10 มิถุนายน 2555 15:08 น.
เปลวเพลิง
เธอนั่งเงียบเหงาหงอย-คอยใครอยู่?
หน้าเธอดูซึมเซา-เศร้าไปไหม?
แววหมดหวังซังกะตาย-หน่ายหรือไร?
เห็นน้ำตาเธอไหล-ใครทารุณ?
ฉันยังมีไหล่ไว้ให้พิงพัก
มีเนินตักพร้อมเสนอยามเธอหนุน
มีเพลงกล่อมถนอมไล้ละไมละมุน
มีไออุ่นอ้อมจิตยามนิทรา
เชิญวางความเหนื่อยหนักลงพักผ่อน
อย่าอาวรณ์-ลืมวันพรั่นผวา
ทิ้งสรรพางค์ร่างกายลงไสยา
ใต้เงาฟ้า เดือน ดาว พราวโสภณ
ฉันจะทอน้ำค้างต่างแพรผ้า
ถักใบหญ้าเบิกบานทั่วลานสถล
ร้อยความดีที่เหลือลงเจือปน
ด้วยเลิศล้นรักซึ่งฉันพึงมี
เธอเหมือนรอเพียงวันครรไลจาก
สู่อีกฟากฝั่งของผองภูตผี
ชลนัยน์ที่หลั่งดังชีพนี้
ร้างรวีวันพรุ่งให้มุ่งไป
เธอนั่งเงียบเหงาหงอยคอยใครอยู่?
หรือรอผู้นฤมิตชีวิตใหม่?
เขาน่ะหรือ-คือหวัง กำลังใจ
จุดเชื้อไฟเริงแรงแข่งโรคา
และฉันก็อยู่ตรงนี้-ที่ใกล้ใกล้
แนบรักในกลอนเห่เสน่หา
อรุณรุ่งเมื่อเธอฟื้นตื่นลืมตา
จงรับฟ้าวันใหม่ไร้มะเร็ง
19 ธันวาคม 2556 23:35 น.
เปลวเพลิง
เพื่อนเห็นกำแพงกล้าข้างหน้าไหม?
สูงและใหญ่ป้องอริพิชิตผลาญ
ทุกอิฐก่อสร้างมาแล้วช้านาน
ยามรำบาญเป็นด่านต้านศัตรู
ถึงกระนั้นแม้จะแข็งแกร่งแค่ไหน
ยังปราชัยสู่วันสิ้นพรรณหรู
สัจธรรมตามวิถีที่เรารู้
ใครจะสู้ เวลา-หาไม่มี
ต่างกับผองกำแพงแห่งทิฐิ
อคติเร้นแฝง-แกร่งเต็มที่
เราก่อร่างสร้างไว้ต้านไมตรี
แม้ไพรียังมิเห็นว่าเป็นใคร
และมันมั่นคงมากยากถล่ม
ถึงระดมยุทธนาประดาใส่
ก็ยากจะเผาผลาญปราการใจ
ปี้ป่นให้ปลิดปลงลงมลาย
มีแต่คนก่อมันเท่านั้นหละ
สามารถจะลบล้างมันจางหาย
กร่อนกำแพงแรงฤทธิ์-ก้อนอิฐราย
ซึ่งเต็มเปี่ยมอยู่ภายในใจตน
ซากกำแพงเมืองเก่าเราเคยแกร่ง
ยังถูกแรงกาลเวลามาป่วนป่น
กำแพงซึ่งตรึงตันกั้นใจคน
หรือจะทนไมตรีอันดีงาม
ถ้าหากเกิดสงครามในยามนี้
เราไม่มีกำแพงแกร่งล้นหลาม
เพียงอย่าก่อกำแพงใจให้ครั่นคร้าม
เชื่อ-พบความสุขีแน่พี่น้อง
28 พฤษภาคม 2555 20:41 น.
เปลวเพลิง
ผมไม่ปลื้มเลยครับการรับน้อง
ไม่เห็นจำเป็นต้องรับน้องใหม่
ได้ยินแต่ข่าวเสีย ผมเพลียใจ
รุ่นพี่จะเอาอะไรนักหนา(วะ)
นั่นคือครั้งเมื่อเราเข้าปีหนึ่ง
ชีวิตตรึงติดตามความอิสระ
ไม่ยอมให้ใครขวางสร้างพันธะ
ก็ผมน่ะ อินดี้เกินนี่ครับ
แต่พอได้สัมผัสการรับน้อง
ความนึกคิดทั้งผองพลันต้องปรับ
เมื่อมีสิ่งมากมายที่ได้รับ
นี่ทำให้ผมกลับประทับใจ
รู้ว่าประโยชน์สรรพ์นั้นมีแน่
มิใช่แค่ร้าย เลว หรือเหลวใหล
ต้องหักห้าม อดทน ข่มตนไว้
รู้จักใช้วิจารณญาณ
พบปะเพื่อนผูกสัมพันธ์กันเยี่ยงมิตร
เลือกถูกผิด คิดค้นบนพื้นฐาน
มีศักดิ์ศรีเป็นพิมพ์อิ่มดวงมาน
รักสถานศึกษาค่าควรเมือง
วันนี้ผมปลื้มกับการรับน้อง
อันจะต้องรักดี ไม่มีเรื่อง
มิใช่กินเหล้าเบียร์เสียเปล่าเปลือง
แต่ต้องสร้างความรุ่งเรืองให้ทุกคน
เชิญน้องลอดซุ้มผกามารับขวัญ
แป้ง สี อันจุดประเดิมการเริ่มต้น
รับน้องนั้นดีหรือไม่-เชิญไปยล
แล้วลองใช้เหตุผลตนตรองเอง
.................................................
ผมเชื่อว่าการรับน้องเป็นสิ่งที่ดี สอนและสร้างอะไรหลายๆอย่าง
แต่ก็ต้องอยู่บนความเหมาะสม พอเหมาะพอควร
สร้างสรรค์ มิใช่ทำลาย
..............................................
ปล.ยินดีต้อนรับน้องใหม่ทุกคน ขอให้รับน้องให้สนุกและปลอดภัยกันนะครับ
26 เมษายน 2555 21:19 น.
เปลวเพลิง
ฉันทำงานในห้องที่มีแอร์ฉ่ำ
เช้ายันค่ำใช้ความรู้เป็นคู่ขวัญ
มิค่อยได้ออกแรงแกร่งฉกรรจ์
จะใช้มัน...ก็มีบ้างเป็นบางที
เธอทำงานกลางแดดอันแผดกล้า
อุทิศเหงื่อหยาดมาทำหน้าที่
เธออาจไปไม่ถึงซึ่ง ป.ตรี
แต่ก็มีความขยันต่างปัญญา
ฉันต้องรู้รอบด้านเรื่องงานฉัน
ใช้ความรู้สารพันแก้ปัญหา
เธอใช้ความขันแข็งแกร่งกายา
เป็นฤทธาดลสร้างหนทางไกล
ใช่-เราเหมือนแตกต่างทุกย่างก้าว
ในโลกร้าว ค่านิยมระดมใส่
เพียงเราจับมือกันอย่างมั่นใจ
เชื่อว่าในอนาคตจักงดงาม
ฉันปั้นปลูกศรัทธาปัญญาฉัน
และใช้มันถางถากกับขวากหนาม
มองวันพรุ่งมุ่งหาฟ้าสีคราม
ภพผ่องตามเจตนาน่าเริงรมย์
เธอสืบสานหยาดเหงื่อเพื่อชีวิต
สานถูกผิดด้วยความกล้าสง่าสม
หลั่งน้ำแรงน้ำเหงื่อเรื่อระบม
ล้างโสมม ชั่ว หยาบและบาปภัย
วันนี้กลางแดดจ้าในหน้าร้อน
กับลมอ่อนพัดระรวยอวยอ่อนไหว
เราสบตาหวานซึ้งถึงทรวงใน
โยงเยื่อใย ยิ้ม รัก แต้มพักตรา
พร้อมความหวังเหลือว่าวันหน้าโน้น
ข้ามฟ้าโพ้นแล้วถึงวันเฝ้าฝันหา
เราร่วมมือร่วมกันสร้างมรรคา
เพื่อประชาสุขเปี่ยมเท่าเทียมกัน
........................................................
20 ธันวาคม 2556 21:54 น.
เปลวเพลิง
อับดุลเอ้ย! (เอ้ย!)
รีบถามเลยคุณคุณอับดุลอยู่
ถามถึงเถื่อน เกลื่อนพฤกษ์ มฤค ภู
อับดุลผู้รู้จะวิสัชนา
ด้วยเจนภพจบหล้าใต้ฟ้านี้
สามารถที่แถลงไขไร้ปัญหา
จึ่งใคร่ขอแจ้งซึ้งสักหนึ่งครา
นึกเสียว่าตอบเล่นเล่นพอเป็นบุญ
“อยากรู้เรื่องยายปลาร้าที่หน้าตลาด
ออกข่าวพาดหัวว่าแย่งตาปุ่น
สามีของป้าเม้ยคนเคยคุ้น
จนเกิดเรื่องวุ่นวุ่นบันเทิงใจ”
อับดุลบอก “อย่าเอาไปเล่าใครล่ะ
เรื่องมันน่ะจะกลายเป็นร้ายใหญ่
คนกระพืออื้อฉาวข่าววงใน”
ก่อนเริ่มใส่ไข่ตอกออกเล่าความ
“แล้วที่ว่ายายน้องท้องก่อนแต่ง
พอจะแจ้งแถลงไขไหม? อยากถาม”
อับดุลว่า “ก็เขาเป็นสาวงาม
มีชายตาม ท้องแหงแน่คราวนี้”
กับอีกสารพัดเรื่องที่เปรื่องปราด
ทั้งเรื่องราษฎร์ เรื่องหลวง เรื่องทวงหนี้
เรื่องกล่าวหาว่าร้าย หลายคดี
อับดุลมี ตา หู คอยดู-แล
เล่าความเสร็จแล้วหัวร่อต่อกระซิก
เท้ากระดิก หน้าพริ้มด้วยยิ้มแต้
อิ่มหนำสุข สนุกแสน ณ แดนแด
กับเรื่องแย่ของคนอื่นนับหมื่นพัน
แต่แปลกอยู่ข้อเดียวเชียวหนอนี่
อับดุลที่รู้ครบจบสวรรค์
รับทราบข่าวชาวบ้านมานานครัน
กลับไม่เคยจำนรรจ์ปั่นเรื่องตน
“เรื่องอับดุลอยากประจักษ์สักครั้งเหวย
วานช่วยเผยบอกกล่าวสักคราวหน”
อับดุลกลับเงียบไปในบัดดล
“เอ่อ...เหตุผล...คือไม่รู้อยู่เรื่องเดียว”
...........................................................
ปล.นี่คือสัจธรรม