28 สิงหาคม 2547 23:33 น.
เบิ้ลผู้วิพุธ
มืออ่อนไหวปากหวานหว่านกรุงเทพ
เพื่อจักเสพสินภาษีอย่างมีศิลป์
หรือจักสร้างโภคผลให้ยลยิน
หรือจักสร้างแผ่นดินให้ฤๅชา
จราจรจลาจลมลพิษ
เจริญฤทธิ์ติดกรุงฟุ้งทิศา
ขยะเกลื่อนแขยงกลิ่นจนชินชา
เจ้าพระยาพาผยองร้องพยุง
ฟ้าคำรามยามใดพาใจสั่น
เครื่องสูบน้ำไม่ทันค่ำยันรุ่ง
โจรใจร้ายทำลายร้างถึงกลางกรุง
ขอทานปลอมเป็นกระบุงมุ่งโกงกิน
ต่อเติมตึกระทึกขวัญหวั่นถล่ม
สุดระทมถมทุกข์พาสุขสิ้น
สะพานลอยสว่างลับทรัพย์โบยบิน
สู่มือมารหนักแผ่นดิน..ทมิฬเมือง
เลือกผู้ว่าผู้วิ่งพริ้งความหวัง
แก้ปัญหาเกรอะกรังที่หลั่งเลื่อง
กลบวิกฤติพิชิตกรุงให้รุ่งเรือง
ให้ประเทืองวิสัยทัศน์ชนศรัทธา
ร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้ไปเลือกตั้ง!!!
ร้อยวันหวังยี่สิบเก้าคราวสิงหา
ร้อยความคิดกายและจิตก่อนคิดกา
หนึ่งผู้ว่าคือพลังสร้างสังคม
6 สิงหาคม 2547 14:33 น.
เบิ้ลผู้วิพุธ
ทั้งสามภพยกตั้งขึ้นชั่งเปรียบ
หนักไม่เทียบพระคุณแม่สุดแลหา
ถึงอบอุ่นสุริยันและจันทรา
อกมารดาอิงอุ่นกว่าสูรย์จันทร์
ถึงธารทิพย์หลั่งไหลมาให้ดื่ม
ไม่ปลาบปลื้มซาบซ่านเท่าธารถัน
ถึงนางฟ้ามาอุ้มช่วยคุ้มกัน
ไม่เทียมทันตาแม่ที่แลมอง
แม้สังขารลานแหลกแม่แลกได้
หวังจะให้ลูกตนพ้นภัยผอง
แม้สูญสิ้นดินฟ้าธารานอง
พระคุณของแม่ยังอยู่คู่ฟ้าดิน
กลอนนี้เป็นกลอนที่ประพันธ์โดย จปจารีภิกขุ นำมาให้พวกเราได้อ่านกันครับ
5 สิงหาคม 2547 16:04 น.
เบิ้ลผู้วิพุธ
เก้าเดือนอุ้มคุมท้องแม่ครองทุกข์
ทารกปลุกท้องแก่แม่ป่วยหนัก
อกตื่นเต้นหมอตำแยมือแน่นัก
ขาวม้าถักผูกขึงแม่ดึงดัน
เมื่อหนึ่งเบ่งเร่งสองสามร้องปวด
สุดร้าวรวดลงลึกสะอึกกลั้น
เหงื่อเม็ดโตเต็มหน้าน้ำตาครัน
เสียงสวรรค์พลัน อุแว้ แม่คลอดแล้ว
กระด้งรับทารกกันตกขอบ
เห่เสียงปลอบเคียงข้างอย่างแผ่วแผ่ว
ต่อแต่นี้ต้องเลี้ยงดูอยู่ตามแนว
กล่อมขวัญแก้วอกอบอุ่นกรุ่นน้ำนม
มือแม่ปัดมดมุงมากยุงร้าย
มิมีหน่ายสร้างสุขสู้ทุกข์ข่ม
ลูกเติบโตส่งเรียนเพียรนิยม
ทรัพย์สะสมส่งเสริมเพิ่มฐานทุน
ระเบียบแบบวัฒนธรรมพร่ำสอนลูก
วิถีถูกสู่สมัยเป็นวัยรุ่น
มือแม่กร้านงานกรำพร้อมค้ำจุน
เอื้ออุดหนุนลูกหยัดยืนหวังชื่นชู
กาลผ่านวันผันวัยใช้ชีวิต
อกอ่อนอิดแอบสะอื้นฝืนยิ้มสู้
กี่น้ำตาตกในลูกไม่รู้
จักทนอยู่อย่างหญิงแท้เป็นแม่คน
ร้อนทนร้อน หนาวทนหนาวขาก้าวย่ำ
งานหนักทำเหน็ดเหนื่อยมิเคยบ่น
แม้ชีพสิ้นวิญญาณบันดาลดล
รับใช้จนลูกก้าวหน้าชั่วฟ้าดินีัั่่่่่่่่
นี่เป็นบทกลอนของท่านภู.ภัทรชนน ซึ่งเป็นบทกลอนที่ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
5 สิงหาคม 2547 00:55 น.
เบิ้ลผู้วิพุธ
ณ มุมหนึ่งซึ่งสลัวกลั้วแสงสี
เคล้านารีร่วมล้อมพร้อมเหล้าหวาน
คลอดนตรีเต้นรำฉ่ำดวงมาน
แสนสำราญลือเลื่องเลิศเมืองกรุง
ค่อนคืนค่ำกลับหอรอแฟนสาว
เผลอหลับยาวหยาดฝันถึงบ้านทุ่ง
นอนหนุนตักอุ่นแท้แม่ปัดยุง
เพราะขาดมุ้งแม่บอกฉันว่ามันแพง
แผ่วเพลงพร่ำคำซอคลอเห่กล่อม
ขวัญถนอมอ้อมอกอุ่นใช่หนุนแกล้ง
ดึกสงัดน้ำค้างหนาวเย็นร้าวแรง
กระท่อมแห่งขุนเขาโศกเศร้าตรม
เวียนผ่านวันผันวัยใช้ชีวิต
แม่สร้างสิทธิ์สร้างสุขปัดทุกข์ข่ม
เลี้ยงลูกรักรู้หลักเรียนเขียนอ่านชม
ความนิยมมิระย่อท้อแท้ใจ
นาที่ขาย ควายที่ผ่อนเงินก้อนหนึ่ง
วาดหวังซึ่งลูกสู่กรุงมุ่งสมัย
ปริญญาแม่สุดหวังสิ่งตั้งไว้
พร้อมสอนให้เพียรขยันวันอำลา
หลายปีผ่านชนบทแสนอดอยาก
จะลำบากอย่างไรแม่ไม่ว่า
ไม่มีแม้จดหมายลูกถูกส่งมา
หยาดน้ำตากี่หยาดหยดหลั่งรดริน
มือหยาบกร้านหนังเหี่ยวย่นหญิงคนแก่
ร่างของแม่อมโรคโศกถวิล
ส่ำสะล้อโหยหวนคร่ำครวญยิน
คงไม่สิ้นไร้ลูกรักกลับพักพิง
เสียงแฟนสาวบ่นปลุกรีบลุกตื่น
ฝัน เมื่อคืนคิดถึงแม่อย่างแท้ยิ่ง
หรือในฝันฟ้องเห็นความเป็นจริง
ฉันทอดทิ้งแม่อยู่ทุ่งกับยุงตอม
จ้องดูรูปเก่าแก่ที่แม่ให้
มองภาพไหวนอนหนุนอุ่นอกอ้อม
ระหว่างแม่กับลูกเหมือนสุขพร้อม
รักหล่อหลอมรินหลั่งฝังอุรา
รีบเร่งเขียนจดหมายหลายฉบับ
พร้อมยอมรับสารภาพบาปหนักหนา
แต่วันนี้โทรเลขที่ส่งมา
ข้อความว่า แม่ ล้มพับดับชีพแล้ว
บทกลอนนี้เป็นของท่านภู.ภัทรชนน ซึ่งเป็นบทกวีที่อ่านแล้วยิ่งทำให้คิดถึงแม่จริง ๆ ครับ