30 มกราคม 2556 17:56 น.
เที่ยนหยด
05.40 น. ขณะที่ฉันกำลังจะออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ เดินเกือบจะถึง
ประตูอยู่แล้ว...เอ้า! อุทานกับตัวเอง..เฮ้อ! ดันลืมหยิบกระเป๋าสตางค์ลงมาจาก
ห้องนอนชั้นบน..ฉันจึงเดินย้อนกลับขึ้นบันไดแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาขึ้น..
"อ้อยๆ " เสียงคนเรียกฉันอยู่หน้าประตูรั้ว..ฉันหยุดกึก! ด้วยคุ้นในน้ำเสียง
เออ..จริงซิน๊ะ..เช้านี้เป็นวันที่พี่สาวฉันซึ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัดจะมาถึงบ้าน
ฉันจึงเดินกลับไปที่ประตู......เสียงเรียกชื่อฉันดังขึ้นอีกครั้ง
"เอ้อ..ได้ยินแล้ว รอเดี๋ยว" ฉันตะโกนออกไปพร้อมกับหยิบกุญแจบ้าน
ฉันเปิดประตูในตัวบ้าน..มองไปที่รั้วก็เห็นพี่สาวฉันยืนอยู่พร้อมกับส่งเสียง
มาอีกครั้ง
"อ้อย ฉันโดนจี้" ฮ้า! ว่าไงน๊ะ..ฉันถาม..พร้อมกับรีบเดินไปเปิดประตูรั้ว
ให้พี่สาวเข้ามา
"เมื่อกี้เธอว่าอะไรน๊ะ" ฉันถามอีกครั้ง
"ฉันบอกว่าฉันโดนจี้" คราวนี้ชัดเต็มหูสองข้าง
"จริงดิ..โดนที่ไหนอ่ะ" ฉันรัวเสียงถาม
"หน้าบ้านแม่" พี่สาวตอบ
"บ้านแม่นี่น๊ะ" ไม่อยากเชื่อเลยให้ตายซิ
"แล้วมันทำอะไรเธอหรือเปล่า" ฉันพูดพร้อมกับสำรวจร่างพี่สาว
"เปล่า " พี่สาวตอบ เฮ้อ..ค่อยโล่งใจหน่อย ฉันพูดเบาๆ
ทันทีที่พี่สาวเข้ามานั่งในบ้านแล้ว...เธอจึงเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า
เธอนั่งรถทัวร์มาถึงหมอชิตตอนประมาณตี 4 เธอจึงต่อรถประจำทางเพื่อมา
บ้านแม่และเมื่อมาถึงปากซอยบ้านเวลาขณะนั้นยังไม่ถึงตี 5 ดี เธอเห็นว่าใน
ซอยบ้านยังคงมืดอยู่....และไม่เห็นมีผู้คนเดินแม้แต่คนเดียว..และยิ่งช่วงนี้
เป็นหน้าหนาว..เป็นที่รู้กันว่า จะสว่างช้ากว่าปกติ...เธอเลือกที่จะไม่เดินเข้ามาคนเดียว..จึงเดินเลยไปนั่งร้านข้าวแกงที่อยู่ซอยเยื้องๆกับซอยบ้านฉัน.
เพราะเธอคุ้นเคยกันดีกับแม่ค้า...
เวลาผ่านไปจนกระทั่งเธอเห็นว่า ตี 5 กว่าแล้ว...ซึ่งปกติ ในซอยบ้านฉัน จะเริ่มมีคนเดินออกมาบ้างแล้วบางคนก็ออกมารอใส่บาตรพระ บางคนก็ออกมาวิ่งออกกำลังกาย..เธอเลยคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรจึงตัดสินใจเดินเข้ามาในซอยบ้าน..
ซึ่งระยะทางจากปากซอยถึงบ้านแม่ประมาณสัก 20 เมตรกว่าๆ...ลืมบอกไปค่ะ
บ้านฉันกับบ้านแม่อยู่ซอยเดียวกัน...แต่บ้านแม่จะถึงก่อน..โดยห่างจากบ้านฉันเพียงตึก 10 ห้อง ย้อนกลับมาที่เหตุการณ์ต่อค่ะ...ในขณะที่เธอเดินเข้าซอย..
เธอบอกว่ามันเงียบมาก มากซะจนเธอเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ....แต่ก็ยังคิดว่าเดี๋ยวถึงหน้าบ้านแม่ก็ต้องเจอคนแล้ว...เพราะเยื้องๆกับหน้าบ้านแม่ จะมีร้านกาแฟ ร้านข้าวแกง ซึ่งสองร้านนี้จะออกมาเปิดร้านประมาณเวลานี้แหล่ะ....
เธอเล่าว่าเธอเองก็ไม่ประมาทนะคะ พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น..สองตาก็คอย
มองไปรอบๆตัวว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า...ขณะที่เธอเดินมาถึงกลางซอย...
เธอเห็น รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง..มีคนขับและคนซ้อนท้าย..ขี่สวนออกมาช้าๆ
เธอเห็นรถคันดังกล่าวเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆซอยหนึ่งซึ่งเป็นซอยตันอยู่ทาง
ซ้ายมือและถึงก่อนบ้านแม่...
เธอก็เริ่มเอะใจและคิดว่า รถคนนี้จะเข้าไปในซอยนั้นทำไม..ดูจากลักษณะแล้ว
ไม่น่าจะเป็นคนในซอย...เธอจึงมองตามเข้าไป..พร้อมกับเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น..
ในขณะที่ความรู้สึกบอกว่าจะต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่ๆ
พี่สาวบอกว่า..เห็นประตูบ้านแม่แล้ว..ใจเริ่มชื้น..แต่ เอ๊ะ..ทำไมวันนี้เงียบจัง
บรรดาร้านค้า..ก็ยังไม่เปิดเธอมองไม่เห็นใครสักคน..อย่าว่าแต่คนเลย..
เธอว่า แม้แต่สุนัขสักตัวก็ไม่มี..ปกติแล้วซอยบ้านฉันมีค่อนข้างเยอะด้วยซ้ำ
แต่วันนี้ไม่มีแม้แต่เงา...เธอเดินมาถึงหน้าบ้านแม่จนได้...แต่ก็ไร้ประโยชน์ค่ะ..เพราะเธอไม่มีกุญแจ...พูดถึงกุญแจนี่ก็เหมือนกัน..ฉันเคยบอกพี่สาวเสมอๆว่า ให้ไปปั๊มกุญแจไว้ทั้งบ้านแม่และบ้านฉัน..จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่ยอมไปปั๊มกลับอ้างว่าลืมเสมอๆ...
บ้านแม่เป็นตึกแถว...และไม่มีกริ่งหน้าบ้าน..ฉะนั้นต้องตะโกนเรียกคนในบ้าน
อย่างเดียว...แต่สำหรับเช้านี้คงยาก เพราะยังไม่มีใครตื่นลงมา...
พี่สาวฉันก็ทราบดี..เลยไม่ได้ตะโกนเรียกใคร..คิดว่านั่งรออีกเดี๋ยวก็ได้...เพราะ
เธอทำแบบนี้ประจำ...อีกอย่างหน้าบ้านแม่ก็มีแสงสว่างจากหลอดไฟใต้กันสาด
ก็ไม่น่าจะมีอะไร..เธอพยายามคิดปลอบใจตัวเองไว้ก่อน....
ขณะที่เธอนั่งอยู่นั้น...เธอมองเห็นร่างชายคนหนึ่งสวมหมวกกันน๊อค...กำลังเดิน
มาและทำทีเหมือนจะเดินผ่านเธอไป...เธอจึงมองตามไปโดยไม่ละสายตา..
ความรู้สึกมันบอกว่าต้องระวังตัว..เธอว่างั้น
แล้วก็จริงดังคาด..เขาเดินย้อนกลับมาแล้วตรงดิ่งมาที่พี่สาวฉันนั่งอยู่...ซึ่งในขณะนั้นเธอกำลังก้มลงไปปัดยุงที่บินมาเกาะขา...ชายคนนั้นตรงดิ่งมาทำทีเหมือน
จะแตะที่มือเธอ..แล้วถามว่า " เป็นไร" พี่สาวฉันตกใจรีบลุกขึ้นพร้อมทั้งปัดมือเขาออกไป..พร้อมกับพูดเสียงดังว่า.."อะไรเนี่ย" เธอถอยร่างมาพิงที่ประตูโดยที่ไม่สามารถจะหลบออกไปได้ เพราะมันผู้ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ยืนขวางเอาไว้...
(ต่อไปนี้ขอใช้สรรพนามแทนมิจฉาชีพคนนี้ว่า "มัน" แล้วกันน่าจะเหมาะดี)
มันเปิดหน้ากากหมวกกันน๊อต..และหยิบมีดออกมา..พูดขู่ว่า
"อย่าร้องน๊ะ"
"จะทำอะไรฉัน" พี่สาวฉันถามมันเสียงสั่น
"ถอดแหวนออกมาเดี๋ยวนี้" มันพูดเสียงเบากว่าพี่สาวฉัน
พี่สาวฉันบอกว่าในนาทีนั้นไม่ได้เสียดายของเลยแม้แต่น้อยรีบถอดแหวนทอง
ทองคำหนักหนึ่งสลึงที่สวมนิ้วอยู่ให้มันไป...หลังจากมันรับของไปแล้วจึงพูดขึ้นว่า
"ส่งกระเป๋าสะพายมาด้วย"
พี่สาวฉันคิดถึงเอกสารสำคัญจึงไม่ยอมให้ แต่กลับล้วงมือไปในกระเป๋าแทน
เธอหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเปิด และบอกมันว่า
"ฉันเหลือเงินอยู่แค่ 600 บาท เพราะเพิ่งมาจากต่างจังหวัด"
เธอส่งเงินให้มัน...มันมองเงินที่มือแล้วพูดเสียงเข้มๆ ว่า เอาไป!!! ไม่เอาหรอก..ชิชิ...ดูมันทำ..สงสัยเงินคงจะน้อยไป..เอ..รึว่าอยากเป็นคนดีมีคุณธรรมเร้อ..
จะยังไง แกก็คือโจรนั่นแหละฟร่ะ..จะเป็นอื่นก็หาไม่..จริงมั๊ยค่ะท่านผู้อ่าน..อิอิ
เมื่อได้ของไปแล้ว...มันรีบเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่พวกมันอีกคนติดเครื่อง
รออยู่..และแล้วมันทั้งสองก็ได้หายไปกับความมืดที่เกือบสว่าง...ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง (เล็กจริงๆค่ะ เธอสูงไม่ถึง 160 ซม.แถบยังชื่อ "เล็ก" อีกด้วยซิ) รีบเดินมาบ้านน้องสาวด้วยความตื่นตะหนก...
" เฮ้อ! เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา" ฉันบอกพี่สาวหลังจากฟังเธอเล่าจนจบแต่ก็ยังดีที่มันไม่ทำร้ายเอา.....และที่สำคัญอย่าได้ใส่เลยค่ะบรรดาเครื่องประดับมีค่าทั้งหลาย..เพราะคนระวังหรือจะสู้คนจ้องได้..คุณว่ามั๊ยค่ะ..
เล่าเรื่องโดย...เทียนหยด