ฉันชอบเขียนอะไรใครรู้บ้าง วาดเส้นสีต่างต่างผสานผสม เป็นรูปร่างรูปเรียวเคียวคำคม เกี่ยวใจชื่นรื่นรมย์สมเจตนา สร้างผืนฟ้า แผ่นดิน ถิ่นไพศาล ตลอดด่านแดนเถื่อนเพื่อนภาษา ด้วยเวทย์มนต์คนรักอักษรา มอบแก้วตาแก้วใจได้ยลยิน ฉันเขียนอยู่ที่ใดใครรู้บ้าง ในเวิ้งว้างดวงฤดีที่ถวิล ฉันต่อคำร่ำพิชานหวานจากจินต์ เป็นธารรินโศลกหล้าอ่าอำไพ ทุกทางพลิ้วสุนทรีย์แห่งชีวิต ทั้งทุกทิศสื่ออักษรอ่อนหวานไหว เสียดอารมณ์ลึกละเอียดละเมียดละไม เข้าสู่ใจเธอนั้นไปนานวัน ฉันเขียนเพื่ออะไรใครรู้บ้าง ในเงียบเหงา เบาบาง ที่คว้างฝัน เพื่อสิ่งหนึ่งคงอยู่ควบคู่กัน "สุข" "สีสัน" แต้มแต่งเสริม "แรงใจ" "กลอนนี้เขียนที่ใจ" ใครอ่านบ้าง มิเพราะอย่างนักกวีที่ยิ่งใหญ่ หวังเพียงแค่พอฉายประกายไฟ ให้เธอรักภาษาไทย...ไม่เลือนลืม
เพื่อนรัก ฉันคิดถึงเธอยิ่งนักเพื่อนรักเอ๋ย ด้วยมีเพียงภาพเก่าให้เฝ้าเชย ว่าเธอเคยเกิดก่อบนธรณิน วันนี้เธอล้มหายตายหมดแล้ว ปราศวี่แวว-ยิ่งให้อาลัยถวิล เหลือชื่อคงยงอยู่คู่แดนดิน ย้ำให้ยิน-คิดถึงเธอเสมอมา เนื้อสมัน ฉันคิดถึงเธอนั้นมากนักหนา หวังเห็นเธอสง่างามตามธรรมดา เล็มยอดหญ้าเขียวขจีที่ลออ ปลาหวีเกศ ทั่วประเทศเธอไปอยู่ไหนหนอ ทั้งค่ำเช้าฉันละห้อยอยู่คอยรอ หวังแค่ขอเห็นเธอว่ายกลางสายธาร นกตาพอง ฉันนี้ปองยลเธอเพลินเหินสนาน เธอโบยบินลับหายไปแสนนาน หวังเห็นวารเธอกลับมาร่อนฟ้าไทย และเพื่อนรักอีกมากมายในโลกนี้ ฉันคิดถึงเธอเหลือที่เกินขานไข เธอล่วงลาอาสัญ-ฉันอาลัย เหลือเพียงภาพประทับใจทิ้งให้ยล ฉันคิดถึงเธอจริงจริงมิ่งมิตรรัก และตระหนัก “มนุษย์” หนอผู้ก่อผล แม้นใจหวังปลุกเธอฟื้นคืนชีพชนม์ ก็ต้องหม่น-รักเธอได้ในทรงจำ
มันมิได้เป็นเรื่องน่าเคืองนะ หากเราจะต่างจิตคิดกว้างขวาง มันมิได้มีกฎกำหนดวาง วัดทุกอย่างว่า "ใช่" ตามใครติง ของสำคัญแฝงไว้อยู่ในหัว และอย่ากลัวถ้าเห็นต่างในบางสิ่ง ดูนิ้วมือเอาไว้ใช้อ้างอิง รำพรายพริ้งหรือถ้าล้วนถ้วนเท่ากัน? เฉกเช่นเดียวยามรวมร่วมคณะ ต่างคนมีอิสระจะคิดฝัน มีความเห็นแตกแขนงแบ่งร้อยพัน ก็มิใช่กีดกั้นกันห่างไกล จากที่สูงมีรุ้งสายระบายฟ้า จากที่ราบมีทุ่งหญ้าและป่าใหญ่ จากต่างคนต่างจิตคิดต่างใจ รับฟังไว้เป็นสำคัญนั่นแหละดี มันมิได้เป็นเรื่องน่าเคืองนะ ถ้าเราจะฝึกสมองตรองถ้วนถี่ คิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่ ให้เกิดมี เพื่อพรุ่งนี้นำเหนือวันเมื่อวาน ให้เหมือนดั่งนิ้วเพรียว ยาว เรียว ขาว ยามย่างก้าวเริงระบำรำอ่อนหวาน โป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย ร้อยวิญญาณ จึงสร้างงานสวยซึ้งเป็นหนึ่งเดียว..........................................................
แรงบันดาลใจจากประสบการณ์จริง
และบทดอกสร้อย "นิ้วมือ"
ของ อ.ฐะปะนีย์ นาครทรรพ
ใครหนอทรงอำนาจราชศักดิ์ พอที่จักต้านอะไรที่ใหญ่กว่า ด้วยแรงเรี่ยวเชี่ยวฉกรรจ์อันลือชา เพื่อเปิดฟ้าสว่างหวังอย่างยั่งยืน โลกอาจมีมืดหม่นเมื่อชนหลับ เช้าก็รับแสงปลุกให้ลุกตื่น ขับไล่ม่านสีดำแห่งค่ำคืน ดลหล้ารื่นมธุรสจรดใจ โอ้ชีวิตเก่าเก่าเรานี้หนอ ก็เฝ้ารอแสงทองส่องสดใส บัดนี้เมฆมืดฟ้าดำกว่าใด ปกแผ่ไปไพศาลทุกบ้านเรือน ดาวความหวังหรี่แสงแรงพละ เกินที่จะหยาดเย็นมาเป็นเพื่อน เสรี สิทธิ์ อิสระ เริ่มจะเลือน โลกยิ่งเหมือนนรกานต์นับนานวัน เฝ้ารอคอย ลอยคอ ท้อแท้ยิ่ง เพราะมีสิ่งสวยงามในความฝัน ความร้อนร้ายคือสิ่งจริงนิรันดร์ ปิดแสงจันทร์แสงสูรย์จำรูญตา รอเพียงผู้ทรงอำนาจราชศักดิ์ รวมแรงรักขจัดภัยให้หายหน้า เปิดฟ้ากว้างชมดาวพราวนภา หวัง ศรัทธา เสรี สิทธิ์ อิสรชน แต่ยิ่งคิดยิ่งรอยิ่งท้อแท้ ยิ่งวิ่งแร่ยิ่งเห็นไม่เป็นผล ถามธรณินยินคำช้ำเกินทน “เขาอยู่หนแห่งใดก็ไม่รู”
ก่อนคนดีหนุนหมอนนอนแนบนิทร ก้มกราบพระศักสิทธิ์สฤษฎิ์ผล และตั้งจิตอธิษฐานบันดาลดล ทำกมลสงบนิ่งยิ่งขึ้นไป นอนแล้วจงฝันหวานชื่นบานนะ ฉันนี้จะจำแลงเพียงแสงไข กอดคนดีด้วยรักปักฤทัย ยุงไม่ไต่ไรไม่ตอมถนอมนอน ในดินแดนแสนงามในความฝัน จงนิรันดร์สุโขสโมสร ก่อนสูรย์ส่องก่องฟ้าฉันลาจร สู่อัมพรทิพย์สถานใกล้ธารดาว ดวงใจนี้งดงามด้วยความรัก แจ่มประจักษ์เรืองรองจากห้องหาว เปล่งประกายเพชราอันพร่าพราว ร้อยเรื่องราวโสภณสู่คนดี โอ้เจ้าจงหนุนหมอนนอนได้แล้ว ในเรือนแก้วแววระยับสลับสี ฉันฝากพรข้ามฟ้ายามราตรี มาให้ปรีดิ์เปรมขวัญทั่วกันเทอญ