายนทีจากที่อื่น
จะหยิบยื่นล้นไหลให้รื่นร่ม
มาชุบชีพพสุธาปลอบอารมณ์
คุ้มเคียวคมแดดร้อนตอนหน้าแล้ง
พวกเรานี้มิต่างมวลมัจฉา
รุ่มกายาเจียนวายใต้ฟ้าแจ้ง
ท่ามหน้าร้อนฤดีที่รุนแรง
แตกระแหงไปทั่วทุกตัวคน
บ้างแตกพรรคแตกฝักและแตกฝ่าย
จ้องทำร้ายแข่งขันกันเข้มข้น
บ้างถือสิทธิ์ทั้งผองเป็นของตน
ทำนาบนผืนหนังหลังใครใคร
ร้อนแดดนั้นยังพอจะทานทน
หากแต่ร้อนในกมลทนไม่ไหว
ร้อนแดดแยกดินป่นเป็นผงไป
ร้อนในใจสิแยกคนแหลกกัน
น้ำแล้ง ดินแห้ง ปลาตาย
โลกคงครองวุ่นวายไร้หฤหรรษ์
ฝนน้ำตาหยาดฟ้าคือจาบัลย์
เพียงเท่านั้นแหละที่หยดมารดริน
หากจะปลุกผืนดินให้อุดม
เมฆต้องพรมห่มแพรกระแสสินธุ์
เลี้ยงลำคลองอุ้มชูปลาอยู่กิน
พฤกษ์ทั้งสิ้นเขียวขจีมีร่มเงา
อีกสายธารน้ำใจและไมตรี
จะหลั่งรดดวงฤดีหายอับเฉา
จะคลายร้อนตะวันให้บรรเทา
และจะชุบชีพเราให้ชื่นเย็น
ปล.หน้าร้อนใกล้เข้ามาแล้ว
อากาศร้อนๆ คนอย่าร้อนตามนะครับ
24 กุมภาพันธ์ 2554 17:30 น.
เปลวเพลิง
เตรียมตัวพร้อมหรือยังเธอทั้งหลาย
เมื่อหวังป่ายบันไดตามใฝ่ฝัน
พร้อมหรือยังกับหินโหดโฉดฉกรรจ์
ที่ขวางกั้นมรรคาเบื้องหน้าเธอ
บนหนทางเดินเท้ายาวนับโยชน์
เงาเดี่ยวโดดครอบงำสม่ำเสมอ
เธออาจหิวโหยไห้ไหวละเมอ
หวังอาจเก้อบินหายไปลับตา
เติมแรงกายให้พร้อมออมแรงพัก
เต็มแรงใจจงประจักษ์ทุกหย่อมหญ้า
เก็บเสบียงเลี้ยงตัวชั่วชีวา
แบกขึ้นหลังรั้งบ่าสัมภาระ
อย่าเที่ยวเพลินชมไม้นานไปนัก
อย่าหยุดพักเสียเนิ่นเพลินคีตกะ
อย่าหลงเสียงเพรียกให้ใจลดละ
อย่ามุ่งระเริงเล่นเสียเป็นพอ
เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วเธอทั้งหลาย
ขอจงได้เดินไปไม่ระย่อ
มุมานะด้วยตนอดทนรอ
นำฝันช่อลออหวานกลับบ้านเธอ
23 กุมภาพันธ์ 2554 23:39 น.
เปลวเพลิง
เปิดหน้าต่างบานใหญ่ออกให้กว้าง
รับแดดจางย่างเยือนสู่เรือนเหย้า
กวักลมโกรกโบกผ่านม่านสีเทา
คลอเสียงเร้านกร้องทำนองฟ้า
ปัดฝุ่นฝ้าหนาเขลอะที่เปรอะเปื้อน
อยู่เนิ่นเดือนปีให้ลี้หายหน้า
จัดแจกันดอกไม้ใหม่งามตา
ในบ้านน่าพำนักพักอาศัย
เปิดหน้าต่างรับวิชานานาแขนง
สาดเจิดแจ้งอยู่ยงอสงไขย
เพาะปัญญามาลีศิวิไลซ์
ประดับไว้พรายพริ้มริมระเบียง
เปิดหน้าต่างหัวใจออกให้สุด
รับแสงใจเพื่อนมนุษย์ทุกเช้าเที่ยง
ปลูกต้นรักสักกอเพื่อหล่อเลี้ยง
ให้พอเพียงชุ่มฤทัยไปทุกวัน
เมื่อเราเปิดหน้าต่างออกอย่างนี้
ล้วนแต่มีความสว่างพร่างเฉิดฉัน
รับสรรพแสงแรงกล้าสารพัน
มองสิ่งอันมีค่าน่ายลยิน
เปิดเถิดเปิดเพื่อรับกับสิ่งใหม่
เปิดตามแต่หัวใจใคร่ถวิล
เปิดความคิดอิสระเราระริน
อย่าให้สิ้นรสจินตนาการ
20 กุมภาพันธ์ 2554 23:34 น.
เปลวเพลิง
ดินน้ำลมและไฟให้คุณค่า
ล้วนพึ่งพาอาศัยไม่สุดสิ้น
ก่อกำเนิดเกิดสรรพชีวิน
ดั่งศิลปินจารจดโลกงดงาม
ประเทศนี้ที่อุดมด้วยสมบัติ
เพราะดินขัดน้ำเกลาให้วาวหวาม
ลมพรมพัดพาสุขอวลทุกยาม
ไฟก็วามความเป็นไทยไปจีรัง
เช่นทุกเม็ดกรวดทรายใต้เท้านี้
คือชีวีบรรพชนแต่หนหลัง
ที่หลั่งเลือดเสียเนื้อเหลือกำลัง
จวบดินฝังร่างตัวลงชั่วกาล
น้ำทุกสายห่อนสิ้นซึ่งสินทรัพย์
กุ้งปูจับนำมาปรุงอาหาร
สมบูรณ์สุขอักโขแต่โบราณ
ปลาเต็มธารข้าวเต็มนาพารื่นรมย์
สดับเสียงพระธรรมค้ำจุนจิต
นำชีวิตนำทางอย่างเหมาะสม
ลบเคียดแค้นเข่นฆ่าน่าตรอมตรม
ด้วยสายลมโอวาทพระศาสดา
ไฟอบอุ่นกรุ่นไอคลายหนาวเหน็บ
คลายรวดร้าวบาดเจ็บจนแกร่งกล้า
โชนแสงทองโชติช่วงสู่ปวงประชา
คือกษัตราปกเกศประเทศไทย
ดินน้ำลมและไฟยิ่งใหญ่นัก
คู่ควรรักถิ่นนี้กว่าที่ไหน
จงปรองดองคล้องเกี่ยวเป็นเกลียวใจ
อย่าบ่อนไส้ห้ำหั่นฆ่ากันเอง
18 กุมภาพันธ์ 2554 23:49 น.
เปลวเพลิง
ผีเสื้อน้อยโผผินบินรำร่าย
ชมรุ้งพรายสายหมอกชมดอกหญ้า
อวดแพรปีกงามวับระยับตา
หวังกอดฟ้าจูบลมห่มเมฆินทร์
ล้อลมไหวไปเรื่อยอย่างเฉื่อยฉิว
ลัดทุ่งทิวผ่านป่าภูผาหิน
ไม่ระวังละเลยเช่นเคยชิน
เจ้าจึงบินสู่ข่ายใยแมงมุม
สุดจะดิ้นจะรนพาตนรอด
รอความมอดม้วยตามย่างสามขุม
แมงมุมพุ่งตรงขยับเข้าจับกุม
แล้วห่อหุ้มด้วยไหมจากในตัว
เฉกโลกมากมีภัยกว่าใครคิด
พร้อมปลิดชีพชีวิตทุกทิศทั่ว
ที่สวยแสงอาจแฝงแรงน่ากลัว
พร้อมรุกรัวให้ดับชั่วกัปกัลป์
รู้ระวังตนไว้ไม่ประมาท
แม้ก้าวพลาดก็ไม่ถึงซึ่งอาสัญ
แต่หากเหลิงลืมหวงดวงชีวัน
ผิดพลั้งพลันอาจติดไหมใยแมงมุม