9 ตุลาคม 2556 21:48 น.

ไม่รู้จะทำอย่างไร?

เปลวเพลิง

พอเปิดดูข่าวสารบ้านเมืองนี้	
เห็นแต่มีน้ำท่วมอ่วมไปทั่ว
จระเข้เยื้องกรายว่ายกันนัว		
ตั้งหลายตัวยิ้มรับงับขาคน

มากงูเงี้ยวเขี้ยวขอจริงหนอน้ำ		
แค่เดินย่ำน้ำก็ซัดพาขัดสน
ข้าวของลอยคับคั่งทั้งมณฑล		
จะมีจนยากไร้น้ำไม่แคร์

ไทยเรามิแชเชือนหรอกเพื่อนจ๋า		
ต้องหันหน้าร่วมด้วยกันช่วยแก้
ถึงน้ำท่วมท้นมาปัญหาแจ			
คงไม่แน่เท่าพลังเราทั้งมวล

พอเปิดดูข่าวสารทุกวันนี้			
เหมือนจะมีแต่คลองครองทุกส่วน
คิดจัดการจำเพาะอย่างเหมาะควร		
ยังเรรวนใครทราบบ้างทำอย่างไร?

เฮ้ย! ฉันคิดได้แล้วอย่างหนึ่งหละ		
ไม่รู้จะแก้ได้อย่างไรไหม
ลองบนบานสานกล่าวเจ้าพ่อไทร		
ขอเกิดใหม่เป็นปลาดีกว่านะ				
3 พฤศจิกายน 2554 16:22 น.

เมื่อฝนซา

เปลวเพลิง

ถ้าหากว่าลองมองดูท้องฟ้า	
ยังเมฆามืดบ้างบางเช้าสาย
เหมือนชีวิตของคนเกิดจนตาย		
ย่อมมิวายหม่นบ้างในบางวัน
		
รอเวลาน้ำฝนหล่นพรากฟ้า		
จึงนภาจะเห็นเป็นสวรรค์
ชีวิตรอฝ่าทุกข์บุกประจัญ			
ไปชื่นวันชมคืนรื่นรมย์ใจ
		
ฟ้ากระจ่างสว่างตาหลังซาฝน		
ค่อยเล่นกลรุ่งแรงเกิดแสงใส
มวลเมฆหมอกมลายจางหายไป		
เริ่มวงวัฏจักรใหม่ให้โลกนี้
		
ในชีวิตที่ประดังเมื่อหลังฝน		
ย่อมยินยลชีพครามพิรามสี
ชอุ่มฉ่ำผลิหวังว่ายังมี			
วันฝนซาเช่นนี้อีกมากมาย
		
ถ้าหากว่าลองมอง...ทั้งท้องฟ้า		
และชีวาเมื่อฝนหลั่งหล่นหาย
ย่อมสดสวยด้วยรุ้งพุ่งระบาย		
งามผ่องพรายอยู่ในหัวใจแล้ว				
6 ตุลาคม 2554 11:10 น.

คุณค่า

เปลวเพลิง

ที่รักจ๋า  				
เหนื่อยหนักหนาวางลงปลงเสียบ้าง
คลายความอ่อนล้าเราได้เบาบาง		
แล้วเดินทางจ่อมจมรมณีย์
		
วาดความฝันเราลงตรงขอบฟ้า		
ด้วยปากกาจากดาวพราวแสงสี
บนห้วงผืนผ้าดำย่ำราตรี			
ให้มืดมีความหวังกังวานใจ
		
ฟังเสียงของล้อกาลที่ผ่านเคลื่อน		
กระซิบเตือนเวลานั้นบ่าไหล
เช่นชีพที่เปลี่ยนผันทุกวันไป		
จวบวารวัยมาพรากให้จากลา
		
เติมสีของความสุขและทุกข์เศร้า		
เข้าคุกเคล้าอย่างใจเฝ้าใฝ่หา
เพื่อเรียนรู้ในสิ่งมิ่งงามตา			
และรู้ค่าสิ่งไม่ควรไยดี
		
เหนื่อยหนักหนาวันนี้นะที่รัก		
จะฟูมฟักเราเห็นเป็นสักขี
พรุ่งนี้แม้นปัญหารุมราวี			
เรายังมีจิตเข้มแรงเต็มตน
		
ถ้าเหน็ดเหนื่อยอย่าหนีนะที่รัก		
ลองหยุดพักเพื่อสู้ดูอีกหน
ในนามของคุณค่าคำว่าคน		
สามารถป่นและสร้างอย่างใจคิด				
9 ตุลาคม 2556 22:30 น.

นกน้อยในกรงทอง

เปลวเพลิง

ขังนกน้อยในกรงอันทรงศักดิ์	
ด้วยเพราะรักเจ้าดอกจะบอกให้
ในโลกกว้างใบนี้มากมีภัย			
แฝงเร้นไว้เกินที่มีใครรู้

เจ้าตัวเล็กบอบบางเสียอย่างนี้		
กลัวจะมีนักล่ามาโจมจู่
เสียงใสใสและสวยเด่นน่าเอ็นดู		
เหมาะสมอยู่เช่นหงส์คู่กรงทอง

มีอาหารวางล้อมให้พร้อมสรรพ		
เพียงกินรับรสชาติไม่ขัดข้อง
สิ่งใดดีจัดหาเอามากอง			
แถมไม่ต้องดิ้นรนด้วยตนเอง

เช้าก็ตื่นขับเสียงจำเรียงใส		
สายก็ไซ้แต่งขนจนปลั่งเปล่ง
เที่ยงก็ร้องเพลงรักอีกซักเพลง		
ค่ำวังเวงเบื่อหน่ายอยู่ในกรง

ฉันอยากออกไปหาอิสรภาพ		
โฉบกำซาบเสรีอันสูงส่ง
โผจับกิ่งพฤกษาตามป่าดง		
เช่นเผ่าพงศ์ฉันทำประจำมา

ใจฉันฝันใฝ่ว่าจะคว้าเมฆ			
เอกเขนกบนถิ่นถวิลหา
ด้วยสิทธิ์โดยชอบธรรมล้ำราคา		
ซึ่งชีวาฉันไม่ยอมให้ใคร

จะแหกกรงไปหาท้องฟ้ากว้าง		
โบยบินข้ามทุ่งร้างเนินไศล
เสรีแห่งชีวันอันอำไพ			
ยอมหรือ? ให้จำกัดแต่แค่ในกรง?				
9 ตุลาคม 2556 22:28 น.

ชีวิตเธออาภัพจริงจริงหรือ?

เปลวเพลิง

เฮ้อ!ชีวิตอาภัพจริงพับผ่า	
โชคชะตากำหนดแต่หมดหวัง
ไม่เคยสมปรารถนาสักคราครั้ง		
มีแต่นั่งรันทดหมดอาลัย

อยากฉลาดปราดเปรื่องเหมือนอย่างเขา	
เรากลับเบาปัญญาไปซะได้
มุมานะไม่รู้จะทำกระไร			
โลกไยไพปลอกปลิ้นเกินดิ้นรน

เห็นเขามีทองคำเส้นล้ำค่า	 		
อวดล่อใจล่อตาจ้องถลน
เขาจบเอก  จบโท  โก้เหลือทน		
เราสิหม่นหมองเปลี่ยวเพียงเดียวดาย

นี่เธอจ๋า				
ก็เวลาส่วนใหญ่เธอใช้หาย
ไปกับการอุดอู้นั่งดูดาย			
ซังกะตายหน่ายเหนื่อยเรื่อยทั้งวัน

ฉันเห็นเขาขยันทุกวันนะ			
ไม่เคยจะรีรอขอผัดผัน
เหมือนอย่างที่เธอทำเป็นสำคัญ		
แล้วเธอจะมารำพันไปทำไม

ฉันเห็นเขาไม่ได้รวยตั้งแต่เกิด		
เพียงแต่เลิศมานะมั่นอันยิ่งใหญ่
สู้งานหนักเป็นหลักยึดตามพฤตินัย	
ไม่รอใครกำหนดบทชีวา

เธออาภัพหรือไม่ฉันไม่รู้			
ลองคิดดูฉันเตือนนะเพื่อนจ๋า
เผื่อวันใดเธอตระหนักขึ้นสักครา		
จะรู้ว่าเธอนั้นไม่ได้อาภัพ				
ไม่มีข้อความส่งถึงเปลวเพลิง